ย้อนตำนาน ประวัติ PlayStation Portable (PSP) เครื่องเล่นพกพาจาก Sony
รวมข้อมูลของ PSP ทุกรุ่น ใครเคยมีตัวไหนมาบอกกันนะ
หากพูดถึงเครื่องเล่นเกมแบบพกพาแล้ว ต้องบอกเลยว่า PlayStation ยังคงเป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจเกมเมอร์สายฮาร์ดคอร์ที่ชื่นชอบประสบการณ์เกมโปรดักชันยักษ์เพราะการมาถึงของ PSP หรือ PlayStation Portable ก็ได้แสดงเทคโนโลยีเด็ดๆ มากมาย ปลดแอกเกมพกพาจากระดับสองมิติทั่วไปของเกมบอยเข้าสู่การถ่ายทอดโพลิก้อนคุณภาพสูง ซึ่งในโอกาสดีครบรอบ 20 ปีแบบนี้ ThisIsGame Thailand ก็จะพาทุกคนย้อนประวัติเครื่องรุ่นต่างๆ กันว่าแต่ละรุ่น ต่างกันอย่างไร
ประวัติของ PlayStation Portable
ก่อนอื่นขอแนะนำว่าเครื่องเล่นรุ่นนี้ได้มีการประกาศครั้งแรกในปี 2003 หรือ 21 ปีมาแล้ว ณ ตอนนั้นก็ทำให้คนจับตามองมากทีเดียวว่า Sony จะนำเสนอเกมพกพาออกมาได้อย่างไร จนในที่สุดก็ได้โชว์ตัวจริงๆ ในปีถัดมาและวางจำหน่ายช่วงปลายปีนั้นเลยและทำยอดจำหน่ายตลอดกาลรวมทุกรุ่นถึง 80 ล้านเครื่อง แม้จะห่างกับคู่แข่งกันถึงครึ่งต่อครึ่ง แต่ในฐานะผู้ที่ลงสนามครั้งแรกก็จัดได้ว่าเด็ดดวง และยังมีเกมออกมาให้เล่นมากมายตลอดช่วงอายุ
ตัวเครื่องมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 4.3 นิ้วความละเอียดที่ 480×272 พิกเซล นับว่าเพียงพอกับการเล่นเกม และดูภาพยนตร์ในสัดส่วน 16:9 รูปแบบพกพาในตอน 20 ปีก่อนได้ดีมาก ซึ่งสื่อการอ่านไฟล์ก็คือ Universal Media Disc ที่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมที่ด้านบนโค้งมนและมีลักษณะคล้ายแผ่นดิสก์ตรงกลาง โดยสื่อนี้ใช้บรรจุทั้งไฟล์เกมและไฟล์หนัง แถมยังรองรับการใช้งานระบบออนไลน์เครือข่าย PSN ที่นำมาใช้ต่อได้ถึงปัจจุบัน เห็นได้ว่าล้ำมากเลยใช่ไหมครับ ว่าแล้วอย่ารอช้าชมประวัติเครื่องข้างล่างนี้ดีกว่า
- PSP-1000
โมเดลแรกที่ได้รับการเปิดตัวในปี 2004 ซึ่งรุ่นนี้มาพร้อมกับแบตเตอรี่เริ่มต้นที่อึดกว่ารุ่นหลังทุกรุ่นด้วยปริมาณ 1800 mAh ทั้งนี้แม้ว่าโดยรวมจะสามารถเล่นเกมได้สบายๆ จนจบเจ็น แต่ในทางเทคนิคแล้วจะพบว่า RAM ของรุ่นนี้มีน้อยสุดที่ 32MB เท่านั้น (ส่วนเมมโมรีสำหรับการติดตั้งข้อมูลเกมก็ต้องใส่หน่วยความจำไปนะ) และหน้าจอจะไม่สามารถเร่งแสงได้ดีมากนัก อีกทั้งตัวเครื่องจะมีขนาดที่หนากว่าจนได้รับการปรับปรุงในภายหลัง ทั้งนี้ปฏิเสธไม่ได้ครับว่ามันคือการกรุยทางสู่ความยิ่งใหญ่ในอีกหลายปีให้หลัง
โฉมแรกที่ปรากฏตัวได้ทำให้ตลาดเกมพกพาคึกคักขึ้นมาทีเดียวด้วยการที่เครื่องนี้วางตัวเป็นอุปกรณ์มัลติมีเดียแบบพกพาสามารถทำได้ไม่แพ้ iPod รุ่นจอสีที่วางจำหน่ายในเวลาไล่เลี่ยกันเช่นการชมภาพ วิดีโอ และฟังเพลง แต่พ่วงด้วยความสามารถเล่นเกมคุณภาพสูง (ณ เวลานั้น) ระดับเดียวกับคอนโซลทำให้เกมเมอร์ต่างเทใจให้ไม่แพ้ Nintendo DS ที่เป็นคู่แข่งด้านวิดีโอเกมในตลาดโดยตรง
- PSP-2000
ความสำเร็จของรุ่นก่อนหน้าทำให้ในปี 2007 ทาง Sony ได้เข็นรุ่นปรับโฉมที่มีขนาดเป็นมิตรกับการพกพามากขึ้นเพราะเบาลงไปเยอะและไม่หนาตึ้กแล้ว เช่นเดียวกับ RAM ที่เพิ่มขึ้นเป็น 64MB เพื่อเสถียรภาพในการรันโปรแกรมระบบ และหน้าจอที่สว่างมากขึ้น กระนั้นต้องแลกไปกับปริมาณแบตเตอรีที่ 1,200 mAh เท่านั้น แต่ก็มีตัวเลือกสำหรับใครที่ต้องการอัปเกรดให้สูงสุดได้ที่ 2,200 mAh ครับ โดยรุ่นนี้นับเป็นรุ่นที่ทำยอดจำหน่ายได้มากที่สุดและเปิดขายเป็นเวลานานในตลาดถึงปี 2014
- PSP-3000
หากรุ่น 2000 เป็นรุ่นที่ปรับปรุงประสบการณ์ให้ดีขึ้นแล้ว รุ่นนี้ก็นับเป็นการอัปเกรด 2000 ให้ดีขึ้นด้วยหน้าจอที่สว่างสดใสมากที่สุด เล่นเกมนอกบ้านได้สบายๆ เพราะ LCD ของพี่แกทรงพลังมาก และยังมีไมโครโฟนติดมาให้ในตัวด้วย เช่นเดียวกับผังปุ่มที่หลายคนมองว่าดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ปิดท้ายด้วยถาดใส่ UMD ปรับโฉม ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความถนัดของผู้ใช้งานเองเพราะบางคนก็ไม่รู้สึกแตกต่างอะไรมาก อย่างไรเสียรุ่นนี้แม้จะเป็นรุ่นที่สมบูรณ์แบบที่สุดด้วยการปรับปรุงทุกส่วนยิ่งกว่า 2000 แต่น่าเสียดายที่ในปี 2012 ก็ยกเลิกการขายไปเหลือเพียงรุ่นก่อนหน้าเท่านั้น
- PSP Go หรือ N-1000
ต้องยอมรับว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นที่เกิดการพูดถึงไม่น้อยนับตั้งแต่วันเปิดตัวด้วยรูปทรงที่แตกต่างจากรุ่นอื่นคือการทำหน้าจอสไลด์ขึ้นแนวตั้ง และมาพร้อมกับหน่วยความจำแบบติดตั้งในเครื่องคือ 16GB ซึ่งถือว่าสูงกว่าเมมโมรีมาตรฐานที่ผู้เล่นใช้กันทั่วไปที่ 4 – 8GB ในขณะนั้น และจุดเด่นสำคัญก็คือไม่มีช่องอ่านแผ่นแต่อย่างใด นับว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ดิจิทัลเป็นครั้งแรกๆ เลยก็ว่าได้เพราะทุกคอนเทนต์ในเครื่องจะต้องติดตั้งผ่าน PlayStation Store ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหนังหรือเกม
อย่างไรก็ตามแม้จะมาพร้อมกับคอนเซปต์ที่แตกต่างจากรุ่นอื่นที่เคยทำมา แต่ก็ ‘มาก่อนกาล’ ไปสักนิด และยังมีเสียงบ่นในแง่ดีไซน์มากเหมือนกัน เริ่มจากขนาดหน้าจอที่เล็กลง การเปลี่ยนตำแหน่งปุ่ม PS ไปอยู่ห่างจากปุ่มทั่วไป รวมไปถึงอนาล็อกและปุ่ม Start Select ที่อยู่บนพื้นแบนร่วมกับปุ่มทิศทางจึงทำให้กดลำบาก ท้ายที่สุดก็ไม่น่าเชื่อว่าในปัจจุบันนี้เทรนด์การพัฒนาอุปกรณ์ดิจิทัลแบบนี้จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ให้กับหลายๆ เครื่องในที่สุด โดยเครื่องนี้ได้ยุติสายพานการพัฒนาไปในปี 2011 ก่อนรุ่น 3000 เสียอี๊ก
- PSP Street หรือ E-1000
รุ่นนี้ถือเป็นรุ่นสุดท้ายของตระกูล PSP อย่างเป็นทางการโดยเปิดตัวพร้อมกันกับ PlayStation Vita ด้วย ดังนั้นลักษณะการออกแบบจึงได้อิทธิพลบางส่วนมาจากเครื่องเล่นรุ่นดังกล่าวทั้งปุ่ม PS ที่เป็นการสัมผัสแผง รวมไปถึงปุ่มปรับแสงหน้าจอที่ถูกตัดออกเพื่อให้เข้าไปปรับผ่านเมนูในเครื่องได้เลย โดยถือเป็นรุ่นประหยัดที่ขายส่งท้ายก่อนเปลี่ยนมือสู่ Vita (ที่ก็เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นฝันร้าย) นอกจากนั้นจะพบว่าลำโพงได้ปรับใหม่ให้เป็นแบบ Mono และยังไม่มีฟังก์ชัน Wi-Fi อีกต่างหาก ซึ่งรุ่นนี้ไม่ได้มีการขายในพื้นที่บ้านเราแต่อย่างใด ดังนั้นคงจะไม่ค่อยมีคนเคยเห็น
มั่นใจได้ว่าผู้อ่านหลายคนก็คงจะเคยได้มีโอกาสสัมผัสเครื่องเล่นเกมรุ่นนี้กันไปแล้วบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งเครื่องนี้ก็มีซอฟต์แวร์น่าสนใจจำนวนมากทั้ง Crisis Core: Final Fantasy VII ที่เพิ่งเปิดตัวภาครีมาสเตอร์ หรือจะเป็นเกมเอ็กคลูซีฟ และเกมพอร์ตสเกล PS3 ที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นเกมพกพาได้อย่างลงตัว ว่าแล้วก็คิดถึงเหมือนกันนะเนี่ย ใครมีเกมดีๆ มาแนะนำ อย่าลืมแบ่งปันกันกับพวกเรา ThisIsGame Thailand ส่วนโอกาสหน้าจะมีข่าวเกมใหม่ๆ และข้อมูลเกมอะไรมาอัปเดต ขอเชิญติดตามที่นี่นะ