10 เกม Turn-based ที่ประสบความสำเร็จในยุคปัจจุบัน
"เกม Turn-based กำลังจะตาย" จริงหรอ ? แล้วทำไมเกมพวกนี้ถึงยังอยู่ได้

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ทุกท่าน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เกมแนว Action ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนมีหลายค่ายที่เคยเชื่อมั่นในระบบการต่อสู้แบบ Turn-based เริ่มหันหลังให้กับมัน หนึ่งในค่ายเกมเหล่านั้นคือ Square Enix ที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า “เกม Turn-based มันกำลังจะตาย” และด้วยเหตุนี้เอง Final Fantasy จึงเปลี่ยนแนวเป็น Action อย่างเต็มตัวตั้งแต่ภาค 15 เป็นต้นมา แต่ความจริงแล้ว ตลาดเกม Turn-based กลับไม่เคยตายและมีผู้เล่นอย่างเหนียวแน่น มันยังเติบโตและสร้างแรงบันดาลใจให้เกมเมอร์จำนวนมากในยุคปัจจุบัน ผมจะพาผู้อ่านไปชม 10 เกม Turn-based ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในยุคที่ใครหลายคนบอกว่ามันไม่ควรจะรอดครับ
1. Persona 5

Persona 5 เป็นเกม JRPG แนวเทิร์นเบสที่วางจำหน่ายในหลาย ๆ แพลตฟอร์มทั้ง PC และ Console ธีมของเกมเน้นเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นที่ต่อสู้กับความอยุติธรรมในสังคมผ่านโลกจิตใต้สำนึก โดยผู้เล่นจะรับบทเป็นนักเรียนมัธยมปลายที่ใช้ชีวิตประจำวันในโรงเรียนและต่อสู้ในโลกเหนือจริง เกมเพลย์ผสมผสานระหว่างการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การเรียน การสร้างความสัมพันธ์ กับการต่อสู้แบบเทิร์นเบสที่เน้นกลยุทธ์และการใช้ “Persona” ซึ่งเป็นตัวแทนของจิตใจในการต่อสู้ ความนิยมของเกมมาจากการเล่าเรื่องที่เข้มข้น ตัวละครที่มีมิติ ระบบเกมที่ลึกซึ้ง และการออกแบบศิลป์ที่โดดเด่น ทำให้ Persona 5 ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเกม JRPG ที่ดีที่สุดในยุคปัจจุบันครับ มียอดขายทั่วโลกมากกว่า 10 ล้านชุด เลยทีเดียว
2. Metaphor: ReFantazio

Metaphor: ReFantazio เป็นเกม JRPG แนวเทิร์นเบสจาก Atlus ที่วางจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม PC และ Console โดยมียอดขายทะลุ 1 ล้านชุด ภายในวันแรกที่เปิดตัว เกมมีธีมแฟนตาซีการเมืองในโลกที่ชื่อว่า “Euchronia” ซึ่งสะท้อนประเด็นสังคมจริง เช่น ความเหลื่อมล้ำ การเลือกปฏิบัติ และความวิตกกังวล ผู้เล่นรับบทเป็น Will เด็กหนุ่มจากเผ่าเวทมนตร์ที่เข้าร่วมการแข่งขันเพื่อชิงบัลลังก์และปลดปล่อยเจ้าชายจากคำสาป เกมเพลย์ผสมผสานการสำรวจเมืองและภูมิประเทศกับการต่อสู้แบบเทิร์นเบสที่ใช้ระบบ “Archetype” ซึ่งเป็นการปลุกพลังภายในของตัวละครเพื่อปลดล็อกความสามารถใหม่ ๆ นอกจากนี้ยังมีระบบการจัดการเวลาและการสร้างความสัมพันธ์กับ NPC ที่ส่งผลต่อเนื้อเรื่องและการพัฒนาตัวละครด้วยครับ
3. Fire Emblem: Three Houses

Fire Emblem: Three Houses เป็นเกมแนววางแผนเทิร์นเบสที่วางจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม Nintendo Switch มียอดขายทั่วโลกมากกว่า 4.12 ล้านชุด เกมมีธีมเกี่ยวกับการเมืองและสงครามในดินแดนสมมุติชื่อว่า Fódlan โดยผู้เล่นจะรับบทเป็นอาจารย์ที่ต้องเลือกหนึ่งในสามบ้านเพื่อฝึกฝนนักเรียนและนำพวกเขาผ่านเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลต่ออนาคตของทวีป เกมเพลย์ผสมผสานระหว่างการวางแผนการต่อสู้แบบเทิร์นเบสกับการจำลองชีวิตในฐานะอาจารย์ เช่น การสอน การสร้างความสัมพันธ์ และการบริหารเวลา แถมเนื้อเรื่องหลักยังเปลี่ยนไปตามบ้านที่เราเลือกอีกด้วย การใส่ใจพวกเขาตอนเด็ก จะส่งผลต่อสงครามเมื่อพวกเขาเติบโตครับ
4. Yakuza: Like a Dragon

Yakuza: Like a Dragon เป็นเกมแนว RPG แบบเทิร์นเบสที่วางจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม PC และ Console โดยมียอดขายทั่วโลกมากกว่า 1.8 ล้านชุด เกมมีธีมเกี่ยวกับการฟื้นตัวจากจุดตกต่ำในชีวิตของชายคนหนึ่ง โดยผู้เล่นจะรับบทเป็น “อิจิบัง คาสุกะ” อดีตยากูซ่าที่เพิ่งพ้นโทษและต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองโยโกฮาม่า เนื้อเรื่องเน้นการสร้างความสัมพันธ์และการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในสังคมที่ไม่เป็นธรรม เกมเพลย์ผสมผสานการสำรวจเมือง การทำภารกิจย่อย และการต่อสู้แบบเทิร์นเบสที่มีระบบอาชีพให้ผู้เล่นสามารถปรับเปลี่ยนบทบาทของตัวละครได้หลากหลาย นอกจากนี้ยังมีมินิเกมและกิจกรรมเสริมที่หลากหลาย การเล่าเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ทำให้สามารถดึงดูดผู้เล่นใหม่ ๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานจากภาคก่อน ๆ ครับ
5. Sea of Stars

Sea of Stars เป็นเกมแนว RPG แบบเทิร์นเบสที่วางจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม PC และ Console โดยมียอดขายทะลุ 250,000 ชุด ภายในสัปดาห์แรกหลังเปิดตัว แม้จะไม่ถึงล้าน แต่ก็เป็นเกมอินดี้พุ่งแรงกว่าเกม AAA จากค่ายยักษ์ใหญ่อย่างมาก เกมนี้มีธีมแฟนตาซีผจญภัย โดยผู้เล่นจะติดตามเรื่องราวของ Zale และ Valere สองนักรบแห่งสุริยันและจันทรา ที่ต้องร่วมมือกันใช้พลังเวท “Eclipse Magic” เพื่อหยุดยั้งแผนการชั่วร้ายของนักเล่นแร่แปรธาตุชื่อ The Fleshmancer ระบบเกมเพลย์เน้นการต่อสู้แบบเทิร์นเบสที่ผสมผสานกับการกดปุ่มตามจังหวะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการโจมตีและป้องกัน รวมถึงการสำรวจโลกที่มีความลื่นไหลและการแก้ปริศนาในดันเจียนต่าง ๆ ความโดดเด่นของเกมนี้อยู่ที่การผสมผสานระหว่างกลิ่นอายของเกม RPG ยุค 16 Bit กับการออกแบบที่ทันสมัย ทั้งในด้านกราฟิกที่สวยงามและเพลงประกอบที่ไพเราะครับ
6. Darkest Dungeon

Darkest Dungeon เป็นเกมอินดี้แนว RPG แบบเทิร์นเบสที่วางจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม PC และ Console โดยมียอดขายทั่วโลกมากกว่า 6 ล้านชุด แต่ถ้ารวม DLC ทุกอย่างเข้าไปด้วยแล้วจะขายได้ถึง 16 ล้านชุดเลยทีเดียว เกมมีธีมเกี่ยวกับการสำรวจดันเจี้ยนโดยต้องจัดการทีมฮีโร่ที่มีความผิดปกติทางจิตใจ เช่น ความกลัว ความเครียด และความวิตกกังวล เพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวและเอาชนะความมืดมิดที่คืบคลานเข้ามา เกมเพลย์เน้นการต่อสู้แบบเทิร์นเบสที่ต้องใช้กลยุทธ์ในการจัดตำแหน่งตัวละครและการใช้ทักษะต่าง ๆ รวมถึงการบริหารจัดการความเครียดของตัวละคร ซึ่งมีผลต่อประสิทธิภาพในการต่อสู้และความอยู่รอดของทีมครับ
7. Hero’s Adventure: Road to Passion

Hero’s Adventure: Road to Passion เป็นเกม RPG อินดี้สไตล์ Wuxia แบบเทิร์นเบสที่วางจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม PC และมือถือ และมียอดขายกว่า 1 ล้านชุด เกมมีธีมเกี่ยวกับการผจญภัยในแดนจอมยุทธ์ที่เต็มไปด้วยการต่อสู้และการเมืองในยุคจีนโบราณ ผู้เล่นจะรับบทเป็นตัวละครที่เริ่มต้นจากศูนย์และต้องตัดสินใจในเส้นทางชีวิตของตนเอง เกมเพลย์เน้นการต่อสู้แบบเทิร์นเบสที่ผสมผสานกับการสำรวจโลกเปิดและการสร้างความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ ผู้เล่นสามารถฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ เลือกเข้าร่วมกับฝ่ายต่าง ๆ และมีหลายตอนจบที่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้เล่น กราฟิก Pixel Art ที่มีเสน่ห์ ระบบการต่อสู้ที่ลึกซึ้ง และเนื้อเรื่องที่มีความหลากหลาย ทำให้เกมนี้ได้รับความสนใจจากผู้เล่นมากครับ
8. Honkai: Star Rail

Honkai: Star Rail เป็นเกมแนว RPG แบบเทิร์นเบสที่วางจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม PC, มือถือ และ Console เอาจริง ๆ ก็เป็นเกมแนวกาชานั่นแหละ แม้จะเล่นฟรี แต่ก็ทำรายได้ในปี 2024 สูงถึง 484 ล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว ธีมของเกมอยู่ในโลกไซไฟแฟนตาซีที่ผสมผสานระหว่างการผจญภัยในอวกาศและเรื่องราวลึกลับของเหล่าเทพเจ้า ผู้เล่นจะได้สำรวจจักรวาลกว้างใหญ่ พบปะกับตัวละครหลากหลาย และต่อสู้ด้วยระบบเทิร์นเบสที่เน้นกลยุทธ์และความหลากหลายของสกิลแต่ละตัวละคร มีระบบ Break และแพ้ทางธาตุทำให้ตัวละครแต่ละธาตุมีความสำคัญ ผู้เล่นต้องคิดกลยุทธ์ในการจัดทีมเพื่อผ่านคอนเทนต์ต่าง ๆ รวมถึงการออกแบบตัวละครที่มีเสน่ห์และเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม ทำให้เกม HSR ได้รับความนิยมอย่างมากครับ
9. Baldur’s Gate 3

Baldur’s Gate 3 เป็นเกม RPG ฟอร์มยักษ์ที่มียอดขายทั่วโลกกว่า 15 ล้านชุด เกมตั้งอยู่ในโลกแฟนตาซีของ Dungeons & Dragons โดยผู้เล่นจะรับบทเป็นตัวละครที่ถูกฝังปรสิต Mind Flayer ในสมอง ซึ่งมอบพลังพิเศษให้แต่ก็เสี่ยงต่อการกลายเป็น Mind Flayer เอง ผู้เล่นต้องตัดสินใจว่าจะใช้พลังนี้เพื่อความดีหรือยอมรับความชั่วร้าย ในการต่อสู้แบบเทิร์นเบส ผู้เล่นสามารถเลือกคลาสและเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ เช่น นักรบ, นักเวทย์, นักฆ่า และอื่น ๆ การตัดสินใจในเกมมีผลต่อเนื้อเรื่องและความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น ๆ จุดเด่นที่สุดของเกมนี้คือความหลากหลายในการเล่นที่คุณแทบจะทำอะไรก็ได้ ตัวเลือกเยอะ ทั้งเกมเพลย์และเนื้อเรื่อง แถมยังแตกแขนงไปได้หลายฉากจบมาก ๆ ครับ
10. Clair Obscur: Expedition 33

Clair Obscur: Expedition 33 เป็นเกม RPG Turn-based ที่มียอดขาย 2 ล้านชุด ภายใน 12 วันหลังเปิดตัว และยังมีกระแสอยู่ในปัจจุบัน เกมตั้งอยู่ในโลกแฟนตาซีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากยุค Belle Époque ของฝรั่งเศส เรื่องราวเกี่ยวกับการนับถอยหลังของตัวเลขที่ถูกวาดโดย “The Paintress” ซึ่งทำให้ผู้คนที่มีอายุตามตัวเลขนั้นหายไปทุกปี ผู้เล่นจะได้ร่วมเดินทางกับกลุ่ม Expedition 33 เพื่อยุติวงจรนี้ เกมใช้ระบบการต่อสู้แบบเทิร์นเบสที่ผสมผสานกับกลไกเรียลไทม์อย่าง QTE เช่น การปัดป้อง การหลบหลีก และการโจมตีที่ต้องใช้จังหวะที่แม่นยำ ติดตั้งระบบ “Pictos” ช่วยให้ผู้เล่นสามารถปรับแต่งทักษะและความสามารถของตัวละครได้ตามต้องการ เป็นเกมที่ดีมาก ๆ ครับ
และนี่คือ “10 เกม Turn-based ที่ประสบความสำเร็จในยุคปัจจุบัน” บอกเลยว่าแต่ละเกมนั้นตึง ๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเกมฟอร์มยักษ์ AAA เกมอินดี้ เกมมือถือ ทุกเกมที่ว่ามาคือแนว Turn-based ที่ผู้สร้างเกมหลายคนบอกว่าเป็นแนวเกมที่กำลังตาย แต่ก็มีคนทำเกมแนวนี้ให้มีชื่อเสียงและมีกำไรเข้ามาจำนวนมากครับ จริง ๆ แล้วเกมแนวนี้ไม่ได้หายไปเลยต่างหาก