เปิดประวัติ Hidetaka Miyazaki ผู้ให้กำเนิดซีรีส์ SOULS
ประธาน FromSoftware และผู้บุกเบิกระบบ Trial and Error ในเกม Action RPG
Highlights:
- เนื้อหาที่เขาสนใจมากที่สุดก็คือ “นิยายแฟนตาซี” และ “ไซ-ไฟ” แล้วด้วยความที่หนังสือเหล่านั้นเป็นภาษาอังกฤษ มันเลยทำให้เขามีปัญหาในการเข้าใจภาษา แต่เขาก็แก้ปัญหานี้ด้วยการ “จินตนาการเรื่องราวขึ้นเอง” จากภาพประกอบที่มีอยู่ในหนังสือเหล่านั้น วิธีการนี้มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองกำลัง “ร่วมสร้างเรื่องราวใหม่” ให้กับต้นฉบับที่มีอยู่
- เข้าสู่ช่วงปี 2009 ทาง FromSoftware ก็มีการปล่อยโปรเจกต์ใหม่ Demon’s Souls ซึ่งเป็นเกม Action RPG ใหม่ของทางค่าย แต่ตัวเกมกลับล้มเหลวไม่เป็นท่าในช่วงแรกที่มีการเปิดตัวออกไปในอีเวนต์ Tokyo Game Show ปีเดียวกัน ในขณะนั้น ฮิเดทากะ มิยาซากิ ก็เริ่มมีความคิดอยากจะนำไอเดียต่าง ๆ ที่ตัวเองคิดขึ้นได้ไป “ปรับปรุง” เกมขึ้นมาใหม่ เขาได้พยายามร้องขอกับทางบริษัทให้ยกการดูแลโปรเจกต์ไปให้เขาแทน โดยเขาก็คิดว่า “ถ้าเกมมันจะเสียหายไปมากกว่านี้อีก ก็คงไม่เป็นอะไรมากหรอก”
- ต่อมาในช่วงปี 2017 ก็มีการประกาศว่ามิยาซากิจะกลับมากำกับเกมใหม่อีกครั้ง โปรเจกต์นี้ก็คือเกม ELDEN RING ที่เปิดวางขายจริงในปี 2022 โดยเขาได้ร่วมมือกับ จอร์จ อาร์. อาร์. มาร์ติน (George R. R. Martin) นักเขียนนิยายชื่อดัง ในการสร้างเรื่องราวของเกมใหม่นี้ขึ้นมา ผลงานใหม่ของพวกเขามีเนื้อเรื่องที่เข้มข้นขึ้นและยังคงความเป็นดีเอ็นเอของซีรีส์ SOULS ไว้อย่างดี
หากพูดถึงหนึ่งในแฟรนไชส์เกมที่กลายเป็น Talk of the Town มากที่สุดขึ้นมาสักเกม ไม่ว่าจะเป็นในแง่มุมระบบเกมเพลย์ ชาเลนจ์แปลก ๆ มากมาย หรือแม้แต่คอนเทนต์มีม ก็คงแทบไม่มีใครเลยที่จะไม่รู้จักกับชื่อของ DARK SOULS และ ELDEN RING จากค่ายเกมชื่อดัง FromSoftware
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากเกมของ FromSoftware นั้นไม่ใช่เรื่องฟลุค แต่มันเกิดจากดีเอ็นแอของคีย์แมนคนสำคัญของพวกเขาอย่างคุณ ฮิเดทากะ มิยาซากิ (Hidetaka Miyazaki) ประธานบริษัท FromSoftware Inc. ก็ได้วางรากฐานใหม่ ๆ ให้กับเกมแนว Action-RPG มาอย่างยาวนานตั้งแต่เกม Demon’s Souls ของค่ายในปี 2009 มาจนถึง ELDEN RING ในปี 2022 ที่ผ่านมานี้ ตัวเกมทั้งหมดที่ค่ายของเขาสร้างไว้นั้นมีจุดเด่นในเรื่อง “ความยาก” ที่ผู้เล่นจะต้อง “เจ็บแล้วจำ” รวมถึงมีการนำกลิ่นอายของความเป็นยุโรปเข้ามานำเสนอผ่านเนื้อเรื่อง ตัวละคร สถาปัตยกรรมและสิ่งแวดล้อมในเกมด้วย
เรื่องราวของคุณมิยาซากิเองก็มีพื้นหลังที่น่าสนใจไม่แพ้กับตัวเกมล่าสุดของเขาที่เพิ่งได้รางวัล Game of The Year 2022 ไปเลย แล้วจะมีเรื่องอะไรบ้าง อ่านต่อกันได้เลย !
• พื้นเพที่ไม่ได้เรียบหรูของมิยาซากิ
ฮิเดทากะ มิยาซากิ เกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 1974 ในเมืองชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงโตเกียวและห่างไกลไปหลายร้อยกิโลเมตร เขาโตขึ้นมาในครอบครัวที่ไม่ได้มีฐานะดีแต่เป็นคนที่รักการอ่านเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดี พ่อแม่ของเขาก็ไม่ได้มีทุนทรัพย์มากพอที่จะนำไปซื้อหนังสือดี ๆ ให้มิยาซากิอ่านได้ เขาจึงจำเป็นต้องไปแวะเวียนห้องสมุดด้วยตัวเองอยู่บ่อย ๆ และ “ยืมหนังสือ” กลับมาอ่าน เขากลายเป็นนักอ่านตัวยงมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าจะไม่มีเงินซื้อหนังสือเองเลยก็ตาม
เนื้อหาที่เขาสนใจมากที่สุดก็คือ “นิยายแฟนตาซี” และ “ไซ-ไฟ” แล้วด้วยความที่หนังสือเหล่านั้นเป็นภาษาอังกฤษ มันเลยทำให้เขามีปัญหาในการเข้าใจภาษา แต่เขาก็แก้ปัญหานี้ด้วยการ “จินตนาการเรื่องราวขึ้นเอง” จากภาพประกอบที่มีอยู่ในหนังสือเหล่านั้น วิธีการนี้มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองกำลัง “ร่วมสร้างเรื่องราวใหม่” ให้กับต้นฉบับที่มีอยู่
อย่างไรอีกก็ดี ในช่วงที่เขายังเป็นเด็ก พ่อแม่ของเขาก็ “สั่งห้าม” ไม่ให้เขาแตะวิดีโอเกมเลย จนกว่าเขาจะโตพอและสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว ด้วยเหตุนี้ เขาก็เลยหันไปสนใจกับการเล่น “เกมบุ๊ค” (หนังสือนิยายที่ผู้อ่านจะสามารถเลือกการดำเนินเรื่องเองได้) และ “เกมกระดาน” (เช่น เกม Steve Jackson’s Sorcery! หรือ Dungeons & Dragons) แทน
ต่อมา มิยาซากิก็ได้ไปสอบเข้าที่ Keio University และเรียนจบปริญญาตรีในสาขาสังคมศาสตร์ได้สำเร็จ หลังจากจบมาได้ไม่นานเขาก็ได้งานใหม่เป็น “ผู้จัดการบัญชี” ของบริษัท Oracle Corporation จากสหรัฐอเมริกาเพื่อหาเงินส่งให้น้องสาวของเขาได้เรียนต่อ เมื่อเขาทำงานไปได้ระยะเวลาหนึ่งก็เริ่มมีเพื่อนคนหนึ่งเสนอให้ลองเล่นเกมแอคชันผจญภัย Ico สักครั้ง พอเขาได้ลองเล่นเกมนี้ในคอนโซล PlayStation 2 อย่างจริงจัง เขาก็เริ่มรู้สึกชอบ “วิดีโอเกม” ขึ้นมาทันทีและมันก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้เขาเริ่มอยากเข้าไปทำงานในวงการเกมเป็นครั้งแรก
มิยาซากิในวัย 29 ปี ก็เริ่มยื่นใบสมัครเข้าหาค่ายเกมต่าง ๆ ในตำแหน่ง “นักออกแบบเกม” โดยที่เขาก็รู้ตัวดีว่าตัวเองยังไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนเลยและคาดหวังว่ามันจะเปลี่ยนชีวิตเขาได้จริง ๆ จนในที่สุดเขาก็ได้ไปพบกับ FromSoftware ซึ่งในตอนนั้นยังอยู่ในการดูแลของคุณ นาโอะโตชิ ซิน (Naotoshi Zin)
หลังจากที่เขาเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็เริ่มเรียนรู้ภาษาอังกฤษมากขึ้น เขาได้ลองเล่นเกมหลาย ๆ เกมและกลายเป็นแฟนคลับเกมดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเกม Ico, Dragon Quest, The Legend of Zelda และ King’s Field นอกจากนี้เขาก็ยังเป็นแฟนตัวยงของมังงะ JoJo’s Bizarre Adventure, Berserk, Devilman และ Saint Seiya ด้วย ส่วนนิยายภาษาอังกฤษที่เขาเริ่มอ่านมากขึ้นก็จะมีเรื่องจาก เอช. พี. เลิฟคราฟท์, แบรม สโตกเกอร์ รวมถึง จอร์จ อาร์. อาร์. มาร์ติน ที่ในภายหลังทั้งสองคนนี้ได้ร่วมกันสร้างเกม ELDEN RING ขึ้นมา
• บ้านใหม่ ความสำคัญครั้งใหญ่ในวงการเกมของเขา
ในช่วงปี 2004 ซึ่งเป็นปีแรกของมิยาซากิกับ FromSoftware เขาได้รับหน้าที่เป็น “แพลนเนอร์” ให้กับโปรเจกต์เกม Armored Core: Last Raven ซึ่งในระหว่างนั้นเกมก็พัฒนามาได้ครึ่งทางแล้ว หลังจากจบโปรเจกต์นี้ไป เขาก็เริ่มศึกษาและพัฒนาตัวเองขึ้นมาจนได้รับโอกาสให้ไปกำกับเกม Armored Core 4 ขึ้นมา แล้วเขาก็ทำให้ผลงานนี้ออกไปเฉิดฉายได้สำเร็จ
เข้าสู่ช่วงปี 2009 ทาง FromSoftware ก็มีการปล่อยโปรเจกต์ใหม่ Demon’s Souls ซึ่งเป็นเกม Action RPG ใหม่ของทางค่าย แต่ตัวเกมกลับล้มเหลวไม่เป็นท่าในช่วงแรกที่มีการเปิดตัวออกไปในอีเวนต์ Tokyo Game Show ปีเดียวกัน ในขณะนั้น ฮิเดทากะ มิยาซากิ ก็เริ่มมีความคิดอยากจะนำไอเดียต่าง ๆ ที่ตัวเองคิดขึ้นได้ไป “ปรับปรุง” เกมขึ้นมาใหม่ เขาได้พยายามร้องขอกับทางบริษัทให้ยกการดูแลโปรเจกต์ไปให้เขาแทน โดยเขาก็คิดว่า “ถ้าเกมมันจะเสียหายไปมากกว่านี้อีก ก็คงไม่เป็นอะไรมากหรอก”
จนในที่สุด ด้วยความคิดสร้างสรรค์ในด้านแฟนตาซีและการถ่ายทอดเรื่องราวที่เขานำไปใส่ในเกม Demon’s Souls ใหม่อีกครั้ง ก็ทำให้เกมมีภาพรวมที่ดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา ตัวเกมเริ่มมีคะแนนวิจารณ์ที่สูงขึ้นจากสื่อหลายสำนัก แล้วก็เริ่มมีค่ายเกมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Sony Computer Entertainment ในโซนญี่ปุ่น, Atlus จากโซนสหรัฐฯ, Namco Bandai Partners (Bandai Namco เดิมจากโซนยุโรป) มาติดต่อขอนำเกมไปจัดจำหน่าย
เมื่อทาง FromSoftware เริ่มไว้วางใจในตัวมิยาซากิมากขึ้น เขาก็ได้รับโอกาสในการเป็นผู้สร้างเกมเองอีกครั้ง ในปี 2011 เขาได้พัฒนาและเปิดตัวเกม DARK SOULS ขึ้นมา ซึ่งเป็นเกมภาคต่อของ Demon’s Souls พร้อมกับมีการนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ ๆ ในการต่อสู้ การออกแบบด่าน การเล่าเรื่อง รวมถึง “ความยากแบบสุดขีด” ที่ทำให้ผู้เล่นหลายคนต้องถอดใจกันเป็นแถว ทั้งหมดนี้ทำให้ความนิยมของเกมแนว Action-RPG เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในยุคนั้น คะแนนวิจารณ์ของเกมก็อยู่ในระดับที่สูงเกินคาดเช่นกัน
DARK SOULS กลายเป็นเกมที่ได้การยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดตลอดกาลของโลก แล้วด้วยความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากเกมนี้ ก็ทำให้ฮิเดทากะ มิยาซากิ ได้เลื่อนขั้นเป็น “ประธานบริษัท FromSoftware” ในเดือนพฤษภาคม 2014 แล้วกลายเป็นก้าวสำคัญอีกครั้งของเขาในการสร้างผลงานเกมให้กับทางค่าย
• ประสบการณ์ชีวิตที่นำไปถ่ายทอดลงในเกม
นอกเหนือจากความชอบของมิยาซากิ ทั้งในเรื่องของการอ่านนิยายแฟนตาซีจากนักเขียนฝั่งตะวันตก อ่านมังงะญี่ปุ่น เล่นเกม RPG ก็แล้ว เขาก็ยังมีความสนใจในเรื่องของ “สถาปัตยกรรมยุโรป” อีกด้วย เขาศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ มานุษยวิทยา สังคม และจิตวิตยาแบบยุโรปอย่างจริงจังมาตั้งแต่ช่วงที่เขาเริ่มมีส่วนร่วมในการสร้างโปรเจกต์ Demon’s Souls รวมถึงโปรเจกต์เกม Action RPG ใหม่ ๆที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น
แล้วถ้าหากจะพูดถึงความโดดเด่นในด้านความเป็นยุโรปที่เขานำไปใส่ในเกมจริง ๆ ก็เริ่มมาจากเกม DARK SOULS ปี 2011 ที่เขานำต้นแบบ วิหารมิลานในอิตาลี และ Chateau de Chambord ของฝรั่งเศส ไปดัดแปลงใหม่ให้เป็นเมือง Anor Londo ที่อยู่ในเกม ในส่วนของการออกแบบด่าน สิ่งแวดล้อม ตัวละครและปีศาจในเกมนั้นก็คงความเป็นยุโรปเอาไว้เช่นกัน
อีกหนึ่งแรงบันดาลใจสำคัญที่เขานำมาปรับใช้ในเกมก็คือเหตุการณ์ที่เขาเคยขับรถบนถนนที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ แล้วรถหลายคันข้างหน้าก็เริ่ม “ไหลลงมา” ก่อนที่จะเริ่มมีผู้คนรอบ ๆ พื้นที่มาช่วยกัน “เข็นรถขึ้นไป” โดยที่มิยาซากิเองก็ได้รับการช่วยเหลือจากผู้คนกลุ่มนั้น แต่ยังไม่ทันได้ไปแสดงความขอบคุณ พวกเขาก็หายไปเสียแล้ว
เหตุการณ์นี้ทำให้เขาเริ่มคิดว่า “ถ้าหากคนสุดท้ายในเส้นทางนั้นไปถึงที่หมายได้จริง ๆ แต่กลับไม่ได้เจอคนอื่น ๆ อีก จะเป็นอย่างไรล่ะ ?” ข้อคิดนี้กลายเป็นที่มาของระบบ Multiplayer รูปแบบใหม่ของเกม DARK SOULS ที่จะทำให้ผู้เล่นเข้าใจถึงหลัก “ความเป็นมนุษย์” มากขึ้น
มิยาซากินิยามที่มาของ “ความยาก” ที่เขาออกแบบขึ้นมาในเกมนี้ว่ามันคือหนทางของการ “เอาชนะการเดิมพันที่สูงลิ่ว” ซึ่งมันจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลักการ “สร้างตัวละครในเกม” และ “การเลือกใช้อาวุธ” ของผู้เล่นด้วย ส่วนเรื่องการตายของผู้เล่นในเกมที่มีโอกาสเกิดขึ้นง่ายนั้นคือการส่งเสริมให้ผู้เล่นสามารถ “ลองผิดลองถูก” (Trial and Error) เพื่อเอาชนะให้ได้ การเล่าเรื่องของเกมก็จะไม่เล่าแบบตรง ๆ ให้เข้าใจไปเลย แต่ก็อยากให้ผู้เล่น “หาทางค้นพบมันด้วยวิธีการต่าง ๆ เอง” ซึ่งเขามองว่าเรื่องราวเหล่านั้นมันจะมีคุณค่ามากขึ้นถ้าผู้เล่นไปค้นพบมันด้วยตัวเอง
วิธีการเล่นทั้งหมดนี้กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มิยาซากิได้นำเสนอผ่านผลงานเกมในซีรีส์ SOULS รวมถึงโปรเจกต์ล่าสุดอย่าง ELDEN RING และทำให้เขากลายเป็น “ผู้มีอิทธิพล” ต่อวงการเกม Action RPG ในยุคนี้
• ชีวิตและสตูดิโอที่ไม่หยุดพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
FromSoftware ภายใต้การมีตัวตนของมิยาซากิก็เริ่มมีค่ายเกมอื่นติดต่อเข้ามา หนึ่งในนั้นคือ Sony Computer Entertainment ในปี 2012 ซึ่งในขณะนั้นทาง Sony ก็กำลังพัฒนาคอนโซล PlayStation 4 อยู่ แล้วได้มาติดต่อกับ FromSoftware เพื่อขอให้พวกเขาสร้างเกมมารองรับแพลตฟอร์มใหม่ที่จะเกิดขึ้นนี้ มิยาซากิได้รับหน้าที่ให้ไปดูแลในส่วนนี้โดยตรง เขาได้เริ่มคิดโปรเจกต์เกม Bloodborne ขึ้นมา
Bloodborne ไม่ใช่เกมที่มีความเชื่อมโยงอะไรกับเกมอื่น ๆ จากค่ายเลย แต่มิยาซากิก็ยืนยันว่าเขาอยากจะนำ “ดีเอ็นเอ” ของความเป็นเกม SOULS ใส่เข้าไปในโปรเจกต์ใหม่นี้ แต่ด้วยในขณะนั้นเองเขาก็ต้องดูแลโปรเจกต์เกมภาคต่อ DARK SOULS II ด้วย ทำให้เขาต้องตัดสินใจเลือกไปกำกับ Bloodborne แบบเต็มตัวและลดหน้าที่ตัวเองเป็น “หัวหน้างาน” ในโปรเจกต์ DARK SOULS II เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องทำงานหนักเกินไป
หลังจากที่ Bloodborne เปิดตัวไปในปี 2015 เขาก็ได้กลับไปดูแลโปรเจกต์แฟรนไชส์ SOULS อีกครั้ง โดยในครั้งนี้จะเป็นเกม DARK SOULS III ที่ได้เปิดวางขายจริงในปี 2016 แต่หลังจากที่เกมนี้ปล่อยไปได้ไม่นาน มิยาซากิก็ได้ประกาศ “รีไทร์” จากการพัฒนาเกมให้กับซีรีส์ SOULS และก็มีแผนที่จะไปพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ ๆ บ้าง เกมที่เขาได้พัฒนาต่อจากนี้ก็จะมีเกม Déraciné ในแพลตฟอร์ม Virtual Reality (VR) และ Sekiro: Shadow Die Twice เกม Action-Adventure ที่ได้รับรางวัลเกมมากมายในเวลาต่อมา
อีกเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจหยุดพัฒนาซีรีส์ SOULS ไป เพราะในปลายยุคปี 2010s เขาเริ่มมีลูกชายคนแรก ทำให้เขาเริ่มอยากโฟกัสกับการดูแลครอบครัวมากขึ้นและพักจากการทำงานหนัก ๆ ไปก่อน
ต่อมาในช่วงปี 2017 ก็มีการประกาศว่ามิยาซากิจะกลับมากำกับเกมใหม่อีกครั้ง โปรเจกต์นี้ก็คือเกม ELDEN RING ที่เปิดวางขายจริงในปี 2022 โดยเขาได้ร่วมมือกับ จอร์จ อาร์. อาร์. มาร์ติน (George R. R. Martin) นักเขียนนิยายชื่อดัง ในการสร้างเรื่องราวของเกมใหม่นี้ขึ้นมา ผลงานใหม่ของพวกเขามีเนื้อเรื่องที่เข้มข้นขึ้นและยังคงความเป็นดีเอ็นเอของซีรีส์ SOULS ไว้อย่างดี
จากสถิติในเดือนตุลาคม 2022 เกม ELDEN RING มียอดจำหน่ายไปแล้วมากกว่า 17.5 ล้านชุด พร้อมกับเป็นแชมป์ Game of The Year ในปี 2022 อีกด้วย ! เกมของพวกเขาได้รับการจัดจำหน่ายผ่านค่ายเกม FromSoftware ในโซนญี่ปุ่นและมี Bandai Namco Entertainment ผู้จัดจำหน่ายที่เป็นพาร์ทเนอร์รายใหญ่แล้วอยู่คู่กันมานานตั้งแต่ภาคแรก ๆ ของซีรีส์ SOULS เป็นผู้นำเกม ELDEN RING ไปจำหน่ายในโซนอื่น ๆ ทั่วโลก
• ความสำเร็จในวงการที่ต้องจารึกไว้
จากผลงานเกมที่โดดเด่นมากมายของ FromSoftware ไม่ว่าจะเป็นเกม DARK SOULS ก็ดี หรือจะเป็น ELDEN RING และอื่น ๆ ก็ทำให้ ฮิเดทากะ มิยาซากิ ได้รับรางวัล “Lifetime Achievement Award” ในงาน Golden Joystick Award ในปี 2018 โดยเขาได้รับมอบรางวัลจากผู้สร้างเกมที่เป็น “ไอดอลคนสำคัญของเขา” นั่นคือ เอียน ลีฟวิงสโตน (Ian Livingstone) และ สตีฟ แจ็กสัน (Steve Jackson)
นอกจากนี้ เขายังได้รับรางวัลพิเศษในงาน CEDEC Awards และ Japan Game Awards ในปี 2022 อีกด้วย ทั้งหมดนี้ก็ยิ่งเป็นการย้ำเตือนว่าชายที่ชื่อ ฮิเดทากะ มิยาซากิ นั้นมีอิทธิพลต่อวงการเกม โดยเฉพาะเกมแนว Action RPG มากขนาดไหน เขาไม่ได้เป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้แค่กับคนในวงการเกมเท่านั้น แต่ยังเป็นบุคคลสำคัญในแวดวงนักวาดมังงะและนักเขียนนิยายด้วย ผลงานทั้งหมดนี้ทำให้เขาได้รับฉายาจากสื่อหลายสำนักว่าเป็น “ออเตอร์ (Auteur) แห่งวงการเกม” ไปเลย
หลังจากนี้ก็ต้องมารอติดตามกันต่อไปว่าคุณมิยาซากิ หรือค่าย FromSoftware นั้นจะมีผลงานโดน ๆ อะไรมาเสิร์ฟให้กับชาวเกมเมอร์ในวันข้างหน้าอีกหรือไม่
อ่านบทความสุด Exclusive เกี่ยวกับประวัติบุคคลรวมถึงเรื่องราวต่างๆ ในวงการเกมได้ที่ : [คลิก]