6 รายละเอียดที่คุณอาจไม่ได้สังเกตเกี่ยวกับเอลลี่ใน The Last of Us Part II
เล็กน้อยแต่มากไปด้วยความหมายที่จะทำให้คุณอึ้ง

สิ่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อเป็นอย่างมากของค่ายเกม Naughty Dog ก็คือการลงรายละเอียดแบบสุดลึกในการสร้างเกม ที่เรียกได้ว่าเป็นอันดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรมเกมเลยก็ว่าได้ หลังจากเกม The Last of Us Part II วางจำหน่าย แฟน ๆ ก็แห่ชื่นชมเรื่องของระบบฟิสิกส์เชือกกันยกใหญ่ และมาในวันนี้เรายังมีดีเทลเพิ่มเติมของตัวละครหลักอย่างเอลลี่มาให้ได้อ่านกัน มาดูกันว่าคุณได้สังเกตรายละเอียดพวกนี้หรือไม่
*คำเตือน* บทความต่อไปนี้จะมีการสปอลย์เนื้อหาและฉากจบของเกม The Last of Us ทั้งภาค 1 และ 2
1. ระบบการหายใจของเอลลี่

ความที่เป็นตัวละครคนละขั้วที่แตกต่างจากแอบบี้โดยสิ้นเชิง เอลลี่มีการเคลื่อนไหวและต่อสู้ที่ค่อนไปทาง Stealth หรือลอบเร้น หลบหลีก เป็นส่วนใหญ่ อันที่จริงมันอาจจะไม่สำคัญขนาดจะต้องโปรแกรมระบบฟิสิกส์ของเธอเสียใหม่ ทว่าค่ายเกม Naughty Dog ไม่มีทางยอมปล่อยรายละเอียดพวกนี้ให้หลุดมือ เขาจึงได้ใส่ระบบ Mechanic การหายใจให้เอลลี่โดยเฉพาะ ด้วยทั้งหมดทั้งมวลเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือที่สมจริงและมีส่วนร่วมเสมือนเอลลี่มีตัวตนหรืออย่างน้อยคุณรับรู้และอินให้ได้มากที่สุด คุณ Beau Anthony Jimenez ผู้ดีไซน์ด้านเสียงทวีตบน Twitter ว่า “ท้องฟ้าคือข้อจำกัด” (หรือง่าย ๆ คือมันไม่มีขีดจำกัดในการพัฒนานั่นเอง) การหายใจของเอลลี่นั้นจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่มากระตุ้นเธอ อาทิ สมมติหากเธอได้รับบาดเจ็บ จะส่งผลต่อการหายใจอย่างเห็นได้ชัด และความเหนื่อยล้า ไปจนกระทั่งอัตราการเต้นของหัวใจที่รุนแรงก็จะมีผลต่อการหายใจของเอลลี่ทั้งหมด รวมถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวเธอ หากเธออยู่ใกล้ศัตรูเธอจะปิดปากเพื่อให้เสียงลมหายใจออกมาเบาที่สุด และรวมถึงการวิ่งเช่นกัน
2. ความปรารถนาของเธอกลายเป็นจริง

ฉากที่เรียกได้ว่าเป็นฉากสุดซาบซึ้งอันแสนอบอุ่นดึงอารมณ์ของผู้เล่นมากที่สุดของเกม ก็คงไม่พ้นฉาก วันเกิดครบรอบ 15 ปีของเอลลี่ ที่โจเอลพาเธอไปผจญภัย ณ พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ นอกจากจะเต็มไปด้วยสิ่งที่เธอชอบมากมายแล้ว ยังมีเซอร์ไพรส์สุดท้ายคือ การได้สัมผัสกระสวยอวกาศของจริง ซึ่งคือสิ่งที่เธอชื่นชอบและมาจากบทสนทนาระหว่างการเดินของเอลลี่และโจเอลจากในภาคแรกเธอคอยบอกโจเอลว่าตอนเป็นเด็กเธอฝันที่จะเป็นนักบินอวกาศ ส่วนโจเอลบอกเขาอยากเป็นนักร้อง ในที่สุดความฝันของเธอก็ได้กลายเป็นจริง
3. ปฏิกิริยาต่อฝนและความเปียกชื้อ

ขณะที่เนื้อเรื่องกำลังดำเนินไป ณ เมืองซีแอตเทิลในตอนเริ่มต้นของตัวเกมนั้น ผู้เล่นจะต้องประสบกับฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อปฏิกิริยาของเธอ หากคุณนำเธอไปหยุดอยู่ตรงบริเวณที่มีน้ำไหลสาดกระเซ็น (เช่นป้ายรถเมล์เก่า) เธอจะแสดงอาการไม่ชอบโดยการห่อตัวให้เห็นทันที แต่หากเธอต้องเจอกับฝนแบบตกหนักเธอจะดึงฮู้ดขึ้นมาสวมแทน เป็นรายละเอียดเล็กน้อยที่ใส่ใจมาก ๆ
4. หุ่นยนต์ของแซม

ในตอนเริ่มต้นเกมฉากที่ห้องเอลลี่นั้นมี Easter Eggs ซ่อนอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่อง PlayStation 3 พร้อมเกมเก่าจำนวนหนึ่ง ทว่ามีสิ่งหนึ่งหากคุณไม่สังเกตดี ๆ ก็อาจจะพลาดไปได้ นั่นก็คือ หุ่นยนต์ของแซม ตัวละครจากในภาคแรกนั่นเอง เขาและพี่ชายเฮนรี่พบเจอกับโจเอลและเอลลี่ด้วยความบังเอิญและต้องทำให้ออกเดินทางไปพร้อมกัน ขณะที่ค้นร้านของเล่นแห่งหนึ่งพี่ชายของแซมไม่อยากให้เสียเวลาแต่เอลลี่ก็ยังแอบหยิบหุ่นยนตร์เอาไปมอบให้แซม ก่อนที่จะจบด้วยโศกนาฏกรรมอันแสนเศร้า ซึ่งมันยิ่งกินใจว่าเมื่อเราได้รู้ว่าเธอยังคบเก็บหุ่นตัวนั้นเอาไว้อยู่เสมอ
5. โรงละครที่เต็มไปด้วยฝุ่น

รายละเอียดอีกอย่างที่น่าสนใจก็คือ ฝุ่นอันหนาเตอะที่ปรากฏภายในโรงละครตอนเอลลี่และดีน่าไปซุกซ้อนตัว โรงละครดังกล่าวเป็นโรงละครร้างตั้งในเมืองซีแอตเทิล ปริมาณฝุ่นที่เกาะพื้นผิวเฟอร์นิเจอร์และเก้าอี้ที่นั่งทั่วทั้งโรงละครที่บ่งบอกว่ามันไร้การเยี่ยมเยียนจากผู้คนเป็นเวลานาน ทว่าความสมจริงอยู่ที่ว่า ฝุ่นดังกล่าวจะหายไปหากเอลลี่สัมผัสหรือนั่งทับ คุณจะเห็นช่องว่างที่หายไป ณ บริเวณนั้น ซึ่งเป็นอะไรที่เล็กน้อยมาก แต่ก็ยังอุตส่าห์ใส่เข้ามา
6. สร้อยของดีน่า

นี่น่าจะเป็นรายละเอียดที่สำคัญที่สุดที่คุณอาจจะไม่ได้สังเกต ตลอดทั้งเกมดีน่าจะสวมสร้อยข้อมือเส้นหนึ่งที่มีสัญลักษณ์แฮมซ่าเงินห้อยอยู่ (เป็นสัญลักษณ์รูปมือหรือหมายถึงสัญลักษณ์ของพระหัตถ์ของพระเจ้าที่เป็นความเชื่อในวัฒนธรรมตะวันออกกลาง) เราจะได้เห็นสร้อยเส้นนี้ตั้งแต่ตอนฉากเต้นรำของทั้งคู่ ซึ่งขณะเล่นตัวเกมตัวเอลลี่จะใส่สร้อยเส้นนี้ช่วงแอค์แรกที่อยู่เมืองซีแอตเทิล บ่งบอกถึงความสัมผัสของคนทั้งคู่ ทว่าตอนฉากจบที่เอลลี่กลับไปยังฟาร์มที่ปราศจากคนที่เธอรักและและ J.J. ลูกชายของเธอ แต่เธอยังคงสวมสร้อยเส้นนี้อยู่ แฟนจึงพากันตั้งทฤษฎีมากมายว่า บางทีฉากจบอาจจะไม่ใช่แบบที่เราคาดคิด เพราะขณะที่เอลลี่อยู่ที่ซานตาบาบาร่านั้น เธอไม่ได้สวมสร้อยเส้นนี้เลย อาจเป็นไปได้ว่าเธอกลับไปพบกับดีน่าที่แจ็คสันหรือที่ใดสักแห่ง แต่ถึงอย่างนั้นนี่ก็เป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น อย่างน้อย ๆ ก็แสดงถึงความใส่ใจในรายละเอียด และทำให้เกิดคำถามและการคาดเดาของแฟน ๆ ที่เสมือนเป็นฉากจบแบบเปิด (เอาจริง ๆ เราก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไร หรือ เกิดอะไรไปแล้วที่ตัวเกมไม่ได้บอก) ได้เป็นอย่างดี