หากพูดถึงเกม RPG เพื่อนๆ จะคิดถึงกิจกรรมอะไรบ้างที่ทำให้เกมเมอร์อย่างเราขลุกอยู่แต่ในห้องและเล่นเกมๆ นั้นจนลืมเวลา (หรือที่เราเรียกว่าการวาร์ป) อาจจะจะเป็นการลงดันตีมอนเก็บเวล, การหาตามหาแรร์ไอเทมที่ยากจนต้องร้องไห้ หรือจะเป็นอะไรง่ายๆ อย่างการแต่งตัวละครของเราให้หล่อเท่ตามที่ใจต้องการ ซึ่งกิจกรรมที่ผมกล่าวมาข้างต้นก็เป็นองค์ประกอบหลักที่เพื่อนๆ หลายคนจะต้องเคยได้สัมผัสแน่นอนและมันก็คือหัวข้อในวันนี้กับ 7 ความฟินของเกมเมอร์สาย RPG และมันจะมีอะไรบ้างนั้นถ้าพร้อมแล้วก็มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
1. ได้ของดรอปตามที่ต้องการตั้งแต่ครั้งแรก
ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนที่เป็นคอเกมสาย RPG จะต้องคุ้นเคยกับการ Grinding อย่างแน่นอนเพราะมันมักจะมีอยู่เกือบทุกเกม โดยการ Grinding ก็คือการที่เราจะต้องทำอะไรซ้ำๆ ตั้งแต่การฆ่ามอนตัวนี้หลายๆ ครั้งหรือการวนทำภารกิจเดิมๆ เพื่อที่เราจะได้รับแรร์ไอเทมที่มีอัตราการดรอปที่ต่ำมากๆ ตัวอย่างเช่นในเกม Monster Hunter: World ที่หากเราต้องการไอเทมวัตถุดิบระดับแรก็ต้องทำการล่ามอนตัวนั้นซ้ำๆ หลายครั้งเพื่อที่จะได้มันมา (และมันก็พึ่งดวงหนักมากด้วย) ซึ่งหากคุณเป็นคนที่ดวงไม่ดีก็ต้องทำการวนลูบทำภารกิจนี้ซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ จนกว่าเกมจะเมตตาแต่ถ้าเราเกิดโชคดีและได้ไอเทมตั้งแต่การล่าครั้งแรกมันก็คงเป็นอะไรที่ฟินไม่น้อยจริงไหมครับ
2. ของให้ Loot มากมายจนลายตา
หากพูดถึงการ Grinding อีกหนึ่งสิ่งที่มาคู่กันก็คงไม่พ้น Loot หรือไอเทมที่ดรอปจากการที่เราทำภารกิจสำเร็จหรือฆ่าศัตรูตัวนั้นได้ โดยความฟินของมันก็คงไม่พ้นกับการที่เราได้ยินเสียงไอเทมดรอปออกมารัวๆ หรือจะเป็นการที่เราได้เข้าไปขโมยของในบ้านของ NPC ที่มีของใช้ของดีอยู่เต็มไปหมดอย่างเช่นใน The Elder Scrolls V: Skyrim ที่เราจะสามารถขโมยของทุกอย่างที่เราเห็นในฉากได้ตั้งแต่ของใช้ง่ายๆ อย่างพวกเครื่องครัว, อาหาร, ยาโพชั่นเพิ่มเลือดและพลังเวทย์ไปจนถึงอาวุธและชุดเกราะดีๆ ที่เราก็สามารถขโมยได้ถ้าสกิลมากพอเรียกได้ว่าถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ก็พร้อมรัวปุ่มเก็บ (หรือขโมย) ในทันทีเรียกได้ว่าได้ทั้งของและเงินก็ยังอยู่ครบอีกด้วย
3. ชนะบอสหรือศัตรูที่โหดหินลงได้
การชนะบอสสุดโหดนั้นไม่ใช่สิ่งเดียวที่คุณจะพบเจอในเกม Soulslike อย่างเดียวแต่ในเกม RPG หลายๆ ซี่รี่ย์ก็มักจะมีศัตรูระดับปราบเซียนที่คอยตบผู้เล่นอย่างเราให้หน้ามืดกันเป็นแถบๆ โดยในแต่ละเกมศัตรูประเภทนี้จะมีอยู่หลายรูปแบบตั้งแต่การเป็นบอสประจำฉาก, บอสลับหรืออาจจะเป็นศัตรูที่เดินเพ่นพ่านในแผนที่ World Map ร่วมกับศัตรูตัวอื่นๆ ในเกมซึ่งถ้าจะให้ยกตัวอย่างผมก็ขอยกเจ้าตัว Deathclaw จากเกมซี่รี่ย์ Fallout ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ภาคเจ้ามอนตัวนี้ก็ยังคงเป็นศัตรูสุดอันตรายที่เราไม่อยากเจอเพราะนอกจากมันจะมีเลือดที่เยอะแล้วดาเมจของมันก็พร้อมล้มเราได้ในการตีเพียงครั้งเดียว แต่ถึงอย่างนั้นเราก็สามารถชนะมันได้หากเตรียมตัวมาดีแถมการได้ตบเจ้า Deathclaw นอกจากจะมีของรางวัลที่คุ้มค่าแล้วและจำนวน Exp ที่เยอะมากๆ แล้วเราก็ยังได้ความสะใจที่ได้เอาชนะมันอีกด้วย
4. สร้างตัวละครได้อย่างอิสระ
ขึ้นชื่อว่าเกม RPG ทั้งทีการที่ตัวเกมจะเปิดโอกาสให้เราสามารถรังสรรค์ตัวละครของเราให้รูปร่างหน้าตาสวยหล่อได้ตามใจนึกก็เป็นอีกหนึ่งแรงดึงดูดสำคัญที่ทำให้ใครหลายคนถลุงเวลาไปกับเกมๆ นั้นนับหลายชั่วโมงตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเล่น ซึ่งตัวอย่างดีๆ ที่มีให้เราเห็นอยู่หลายเกมด้วยกัน Black Desert Online ที่มีระบบแต่งตัวละครสุดละเอียดตามสไตล์ MMORPG ตั้งแต่การปรับรูปร่างหน้าตาทรงผมจวบจนสรีระร่างกายที่จะทำให้คือลือ (หรือหล่อล่ำ) แค่ไหนก็ได้หรือจะเป็น Fallout ที่ถึงแม้จะแต่งให้หล่อสวยแบบเกมก่อนไม่ได้แต่ก็มีทางเลือกในการปรับแต่งความสามารถเฉพาะของตัวละครให้เหมาะกับสไตล์การของเราได้อย่างละเอียดยิบ
5. ได้อาวุธสุด Op ไว้ในครอบครอง
หลังจากที่เราทนตรากตรำต่อสู้ในด้วยอาวุธธรรมดาๆ กับศัตรูสุดหินมาตลอดเกมการที่เราได้รับรางวัลเป็นอาวุธทรงอานุภาพมาไว้ครอบครองก็คงเป็นความรู้สึกที่ดีไม่น้อยและถ้าใครนึกไม่ออกผมก็ขอยกตัวอย่างจากเกม Final Fantasy 7 ภาค Original (ภาคบน PS1) ที่จะมี Ultima Weapon สุด Op ที่นอกจากจะมีค่า Stat ที่สูงลิ่วแล้วก็ยังมีสกิลโจมตีที่เป็นการนำเอาค่า HP ของ Cloud มาเป็นดาเมจอีกด้วย (ยิ่งเลือดเยอะยิ่งแรง) และกว่าจะได้อาวุธชิ้นนี้มาก็ต้องปราบบอสลับ Ultimate Weapon ให้ครบทุกตัวซึ่งถึงแม้เงื่อนไขจะยากเอาเรื่องแต่การที่เราได้อาวุธเทพๆ มาไว้ในครอบครองก็เรียกได้ว่าคุ้มสุดๆ ไปเลยล่ะครับ
6. ได้ปั้นตัวละครจนเทพ
เรียกได้ว่าเป็นธรรมชาติของเกมแนวนี้ที่ตอนต้นเกมตัวละครที่เราเล่นมักจะอ่อนแอและไม่มีสกิลหวือหวาให้เราได้ใช้ จะต่อสู้แต่ละครั้งก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปและเลือกศัตรูอย่างระมัดระวังเรียกได้ว่าช่วงต้นเกมในหลายๆ ซี่รี่ย์ก็คงเป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อสำหรับใครหลายคนเพราะจะทำอะไรก็ดูจะมีข้อจำกัดไปหมด แต่เมื่อเราเล่นมาสักระยะหนึ่งผ่านการส่งเควสนับสิบ, ตีมอนโหดหินมามากมาย, หาของและเก็บเลเวลมาพักใหญ่ตัวละครของเราจากที่แรกๆ ทำได้แค่เพียงต่อสู้กับมอนกี้ๆ ก็ได้กลายมาเป็นนักรบสุดโหดหรือจอมขมังเวทย์ที่สกิลพร้อมล้างฉากได้ภายในพริบตาสักทีเรียกได้ว่าจะเก่งทีก็ต้องทุ่มเวลาสักหน่อย
7. ตัวเลือกในการดำเนินเนื้อเรื่องที่หลากหลาย
นอกจากการที่เกมต้องมีเนื้อเรื่องที่ดีแล้วอีกหนึ่งปัจจัยที่จะดึงดูดให้ผู้เล่นอย่างเราวางจอยไม่ลงก็คือการใส่ระบบทางเลือกในบทสนทนาหรือทางเลือกการกระทำบางอย่างที่ส่งผลต่อการดำเนินเนื้อเรื่อง ซึ่งตัวอย่างดีๆ ที่มีให้เราเห็นก็อาจจะเป็น Fallout: New Vegas ที่ทุกทางเลือกบทสนทนา, การกระทำที่เราเลือกและฝ่ายที่เราเข้าช่วยเหลือล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลถึงฉากจบทั้งสิ้นหรือจะเป็น The Witcher 3 ที่มีระบบคล้ายคลึงกับเกมก่อนหน้าแต่มันจะยกระดับความลึกขึ้นไปอีกขึ้นเพราะในเกมๆ นี้จะเต็มไปด้วยตัวเลือกที่ส่งผลถึงเส้นเรื่องในเกมมากมายหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการได้ลงเอยกับนางเอกคนไหน (หรือจบแบบอยู่คนเดียว), ความเป็นความตายของตัวละครหลักตัวหนึ่ง และฉากจบประเด็นแยกย่อยอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่านอกจากเกมจะทำให้เราติดหนึบอยู่กับจอแล้วการได้บทสรุปที่น่าพึงพอใจที่เป็นผลมาจากการเลือกของเรามันก็ทำให้เรารู้สึกถูกเติมเต็มจริงๆ ครับ
ก็จบกันไปแล้วนะครับกับหัวข้อในวันนี้เป็นยังไงกันบ้างมีข้อไหนบ้างหรือเปล่าที่ตรงกับใจกับเพื่อนๆ บ้าง โดยส่วนตัวผมก็เป็นเกมเมอร์ที่ชื่นชอบเกมแนวนี้อยู่ไม่น้อยเพราะนอกจากมันจะช่วยฝึกภาษาให้เราแล้ว เกม RPG ส่วนใหญ่ก็มีความยาวของเกมที่เต็มอิ่มและกิจกรรมให้ทำอย่างมากมายก่ายกองไปหมดแถมแต่ละอันก็มีรางวัลให้ที่หลากหลายชวนให้เราติดฟันและสนุกกับมันได้อยู่เรื่อยๆ แต่อย่างไรก็ตามหากเพื่อนๆ มีประสบการณ์ที่อยากแบ่งปันก็มาร่วมแชร์กันได้เลยครับ
