FPS หรือ เกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง เป็นแนวเกมที่ได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย ทว่าด้วยการแข่งขันที่สูงมีเกมใหม่ๆ ออกสู่ท้องตลาดตลอดเวลา วันนี้เราจะพาไปดูว่าจากข้อมูลประจำปี 2019 ของเว็บไซต์ Metacritic กันว่า เกม FPS ที่ได้คะแนนสูงที่สุด 5 ดันอับ และเกมทีได้คะแนนต่ำสุด 5 อันดับ มีอะไรบ้าง? โดยเราจะระบุคะแนนเฉลี่ยหลังชื่อเกมและจะวางลำดับสลับกันไปนะคะ เริ่มจากคะแนนน้อยที่สุด
10. ยอดเยี่ยม : Hunt: Showdown (81)
การันตีคุณภาพโดยชื่อค่าย Crytek ผู้ซึ่งมีผลงานเกมดังอย่าง Crysis มาก่อน ซึ่งในครั้งนี้ได้ตัดสินใจจะสร้างเกมแนว FPS ธีมสยองขวัญเหนือธรรมชาติและคลอดออกมาเป็น Hunt: Showdown เนื้อเรื่องจะได้ถูก Set ที่เมืองลุยเซียนาปี 1895 ย้อนกลับไปหลายร้อยปีก่อนที่โลกเต็มไปด้วยปีศาจต่าง ๆ ส่วนคุณก็คือหมอผีนั่นเอง การเล่นจะผสมผสานทั้ง PvP และ PvE ซึ่งจะเล่นเป็น Match ครั้งละ 12 คน ที่ผู้เล่นสามารถรวมทีมได้ 2-3 คน สาเหตุที่เกมนี้ประสบความสำเร็จและได้รับคำชมอย่างมาก น่าจะเพราะส่วนผสมของความเป็น FPS แบบดั้งเดิมที่เพิ่มเติมคือการหยิบยืมสไตล์ Battle Royale เข้ามา ตัวเลือกของอาวุธที่มีหลากหลาย และชื่อ Crytek เองก็เป็นเครื่องการันตีอย่างดี
9. ยอดแย่: Wolfenstein: Cyberpilot (50)
ไม่แน่ใจว่าเพราะ Bethesda Softworks มีข่าวดราม่าอื่น เยอะเป็นุทนเดิมอยู่แล้วหรือเปล่า ทำให้เกมนี้ไม่ได้รับการพูดถึงจากเกมเมอร์มากมายเท่าไหร่นัก Wolfenstein: Cyberpilot เป็นเกมที่สร้างมาสำหรับ VR โดยเฉพาะ ผู้เล่นจะได้เล่นเป็นผู้ต่อต้านชาวฝรั่งเศสที่จะต้องคอยแฮ็กข้อมูลต่าง ๆ ของเหล่าเครื่องจักรกลของนาซี การบังคับหลักๆ คือคุณจะต้องอยู่ในห้องควบคุมนักบิน (จะว่าเป็น VR cockpit ก็คือใช่) สิ่งที่ทำให้เกมนี้ได้คะแนนน้อยไม่ใช่เพราะตัวเกมแย่ มันเล่นได้สนุกและให้ประสบการณ์ VR ที่ดี แต่ที่โดนวิจารณ์เป็นเพราะตัวเกมเหมือนไม่ใช่เกมเต็มมากกว่า คล้ายเป็น Tech DEMO เฉย ๆ แต่กลับจำหน่ายในราคาถึง 20 USD! ที่ราคาค่าตัวไม่คุ้มค่ากับ Content ที่ได้รับสักเท่าไหร่
8. ยอดเยี่ยม: Pistol Whip (82)
ยังคงอยู่กันที่ประสบการณ์เล่นเกมแบบ VR แต่มาในแบบยอดเยี่ยมกันบ้าง เกมแนว Shooting จากค่าย Cloudhead ซึ่งเป็นค่ายอินดี้ที่ผลิตผลงานเกมป้อนเฉพาะผู้เล่น VR มาหลายต่อหลายเกม ถ้าคุณจิตนาการเกมนี้ไม่ออกให้ลองนึกถึง Beat Saber ดูก็ได้ค่ะ เพราะด้วยความที่เกมนี้จะเป็นการเล่นแบบยิงเข้าจังหวะเพลง มีผู้เล่นจำนวนมากที่เปรียบเกมนี้ว่า เสมือนคุณได้สวมบทบาทเป็น John Wick ก็ไม่ปราณ แถมตัวเกมยังมี Soundtrack ที่เจ๋งมาก ๆ อีกด้วย
7. ยอดแย่: Modern Combat: Blackout (50)
เกมบนมือถือก็มีคุณภาพและเกมเพลย์ที่เหมาะสมกับการเล่นบนมือถือ และในช่วงหลายปีมานี้ Mobile Games พัฒนามาไกลในแทบทุกด้าน แต่คงจะไม่ยุติธรรมนักหากจะเอาเกมคอนโซลไปเทียบกับเกมบนมือถือ เพื่อนๆ ว่าจริงไหม? ทว่าเกม Modern Combat: Blackout จากค่าย Gameloft ที่วางจำหน่ายให้กับ Nintendo Switch กลับฉีกกฎโดยการ Port มาที่ไม่ต่างอะไรจากมือถือเลย ปัญหาจึงได้เกิด เพราะคุณจะโดนเปรียบเทียบกับเกม FPS ระดับ AAA เทพๆ มากมายในวงการ และมันจะยิ่งแย่หนักเมื่อคุณวางจำหน่ายตัวเกมในราคาถึง 20 USD ที่เสมือนคุณภาพระดับคอนโซล! จะกลายเป็นอันดับที่ 7 สำหรับเกมยอดแย่ก็ไม่ค่อยจะแปลกใจนัก
6. ยอดเยี่ยม: Metro Exodus (82)
ผจญภัยครั้งใหม่ที่ยิ่งใหญ่และยอดเยี่ยมกว่าเก่าของเกมยิงแนวเอาชีวิตรอดสยองขวัญ ผลงานลำดับที่ 3 ของซีรี่ส์ Metro จากค่าย 4A Games จัดจำหน่ายโดย Deep Silver เกมแรกในซีรี่ส์ Metro 2033 วางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2010 ส่วนภาค Exodus เราจะยังคงได้รับบทเป็น Artyom เช่นเคย ทว่าเราจะไม่ได้อยู่ในโลกเพียงแค่ใต้ดินอีกต่อไป เหตุการณ์เกิดขึ้นจากภาค 2 ราว 2 ปีให้หลัง โดยเป้าหมายคือตามหาผู้รอดชีวิตคนอื่น ๆ จุดเด่นที่ทำให้ตัวเกมได้รับคำชมเป็นอย่างมากคือบรรยากาศความหลอน, ระบบ Customization ปรับแต่งอาวุธที่ยอดเยี่ยม, เนื้อเรื่องที่เข้มขันมาพร้อมเพลงประกอบที่ไพเราะ แถมยังมี Photo Mode ให้แวะพักถ่ายรูปอีกด้วย
5. ยอดแย่: Terminator: Resistance (47)
บ่อยครั้งที่เกมที่สร้างหรือดัดแปลงมาจากภาพยนตร์มักจะแป้ก (และภาพยนตร์ที่สร้างหรือดัดแปลงจากเกมเองก็เช่นกัน) และนั่นก็รวมเกมจากหนังลำดับล่าสุดของคนเหล็กด้วยเช่นเดียวกัน เผลอๆ บางทีบางคนอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเกมนี้ออกมาด้วยเหรอ เพราะกระแสเงียบจริง ๆ นักวิจารณ์ต่างลงความเห็นว่าตัวเกมช่างน่าเบื่อ และมาพร้อมกราฟิกที่แสนธรรมดาสุดๆ แถมัยังมี AI ที่ไม่ฉลาดอีกต่างหาก
4. ยอดเยี่ยม: Borderlands 3 (82)
หากพูดถึงค่ายเกม Gearbox แล้ว เกมเมอร์หลายคนก็ไม่วางใจ 100% ว่าผลงานเกมจะออกมาดีมีคุณภาพเสมอ หรือ DLC จะออกมาถูกใจ แต่หากพูดถึงซีรี่ส์ Borderlands นี่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าทำออกมาได้ยอดเยี่ยมทุกภาคจริง ๆ และภาคล่าสุดลำดับที่ 3 ก็กวาดคำชมจากทั้งนักวิจารณ์และคนเล่นไปมากโขทีเดียว ตัวละครเก่ายังคงกลับมาครบถ้วนส่วนเนื้อหาในเกมจะเกี่ยวข้องกับการป้องกันบ้านของคุณจากพี่น้องนรก Calypso Twins แน่นอนว่าก็ยังคงความเป็นเกม Dark Comedy เหมือนเดิม เป็นหนึ่งในเกมแนว FPS ที่เน้นหนักจัดเต็มเรื่องเนื้อเรื่องและตัวละครมาก ๆ และมันยังมีการพากย์ที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ ด้วยเช่นเดียวกัน ภาพรวมของตัวเกมนั้นคือผลงานเกรด AAA ที่แฟนเกมแนว FPS ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงค่ะ
3. ยอดแย่: Into The Dead 2 (46)
มาที่อันดับที่ 3 กับการ Port เกมมือถือสู่คอนโซลของ Nintendo Switch อีกครั้ง The Dead 2 ในฐานะเกมมือถือมันไม่ใช่เกมที่แย่แต่อย่างใด มันจัดเป็นเกม FPS ที่ดีและคะแนนสูงเกมหนึ่งเลยเสียด้วยซ้ำ ทว่าสิ่งที่ทำให้แฟนเกมรับไม่ได้ก็คือการ Port เกมคุณภาพมือถือมาใส่คอนโซลแล้วขายในราคา 35 USDต่างหาก! (ประมาณ 1,200 บาท) ตัวเกมเป็นธีมซอมบี้ว่าด้วยการช่วยเหลือครอบครัวของคุณให้อยู่รอดปลอดภัย มีเนื้อเรื่องเป็น 7 Chapter ให้เล่นและมีด่านให้ผ่านกว่า 60 ด่านด้วยกัน ทว่าในแง่ของความคุ้มค่าสำหรับคอนโซลแล้ว แนะนำให้ผ่านด้วยประการทั้งปวง
2. ยอดเยี่ยม: Apex Legends (89)
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วเกมนี้ถูกกล่าวว่ามันจะมาเพื่อโค่น Fortnite แม้ว่าปัจจุบัน Fortnite จะยังคงมีฐานผู้เล่นของตัวเองอยู่ แต่ Apex Legends ก็ได้สร้างมาตรฐานในแบบฉบับของตัวเองและฐานผู้เล่นของตนเช่นกัน โดยมีผู้เล่นทั่วโลกกว่า 70 ล้านคนในปัจจุบัน จุดเด่นอย่างหนึ่งคือเรื่องของมุมกล้องที่เป็นแบบบุคคลที่หนึ่ง และตัวละครอันเป็นที่รักและโปรดปรานของแฟน ๆ (ให้อารมณ์แบบ Overwatch คือมีปูมหลังมีเนื้อเรื่องเป็นของตัวเอง) ถ้าคุณสนใจเกม FPS ที่มีเกมเพลย์ที่ไวและและเน้นการเล่นเป็นทีมมากกว่า Battle Royale เพียว ๆ แถมยังมองหาเกมเล่นฟรีที่มีความสมดุลเรื่องของ Item และการเติมเงินภายในเกมที่แฟร์ต่อผู้เล่นมาก ๆ เกมหนึ่งด้วยแล้วล่ะก็ จัดมาเล่นกันได้เลย ไม่ผิดหวังแน่นอน
1. ยอดแย่: DayZ (31)
เกมเอาชีวิตรอดแบบ Early Access ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงที่สุดเกมหนึ่งบน Steam เลยก็ว่าได้ ทว่าตัวเกมก็อยู่ในภาวะระหว่างพัฒนาถึง 6 ปีด้วยกัน โดยเริ่มเปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2013 และออกจาก Early Access ธันวาคมปี 2018 อันที่จริงในแง่ของ Concept แล้วมันถือเป็นเกมที่น่าสนใจมากเกมหนึ่ง (จริง ๆ แล้วเกมนี้คือ Mod ของ Arma 3) และในปี 2019 เกมนี้ก็ได้ฤกษ์วางจำหน่ายบนคอนโซล และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของปัญหา ทั้งบั๊กที่มากมาย การแสดงผลที่ยอดแย่ จนทำให้มันกลายเป็นเกมยอดแย่อันดับที่ 1 จากข้อมูลสถิติคะแนนประจำปี 2019 ไปครอง
