สกู๊ปพิเศษ

ส่องความเห็นด้านลบของ The Last of Us Part II

ที่ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบันแม้ว่าตัวเกมจะมีอายุครบ 1 ปีแล้วก็ตาม

The Last of Us Part II น่าจะเป็นเกมที่เสียงแตกมากที่สุดในปี 2020 เพราะในช่วงแรกที่ตัวเกมได้ออกวางจำหน่าย เหล่าผู้เล่นได้มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจน และที่สำคัญไม่ใช่แค่ผู้เล่นฝั่งต่างประเทศเท่านั้นที่จริงจังกับเรื่องนี้ คนไทยเราเองยังการมีแบ่งข้างพร้อมตีกันได้ทุกเมื่อ คือถ้าพูดกันตามตรงสิ่งที่ใครหลายคนให้ความสนใจมากที่สุดในเวลานั้น ไม่ใช่เรื่องคุณภาพ, ความสนุก หรือความยอดเยี่ยมของ The Last of Us Part II แต่จะเป็นการก่นด่าคนเห็นต่างซะส่วนใหญ่ และดูเหมือนว่าในตอนนี้แม้ว่าเวลาจะผ่านมาแล้ว 1 ปีแล้ว ความคิดเห็นด้านลบที่มีต่อ The Last of Us Part II จะยังคงอยู่ไม่หายไปไหน ซึ่งมาในวันนี้เราลองมาไล่ดูกันดีกว่าว่าความคิดเห็นเหล่านั้นมีอะไรกันบ้าง

*บทความมีการสปอยเนื้อหาของ The Last of Us และ The Last of Us Part II

1. เกมนี้มันห่วยบรมแต่ก็ไม่เคยเล่นนะ

image 1649

มาเริ่มกันที่ข้อแรกกับคำด่ายอดฮิตติดลมบนมากที่สุดของ The Last of Us Part II นั่นคือ “เกมนี้มันห่วยบรมแต่ก็ไม่เคยเล่นนะ” เพราะถ้าลองย้อนกลับไปดูกระแสการด่าว่า The Last of Us Part II คือเกมห่วยอย่างไม่น่าให้อภัย ถือเป็นวลีเด็ดที่ใครหลายคนต่างพูดถ่มถุยใส่กันอย่างสนุกปาก แต่ที่พีคกว่านั้นคือการที่มีผู้คนบางส่วนมาร่วมวงด่าเกมนี้อย่างเมามันแต่ทิ้งท้ายว่า “พวกเขาไม่เคยเล่นเกมนี้หรอกนะ แต่รู้ว่ามันห่วยเลยขอด่าด้วยอีกคน” เรียกได้ว่าการด่าตามกระแสไม่ให้ตัวเองต้องตกเทรนด์อะไรประมาณนั้น แทนที่จริงๆ แล้วมันจะดีกว่าไหวถ้าเรามาร่วมยินดีที่มีเกมดีๆ ออกมาให้เราได้เล่นกัน (แต่ทางฝั่งประเทศไทยผมไม่แน่ใจว่ามีเรื่องแบบนี้ไหมนะ)

2. Joel จะไม่ทำพลาดแบบนี้แน่

image 1651

สำหรับใครที่เคยเล่นแค่ The Last of Us Part II ผมจะขอเท้าความถึง Joel ก่อนนะครับจะได้พอเข้าใจในบริบทมากขึ้น Joel Miller คือตัวเอกหลักที่เราจะได้เล่นใน The Last of Us โดยลักษณะนิสัยของลุงแกในเกมภาคแรก จะเป็นคนที่ระมัดระวังสิ่งต่างๆ รอบตัวตลอดเวลา มองโลกในมุมสีเทาและพร้อมรับมือกับสถานการณ์อันเลวร้ายอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้ทำให้ตลอดการผจญภัย Joel จะไม่เคยหลงกลอุบายของศัตรูเลยแม้แต่ครั้งเดียว ต่างจาก Joel ใน The Last of Us Part II ที่ได้รีบเข้ามาช่วย Abby แบบไม่ไถ่ถามอะไรสักคำ จนเป็นเหตุให้ตัวเขาโดนฆ่าตายในเวลาต่อมา ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ได้สร้างความกังขาให้กับเหล่าแฟนเกมเป็นอย่างมากในเวลาต่อมา (แต่ส่วนตัวผมรู้สึกเฉยๆ กับข้อนี้นะ)

3. มีแค่ SJW เท่านั้นแหละที่ชื่นชมเกมนี้

image 1650

ประโยคที่ว่า “มีแค่ SJW เท่านั้นแหละที่ชื่นชมเกมนี้” น่าจะเป็นอีกหนึ่งคำด่ายอดนิยมที่ The Last of Us Part II โดนกระหน่ำอย่างหนักในช่วงแรก เพราะถ้าเพื่อนๆ ได้ติดตามข่าวสารของ The Last of Us Part II ประเด็นที่ทำให้ทุกคนเดือดดาลกันมากที่สุด ส่วนใหญ่แล้วจะมาจาก เรื่องนอกเกมที่มีผู้พัฒนาบางส่วน รวมไปถึงหัวเรือหลักอย่าง Neil Druckmann ออกมาตอบโต้ความคิดเห็นต่อตัวเกมบนทวิตเตอร์อย่างดุเดือด (และมักจะใช้ถ้อยคำไม่ดี) บวกกับในช่วงเวลานั้น กระแสของเหล่านักเลงคีย์บอร์ด SJW ของฝั่งต่างประเทศได้ลุกฮือเปิดวอร์กับเหล่าแฟนเกม The Last of Us ภาคแรกด้วยคำด่าสารพัดอย่างที่คนคนหนึ่งจะสามารถคิดได้ ทำให้ในเวลาต่อมา The Last of Us Part II ถูกเหมารวมว่าเป็นเกมของพวก SJW ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย

4. The Last of Us Part II ไม่ใช่ภาคต่อที่แท้จริง

image 1653

อาจเป็นเพราะความยอดเยี่ยมของเนื้อเรื่องจาก The Last of Us ภาคแรกทำให้เมื่อผู้เล่นต้องเจอกับเหตุการณ์อันโหดร้ายใน The Last of Us Part II อย่างการตายของ Joel Miller เป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าจะทำใจได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้แฟนเกมหลายคนเริ่มที่จะปฏิเสธว่า The Last of Us Part II คือภาคต่อของ The Last of Us แต่ถ้าถามความคิดเห็นส่วนตัวของผม การที่ผู้กำกับเลือกที่จะทำแบบนี้อาจมีเจตนาคล้ายคลึงกับซีรี่ส์ The Walking Dead ที่ทุกตัวละครจะมีสิทธิ์ตายเท่ากันหมด ซึ่งก็รวมไปถึงตัวละครเอกที่มีโอกาสโดนฆ่าตายภายในเนื้อเรื่องได้เช่นกัน เป็นการส่งเสริมให้ผู้เล่นรู้สึกไม่ปลอดภัย และอินไปกับบทบาทภายในเกมมากขึ้น (แต่ผมเข้าใจนะเพราะผมเองก็ไม่อยากให้ Joel ตายเหมือนกัน)

5. ตอนจบของมันนั้นแย่เกินบรรยาย

image 1652

สำหรับในข้อนี้เพื่อนๆ น่าจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันมากพอสมควร เพราะนอกจากการตายของ Joel แล้วอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ทำให้ผู้เล่นเสียงแตกมากที่สุดคือบทสรุปของ The Last of Us Part II ที่ตัวเอกอย่าง Ellie เลือกที่จะไม่แก้แค้น Abby และ (น่าจะ) เสียคนรักอย่าง Dina ไปในตอนสุดท้ายซึ่งถ้านำตอนจบของ The Last of Us Part II มาเทียบกับเกมอื่นๆ อารมณ์ที่ได้จากการเล่นจะค่อนไปทาง Bad Ending ต่างจากเกมทั่วๆ ไปที่ตอนสุดท้ายมักจะเป็น Happy Ending หรืออย่างมากที่สุดก็เป็นแบบ Bittersweet ที่ไม่ได้เศร้าชวนให้จิตตกขนาดนี้ ทำให้ในเวลาต่อมาเหล่าแฟนเกมต่างพากันแสดงความไม่พอใจ ว่าตอนจบของตัวเกมมันน่าจะมีบทสรุปที่สมบูรณ์กว่านี้ คือไม่ต้องจบแบบ Happy ก็ได้แต่ขอบทสรุปที่มันครบถ้วนกว่านี้ไม่ได้จริงๆ เหรอ

image 141

แม้ว่า The Last of Us Part II จะมีผลตอบรับที่ฉีกออกเป็นสองด้าน แต่ถ้าเราลองพิจารณ์ในด้านความสมบูรณ์ของตัวเกม The Last of Us Part II ถือว่าสอบผ่านในหลายๆ ด้านทั้งงานภาพกราฟิกที่ทำออกมาได้สมจริงอย่างน่าเหลือเชื่อ, เกมเพลย์ที่ออกแบบได้อย่างยอดเยี่ยม (โดยเฉพาะการลอบเร้นคือดีจัด) , โลกของเกมที่ถูกรังสรรค์ออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ไปจนถึงรายละเอียดเล็กๆ ที่ทางผู้พัฒนาแอบใส่เข้ามาเพื่อแสดงถึงความใส่ใจ คือถ้ามองแบบภาพรวมจริงๆ The Last of Us Part II คืออีกหนึ่งเกมดีที่คุณควรหามาลองเล่นสักครึ่งเลยล่ะ

ที่มา
collider
Back to top button