เทคโนโลยี

[รีวิว] Legion Phone Duel เกมมิ่งโฟนเรือธง สเปคสุดแรง

ดีไซน์โดดเด่น อัดแน่นไปด้วยประสิทธิภาพ มาพร้อมไฟ RGB

ตลาดเกมมิ่งโฟนในตอนนี้ถือว่าอยู่ในช่วงที่กำลังมาแรงอย่างมากด้วยความที่มาพร้อมกับจุดเด่นในการเล่นเกมโดยเฉพาะ และในครั้งนี้เราก็ได้มีโอกาสที่จะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับ Legion Phone Duel เกมมิ่งโฟนรุ่นใหม่จากทาง Lenovo ที่มาพร้อมกับส่วนประกอบต่าง ๆ ที่พอจะบอกได้ว่านี่เป็นเกมมิ่งโฟนที่ดีที่สุดของปีนี้รุ่นหนึ่งเลยก็ว่าได้ จะมีอะไรที่น่าสนใจกันบ้างเราไปดูกันเลย

Specification

– หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.65 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 2400 x 1080 พิกเซล อัตราส่วน 19.5:9

– ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 865+ CPU Octa-core (1×3.09 GHz Kryo 585 & 3×2.42 GHz Kryo 585 & 4×1.8 GHz Kryo 585) ชิปกราฟฟิก Adreno 650

– RAM 16GB

– ความจุภายใน 512GB

– กล้องหลัง 2 ตัว ความละเอียด 64MP f/1.9 (Wide) + 16MP f/2.2 (Ultra Wide Angle) พร้อมไฟแฟลช LED และโหมดการทำงานต่างๆ

– กล้องหน้าความละเอียด 20MP f/2.2

– รองรับ Dual SIM แบบ Dual Standby ที่เป็นแบบนาโนซิม

– พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C 2 พอร์ต

– แบตเตอรี่ความจุ 5000mAh ถอดไม่ได้ รองรับชาร์จไว TurboCharge 90W

– ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบด้วย ZUI 12

– น้ำหนัก 239 กรัม

– ราคา 30,990 บาท

Design

Legion Phone Duel มาพร้อมกับการออกแบบที่โดดเด่นสะดุดตาเมื่อแรกเห็น ซึ่งสิ่งแรกที่ทำให้เรารู้ได้เลยว่าตัวเครื่องเป็นเกมมิ่งโฟนก็คือการออกแบบด้านหลังที่น่าสนใจ ด้วยการย้ายตำแหน่งกล้องหลังมาอยู่ที่บริเวณกลางเครื่อง เช่นเดียวกับแผงไฟตรงกลางที่เป็นโลโก้ของทาง Legion ก็ถูกนำมาไว้ในตำแหน่งนี้

image 77
image 78

ที่มุมของตัวเครื่องจะถูกตัดให้เป็นเหลี่ยมหากจะบอกว่าตัวเครื่องมีการออกแบบเป็นรูปทรงแปดเหลี่ยมก็คงจะไม่ผิดนัก 

สีที่ใช้งานของตัวเครื่องก็เป็นสีที่ชูให้เห็นถึงความเป็นเกมมิ่งที่อย่างสีแดงและดำที่ตัดสลับกัน โดยรุ่นนี้จะมีชื่อสีว่า Vengeance Red

image 79

ด้วยความที่เป็นเกมมิ่งโฟนฉะนั้นสิ่งที่จะมาขัดจังหวะประสบการณ์ในการเล่นเกมของเราอย่างลำโพง ที่มักจะเป็นเรื่องที่กวนใจเมื่อใช้งาน เพราะมือของเรามักจะไปปิดโดนลำโพงทำให้เสียงที่ได้ลดลง แต่สำหรับ Legion Phone Duel ไม่มีปัญหาในจุดนี้เพราะว่ามาพร้อมกับการนำลำโพงมาอยู่ที่บริเวณขอบบนและล่างของจอ

image 80

สิ่งที่ทำให้สามารถนำลำโพงมาไว้ที่ด้านบนของหน้าจอได้โดยที่ยังมีพื้นที่ใช้งานเต็มพื้นที่ ก็เพราะว่ามีการย้ายกล้องหน้าไปเก็บไว้ที่ด้านข้างของตัวเครื่อง หากมีการใช้งานก็จะมีการเลื่อนกล้องหน้าขึ้นมาจากที่ด้านข้างของตัวเครื่องแทน

image 81

มาดูพอร์ตการใช้งานกันบ้างที่ด้านขวาของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยปุ่มเปิด / ปิดเครื่อง ซึ่งสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ปุ่มก็เป็นกล้องหน้าแบบป๊อปอัพนั่นเอง ขณะเดียวกันก็มีส่วนของ Y-Trigger ที่ช่วยเพิ่มปุ่มในการเล่นเกมให้มากยิ่งขึ้นไปอีก

image 82
image 83

ด้านล้างของตัวเครื่องจะมีพอร์ต USB-C และช่องสำหรับใส่ซิม ขณะที่ด้านซ้ายของตัวเครื่องจะมีช่อง USB-C อีกหนึ่งช่องและปุ่มเพิ่ม / ลดเสียง

image 84
image 85
image 86

ขอย้อนกลับไปที่ด้านหลังของตัวเครื่องกันอีกสักหน่อยเพราะโลโก้ Legion ที่อยุ่ด้านหลังสามารถที่จะแสดงสี RGB ได้ อีกทั้งยังปรับแต่งสีได้ค่อนข้างอย่างอิสระภายในระบบของตัวเครื่อง

image 87

ยังไม่จบเพราะนอกจากการออกแบบของตัวเครื่องที่โดดเด่นแล้ว ทาง Lenovo ยังมีการเอาใจใส่ในการออกแบบของตัวกล่องมาให้น่าสนใจอีกด้วย เพราะว่าเมื่อเราเปิดกล่องในออกมาแล้วจะได้ยินเสียงเอฟเฟกต์ในการแสงผลออกมาให้เราได้ยินกันอีกด้วย เป็นอะไรที่ไม่เคยได้เห็นจากแบรนด์ใดมาก่อนเลย

image 88

อุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ให้มาครบครันไม่ว่าจะเป็นสาย USB-C 2 สาย เคส และอะแดปเตอร์สำหรับใช้งานไม่ต้องหาอุปกรณ์เสริมให้วุ่นวาย

Display

image 89

นอกจากตัวเครื่องที่มีการออกแบบที่แตกต่างแล้ว Legion Phone Duel ยังมาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.65 นิ้ว ที่มาพร้อมกับความละเอียด FHD+ ซึ่งบางคนอาจจะมองว่าทำไมไม่ให้ความละเอียดมาสูงกว่านี้ แต่เพราะด้วยจุดประสงค์ของการเล่นเกมฉะนั้นสิ่งที่สำคัญอาจจะไม่ใช่เรื่องของความละเอียดที่สูงจนเกินไป แต่เป็นเรื่องของ Refresh Rate และ Touch Sampling Rate เสียมากกว่า

image 90
image 91

ตัวเครื่องมาพร้อมกับค่า Refresh Rate 144Hz และค่า Touch Sampling Rate 240Hz ทำให้การเล่นเกมเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกอย่างมาก การสัมผัสแต่ละสิ่งในเกมกดแล้วตอบสนองทันที นอกจากนี้หน้าจอยังรองรับการแสดงผล HDR10+ ด้วย ทำให้นอกจากการเล่นเกมก็ยังสามารถนำไปใช้รับชมความบันเทิงอื่น ๆ ได้อีก และด้วยความที่หน้าจอมีขนาดใหญ่ทำให้สามารถนำไปใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้ค่อนข้างอิสระ

Performance

ประสิทธิภาพการทำงานของ Legion Phone Duel เป็นเรื่องที่เราไม่ต้องเป็นกังวล โดยรุ่นที่เราได้มาทดสอบจะมาพร้อมกับการใช้งานชิปเซ็ตเป็นตัวของ Snapdragon 865+  พร้อม ๆ กับแรมที่มีมากถึง 16GB พูดแค่นี้ก็น่าจะสัมผัสได้ถึงความแรงที่ซ่อนอยู่ภายในของตัวเครื่องกันแล้ว งั้นเราไปดูที่การทดสอบตัวเครื่องกันเลย

image 92

เริ่มที่การทดสอบด้วย AnTuTu พบว่า 633809 คะแนน โดยที่ยืนยันความเป็นเกมมิ่งโฟนด้วยประสิทธิภาพการทำงานชิปกราฟิกที่สูงอย่างมาก และเมื่อนำไปเทียบกับรุ่นอื่น ๆ แล้วก็พบว่ามีอันดับอยู่ที่หัวตารางแบบสบาย ๆ

image 93

ส่วนการทดสอบด้วย Geekbench 5 ก็ได้คะแนนในส่วนของ Single-Core ที่ 968 คะแนนและ Multi-Core 3225 คะแนนซึ่งก็ถือว่าทำออกมาได้ดีกว่ารุ่นอื่น ๆ

image 94

เรื่องของเซนเซอร์การทำงานก็มีมาให้ครบครันเช่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็น Gyroscope หรือ Proximity 

image 95
image 96
image 97
image 98
image 99

เข้าสู่ช่วงของการทดสอบเล่นเกมที่เราได้ทดสอบเกมไปกว่า 11 เกมจากหลากหลายแนวไม่ว่าจะเป็นเกมอย่าง Genshin Impact, Cabal M และ A3 ที่เป็นเกมแนวเก็บเลเวล เกมแนว FPS อย่าง Call of Duty และ PUBG Mobile เกมแนวกีฬาอย่าง PES 2021 และ Slam Dunk แนว MOBA อย่าง LOL Wild Rift และ RoV เกมแนว Racing อย่าง Asphalt 9 และสุดท้ายเกมแนว Fighting อย่าง Mortal Kombat ก็สามารถที่จะเล่นได้อย่างไม่มีปัญหา โดยปรับกราฟิกสูงสุดในแต่ละเกมเท่าที่จะมีให้ปรับได้ เฟรมเรทที่ได้ก็เรียกได้ว่ามากสุดเท่าที่ตัวเครื่องและเกมจะรองรับได้ เรียกว่าเหมาะกับการเป็นเกมมิ่งโฟนที่ทรงประสิทธิภาพอย่างมาก

image 100
image 101
image 102

นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมีฟีเจอร์สำหรับการเล่นเกมมาให้เราด้วยอย่าง Y-Trigger ที่จะช่วยให้เราสามารถใช้งานปุ่มแยกไว้ใช้งานที่ไม่ต้องสัมผัสบนหน้าจอได้อีก 2 ปุ่มคือบริเวณขอบด้านขวาของตัวเครื่อง โดยการตั้งค่าเราก็สามารถที่จะสไลด์หน้าจอลงมาภายในเกมและเลือกไปที่ Controller และตั้งค่าปุ่มให้ตรงกับตำแหน่งบนหน้าจอของแต่ละเกมได้เลย

image 103

พอพูดถึงการสไลด์หน้าจอลงมาแล้วเราก็จะพบกับซอฟต์แวร์ของทาง Legion ที่เกี่ยวกับเกมโดยเฉพาะมาให้ด้วย โดยที่เราจะเห็นข้อมูลต่าง ๆ ได้ค่อนข้างละเอียดไม่ว่าจะเป็นสัญญาณอินเทอร์เน็ต เรื่องของ Ping อุณหภูมิ รวมไปถึงการแสดงค่า FPS ที่เราสามารถดูได้จากตรงนี้เลย

image 104

ใครที่ต้องการความแรงแบบขั้นสุดสามารถกดไปที่ปุ่ม Rampage เพื่อสั่งให้ตัวเครื่องเรียกใช้งานประสิทธิภาพซีพียูและจีพียูแบบเต็มพิกัดได้อีกด้วย แน่นอนว่าสิ่งที่ได้กลับมาคือความแรงและความต่อเนื่องในการเล่นที่สูงกว่าปกติ 

image 105
image 106
image 107

อีกหนึ่งจุดเด่นของ Legion Phone Duel คือการที่มาพร้อมกับโหมด Stream ที่จะช่วยให้เราเล่นเกมไปด้วยบันทึกหน้าจอที่มีใบหน้าของเราไปด้วยได้โดยตรง ความพิเศษของฟีเจอร์ตัวนี้คือมันสามารถที่จะลบฉากหลังของเราและให้จับใบหน้าของเราได้ด้วย หรือจะพูดว่าเป็นการลบฉากเขียวพื้นหลังออกไปในการสตรีม และความถูกต้องของการลบก็ทำออกมาได้ถูกต้องมาก นอกจากนี้ยังสามารถใส่ฟิลเตอร์ต่าง ๆ ให้กับหน้าของเราได้ด้วย

image 108

และนอกจากนี้เรายังสามารถที่จะแบ่งหน้าจอออกเป็นสองหน้าจออย่างการเล่นเกมไปด้วย ดูคลิปบน YouTube ไปด้วย พร้อม ๆ กับการเปิดใช้งานโหมด Stream ไปด้วยก็ได้ โดยที่ไม่มีอาการสะดุดให้เราได้เห็น

Software

image 109

ระบบที่ใช้งานบนตัวเครื่องจะเป็นตัวของ Android 10 ที่ครอบด้วย ZUI 12 หน้าตาการใช้งานต่าง ๆ อาจจะดูแตกต่างจากสมาร์ทโฟนรุ่นทั่ว ๆ ไป โดยที่ตัว UI จะมาพร้อมกับความคลีนของระบบที่ไม่มีอะไรที่เป็น Bloatware ติดมาเลย ทุกอย่างที่ให้มาภายในระบบจะเน้นไปที่การใช้งานของเรา การทำให้พื้นที่ในการใช้งานมีมากที่สุด โดยรุ่นที่เราได้มาทดสอบในครั้งนี้มาพร้อมกับที่เก็บข้อมูลทั้งหมด 512GB และเมื่อติดตั้งเกมไปกว่า 11 เกมก็กินพื้นที่ไปเพียงแค่ 11 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง

image 110

นอกจากนี้ก็ยังมีการเพิ่มการปรับแต่งส่วนต่าง ๆ มาให้เราได้ใช้งานกันพอสมควรเช่นตัวของ 4D U-Touch ที่หากจะให้กล่าวเพื่อความเข้าใจง่าย ๆ ก็คือการเปลี่ยนตัวของปุ่ม Navigation ด้านล่างให้ไม่แสดงผลแต่เป็นการใช้งานผ่าน ท่าทางของเราและการสัมผัสแทน 

image 111

อย่างที่ได้บอกไปข้างต้นว่าตัวเครื่องมาพร้อมกับความสามารถในการแสดงผลแบบ 144Hz ทำให้เราสามารถที่จะปรับแต่งค่าในส่วนนี้ได้อิสระ และ Legion Phone Duel มาพร้อมกับความหลากหลายในการปรับแต่งอย่างมามีให้เลือกตั้งแต่ 60Hz ไปจนถึง 144Hz ตามความถนัดในการใช้งาน

image 112

อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ที่เอื้อต่อการเล่นเกมซ่อนเอาไว้อีกมากมายไม่ว่าจะเป็น Semi-real vibration ที่จะเป็นระบบการสั่นแบบพิเศษในเกมที่รองรับ หากเปิดใช้งานก็จะช่วยให้เราเข้าถึงการเล่นเกมที่ดียิ่งขึ้นไปอีกระดับ อารมณ์แบบเราถือจอยบนคอนโซลแล้วมีระบบสั่น Haptic Feedback นั่นเอง ตามมาด้วย Hyper Audio ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของเสียงภายในเกมและการรับชมวิดีโอให้ดียิ่งขึ้น และตัวของ Peripheral Mode ที่จะช่วยให้เราสามารถต่อเมาส์ คีย์บอร์ด และจอยเข้ากับตัวของ Legion Phone Duel เพื่อใช้งานเล่นเกมได้สะดวกขึ้นกว่าเดิม

image 113
image 114
image 115
image 116

ในส่วนของซอฟต์แวร์ที่ใช้งานในการปรับแต่งตัวเกมจะถูกเรียกว่า Legion Realm ที่ภายในเราสามารถเพิ่มเกมที่ต้องการให้รับการใช้งานฟีเจอร์พิเศษเข้าไปได้ โดยที่ภายในก็จะมีฟีเจอร์ที่เราเคยกล่าวมาในข้างต้นรวมเอาไว้ แต่สามารถที่จะเข้ามาปรับแต่งแต่ละฟีเจอร์ให้ละเอียดยิ่งขึ้นอย่าง Y-Trigger ที่สามารถเข้ามาปรับระดับแรงที่ใช้ในการกดได้

Battery

image 117

การเล่นเกมและแบตเตอรี่เป็นสิ่งที่อยู่คู่กันและขนาดของแบตเตอรี่ที่มีใน Legion Phone Duel ก็มากถึง 5000mAh โดยที่มีความอึดค่อนข้างมาก เพราะตัวเครื่องมาพร้อมกับการระบายความร้อนที่ดีทำให้ไม่เกิดความร้อนสะสมภายใน ที่จะก่อให้เกิดการไหลของแบตเตอรี่ที่เร็ว อีกทั้งยังมาพร้อมกับระบบชาร์จไว 90W ที่มีความพิเศษอย่างการขาร์จพร้อมกันสองพอร์ตได้ในเวลาเดียว ทำให้ความเร็วและกำลังไฟที่ตัวเครื่องจะได้พุ่งขึ้นสูงสุด ส่งผลให้สามารถชาร์จเต็มได้ในระยะเวลาเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น หรือถ้าใครรีบก็ชาร์จแค่ 10 นาทีก็ได้แบตเตอรี่ขึ้นมาถึง 50 เปอร์เซ็นต์

Camera

image 118

ด้วยความที่เป็นเกมมิ่งโฟน ฉะนั้นเรื่องของการถ่ายภาพอาจจะไม่ได้เป็นจุดขายหลัก แต่สิ่งที่มีมาให้ใน Legion Phone Duel ก็ถือว่าน่าประทับใจเช่นกัน ด้วยความที่มาพร้อมกับกล้องหลัง 2 ตัวความละเอียด 64MP f/1.9 และ 16MP f/2.2 ที่เป็นเลนส์แบบ Ultrawide ทำให้เราสามารถที่จะใช้ถ่ายได้หลากหลายสถานการณ์ การถ่ายในสภาพแวดล้อมปกติถือว่าทำออกมาใช้งานได้ดี เก็บรายละเอียดได้ครบ ส่วนโหมด AI ก็ค่อนข้างทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 20MP f/2.2 ที่ก็ให้รายละเอียดได้ดีแต่จะลำบากตรงที่การถ่ายกล้องหน้าด้วยแนวตั้งอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่คุ้นเคย ด้วยความที่ตัวกล้องย้ายมาอยู่ที่ด้านข้างของตัวเครื่องนั่นเอง

image 119
image 120

Conclusion

image 121

Legion Phone Duel ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่มีจุดขายเรื่องของการเล่นเกมที่โดดเด่น ด้วยความที่มาพร้อมกับการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์หาได้ยากในสมาร์ทโฟนทั่ว ๆ ไป พร้อมฟีเจอร์อย่างการแสดงผลไฟ RGB และ Y-Trigger ทำให้มันยิ่งเหมาะกับการเล่นเกมเข้าไปอีก ภายในยังมาพร้อมกับสเปคและฟีเจอร์ในการเล่นเกมโดยเฉพาะ ด้วยราคา 30,990 บาท ถือว่าคุ้มค่าที่จะเป็นเรือธงสำหรับการเล่นเกมที่หลาย ๆ คนควรมีไว้ครอบครองไม่น้อย

จุดเด่น

– การออกแบบที่โดดเด่นสะดุดตาสมกับที่เป็นเกมมิ่งโฟน

– ความทนทานของตัวเครื่อง

– หน้าจอความละเอียดสูงพร้อมรองรับการแสดงผล 144Hz

– ใช้งานสเปคอันเป็นที่สุดในปัจจุบันอย่าง Snapdragon 865+ และแรม 16GB

– มีฟีเจอร์สำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะมากมายเช่น Y-Trigger

– แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับระบบชาร์จไวที่น่าประทับใจ

– การปรับแต่งซอฟต์แวร์ระบบที่ทำออกมาได้ไม่มีสะดุด

– ลูกเล่นของกล้องหน้าในโหมด Stream ที่ค่อนข้างโดดเด่น

– อุปกรณ์ครบจบในกล่องเดียว

จุดสังเกต

– น้ำหนักของตัวเครื่องที่ต้องแลกมากับประสิทธิภาพที่อยู่ภายใน

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง Lenovo ประเทศไทยที่ได้ทำการส่ง Legion Phone Duel เกมมิ่งโฟนระดับสูงที่มาพร้อมกับองค์ประกอบสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะมาให้เราได้ทำการทดสอบกันใครที่สนใจสามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ตามช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ และร้านค้าไอทีชั้นนำทั่วไป

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อสินค้าได้ที่ : คลิก

Artherlus

แค่คนทั่วไปที่หลงใหลในวงการไอที
Back to top button