[พรีวิว] TEKKEN 8 ช่วง Closed Network Test

TEKKEN 8 เป็นเกมภาคต่อที่บอกเล่าเรื่องราวการทวงแค้นของ Jin ที่ตามล่า Kazuya บิดาผู้กระหายสงครามที่คร่าชีวิตปู่ของเขา ซึ่งเกมจะยังใช้ Unreal Engine ในการพัฒนาเช่นเดิม แต่จุดเด่นที่สุดในครั้งนี้ก็คือ การสร้างโมเดลตัวละครขึ้นมาใหม่ทั้งหมดโดยไม่ได้ใช้โมเดลเดิม รวมไปถึงระบบเกมเพลย์ที่จะดุดันมากยิ่งขึ้น

ล่าสุดทาง Bandai Namco ได้ออกมาเปิดให้ผู้เล่นได้เข้าไปทดสอบเกมในช่วง Closed Network Test กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าไปร่วมสังเวียนในครั้งนี้ด้วย และผู้เขียนก็ไม่พลาดที่จะมานำเสนอพรีวิวเกมที่น่าสนใจให้ทุกคนได้ติดตามกันครับ

กราฟิกสวยงาม เอฟเฟกต์อลังการ

ต้องบอกก่อนว่าเกม TEKKEN 8 เป็นเกมที่ถูกโปรโมตมาตลอดว่าจะเป็นเกมที่มีความสวยงามยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ซึ่งหลังจากที่ผู้เขียนได้ทดลองเล่นเกมในเวอร์ชั่น CNT ก็ยอมรับเลยว่ากราฟิกภายในเกมนี้ทำออกมาได้ดีจริง ๆ

ต้องขอเริ่มอธิบายความประทับใจตั้งแต่โมเดลของตัวละครที่ถูกสร้างใหม่ตั้งแต่ต้น ทำให้เราจะได้เห็นตัวละครของเราในรูปลักษณ์ที่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความละเอียดที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้โมเดลของฉากต่าง ๆ ที่ถูกทำออกมาทั้งในฉากประกอบ และฉากที่สามารถถูกทำลายได้ก็ถูกทำออกมาได้ดีมีมิติสวยงาม ทำให้ผู้เขียนประทับใจและยอมรับเลยว่าเกมนี้เป็นเกมต่อสู้ที่มีกราฟิกสวยงามมากที่สุดเกมหนึ่งเลยก็ว่าได้

ในส่วนของเอฟเฟกต์ต่าง ๆ รวมไปถึงอนิเมชั่นภายในเกม TEKKEN 8 ก็เรียกได้ว่าสวยสะใจไม่น้อยเลยทีเดียว โดยทุก ๆ ท่วงท่าการโจมตีที่เกิดขึ้นก็เรียกได้ว่าลื่นไหลไม่ติดขัด แม้ว่าจะมีการปล่อยคอมโบรัว ๆ อนิเมชั่นภายในเกมก็ยังลื่นไหลสวยงาม และยิ่งผสมผสานกับเอฟเฟกต์ของเกมที่ในครั้งนี้มาแบบจัดหนักจัดเต็มบอกได้เลยว่าแค่ปล่อยคอมโบธรรมดาก็เจ๋งแล้ว ยิ่งใช้ท่าไม้ตายต่าง ๆ อย่าง Heat Smash, Heat Dash รวมไปถึง Rage Arts ก็เรียกได้ว่าอลังการจนน่าเสียดายมากว่าในการต่อสู้ 1 รอบเราจะได้รับชมท่าโจมตีสุดอลังการได้อย่างละครั้งเท่านั้นเอง

เกมเพลย์บู๊มันส์สะใจ แต่ยังคงต้องใช้เวลาเรียนรู้เยอะ

ทางคุณ Harada ได้บอกว่าเกมนี้มีเป้าหมายที่จะต้องการมุ่งเน้นให้ผู้เล่น “ดุดัน” มากยิ่งขึ้น ซึ่งจากการทดลองเล่นในช่วง CNT ก็บอกได้เลยว่ามีแต่คนดุดันจริง ๆ ครับ โดยต้องยกความดีความชอบให้กับระบบ Heat System และ Special Command ที่ทำให้ผู้เล่นเข้าถึงเกมได้มากขึ้น และออกลีลาการต่อสู้ได้ดุเด็ดเผ็ดมันส์มากขึ้น

เริ่มต้นจาก Heat System ที่ในครั้งนี้ผู้เขียนได้เล่นใน CNT จึงได้เข้าใจจริง ๆ เลยว่าการเข้าต่อสู้ภายในเกมนี้สำคัญอย่างไร เพราะยิ่งเราตั้งรับมากเท่าไหร่ นั่นยิ่งแปลว่าเรามีโอกาสแพ้มากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการโดนโจมตีทะลุการป้องกันที่เราสามารถโดนตอดเลือดไปได้เรื่อย ๆ ในขณะเดียวกันการโจมตีก็เป็นการฟื้นฟู HP ให้ตัวละครของเราเองด้วย ฉะนั้นการโจมตีดีกว่าการป้องกันแน่นอน (แต่ก็ต้องกะจังหวะดี ๆ ไม่งั้นโดนสวนเละเทะเช่นกัน)

นอกจากนี้ระบบ Special Command ที่จะทำให้ผู้เล่นสามารถเข้าถึงท่าโจมตีอันทรงพลัง พร้อมคอมโบโหด ๆ ได้แบบง่าย ๆ เพียงแค่กดปุ่มพื้นฐานง่าย ๆ ทำให้ผู้เล่นใหม่ก็เข้าถึงเกมนี้ได้ง่ายมาก ๆ โดยผู้เล่นสามารถสลับการใช้งานการควบคุมแบบปกติและแบบพิเศษได้ตลอดเวลาการต่อสู้เพียงแค่กดปุ่ม L1 ซึ่งถือว่าสะดวกมาก ๆ แถมการที่เปิดโอกาสให้สลับปุ่มได้อย่างอิสระยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแผนการต่อสู้ได้ตลอดเวลาอีกด้วย

อย่างไรก็ตามระบบการควบคุมนี้ก็ไม่ได้ลดระยะห่างของฝีมือระหว่างผู้เล่นมือใหม่ และมือเก๋าเท่าไหร่นัก เพราะส่วนใหญ่ผู้เล่นมือเก๋าจะรู้จักการช่วงชิงจังหวะ และมีคอมโบที่บอกได้เลยว่าโดนไปทีมีจุกแน่นอน ซึ่งจุดนี้ก็อาจจะยังคงเป็นกำแพงบาง ๆ สำหรับผู้เล่นที่ไม่ถนัดเกมต่อสู้อยู่บ้าง แต่ก็ถือว่ามีพัฒนาการที่จะดึงดูดผู้เล่นใหม่ให้เข้ามาเล่นเกมนี้ครับ

การเชื่อมต่อที่ข้ามแพลตฟอร์มที่ค่อนข้างลื่นไหล

แน่นอนว่าการทดสอบแบบ CNT นั้นจะมุ่งเน้นไปที่การต่อสู้ระหว่างผู้เล่นกันเองผ่านเครือข่าย ซึ่งผู้เล่นสามารถปรับแต่งการเชื่อมต่อได้ว่าจะต้องมีค่าสัญญาณที่เรตเท่าไหร่, เลเวลฝีมือห่างกันเท่าไหร่ รวมไปถึงอนุญาตให้เชื่อมต่อข้ามแพลตฟอร์มหรือไม่ โดยจุดที่ผู้เขียนประทับใจอยู่พอสมควรก็คือการเชื่อมต่อที่ค่อนข้างลื่นไหลแม้ว่าในสัปดาห์แรกของการทดสอบบน PS5 นั้นจะมีอาการกระตุกไปบ้าง แต่ถือว่าน้อยมาก ๆ หากเทียบเป็น % ก็คงอยู่ที่ประมาณ 5-10% เท่านั้น และมักจะเกิดจากการจับคู่กับผู้เล่นที่มีการเชื่อมต่อขีดสีแดง

ในขณะเดียวกันในการทดสอบสัปดาห์ที่ 2 ที่มีการเชื่อมต่อกับการเล่นข้ามแพลตฟอร์มก็ต้องบอกว่ามีความเสถียรมากขึ้น เพราะการเล่นกับผู้เล่นบน PC หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ นั้นไม่มีอาการกระตุกแต่อย่างใด แต่ยังคงมีอาการกระตุกหลงเหลือจากการเชื่อมต่อกับผู้เล่นที่มีการเชื่อมต่อขีดสีแดงซึ่งถือได้ว่าเป็นเรื่องปกติมาก ๆ

สรุปพรีวิว

ทั้งหมดนี้ก็คือประสบการณ์การทดสอบเกม TEKKEN 8 ในช่วง Closed Network Test ในครั้งนี้ครับ ซึ่งทีมงานเองก็ต้องขอย้ำว่า “ประทับใจ” อยู่พอสมควรเลยทีเดียว เพราะเกมนี้เปิดโอกาสให้ผู้เล่นใหม่ได้สนุกกันอย่างที่ควรจะเป็น และถ้าหากใครเป็นคอเกมต่อสู้จะต้องชอบ หากใครเป็นแฟน TEKKEN อยู่แล้วจะต้องชอบมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน

ภาพ Screenshots เพิ่มเติม