ผู้สร้าง SaGa เผย ‘ยอมให้ผู้เล่นเลิกเล่นเกมเพราะยาก ดีกว่าเกมน่าเบื่อ’
พร้อมแชร์แนวคิดการปรับสมดุลความยากในซีรีส์นี้

Akitoshi Kawazu ผู้สร้างซีรีส์เกม JRPG ชื่อดังอย่าง SaGa จากค่าย Square Enix ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในมุมมองด้านการออกแบบเกมที่ไม่เหมือนใคร โดยเขายอมรับว่า ตั้งใจให้เกมในซีรีส์ SaGa มีระดับความยากสูง แม้จะทำให้บางคนต้องล้มเลิกการเล่นไป แต่ก็ยังดีกว่าทำให้ผู้เล่นรู้สึก “เบื่อ”
ซีรีส์ SaGa คือเกมที่ตั้งใจให้ยากเพราะไม่อยากให้เกมน่าเบื่อ

ในการสัมภาษณ์ล่าสุดกับเว็บไซต์ Denfaminicogamer ทาง Kawazu อธิบายว่า แนวคิดเบื้องหลังการออกแบบเกม SaGa นั้นไม่ได้เน้นแค่ความท้าทายแบบเกมทั่วไป แต่ยังเชื่อมโยงกับ ทฤษฎีการเรียนรู้ ที่เขาเชื่อว่า “มนุษย์จะเติบโตได้เมื่อเผชิญกับความท้าทายที่อยู่ระหว่างจุดที่พอดีกับจุดที่อาจทำให้ล้มเลิก”
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้มองว่าเกมควรอยู่ “กึ่งกลาง” ระหว่างยากเกินไปกับง่ายเกินไป เพราะสุดท้ายแล้ว เกมก็จะมีทั้งคนที่เลิกเล่นเพราะยาก และคนที่เบื่อจนเลิกเล่นเช่นกัน
“ผมไม่อยากให้ใครพูดว่า ‘เกมนี้ง่ายและน่าเบื่อ ขอลาขาดดีกว่า’ ดังนั้นผมจึงเลือกทำให้เกมยากเข้าไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงปฏิกิริยานั้น” Kawazu กล่าว พร้อมเสริมว่า “ถ้ามันยากจนผู้เล่นเลิกเล่น ผมก็ยังโอเคนะ ดีกว่าให้รู้สึกเบื่อ”
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจคือ Kawazu ไม่เห็นด้วยกับการใส่โหมดง่าย (Easy Mode) ในเกมที่เขาพัฒนา โดยเขากล่าวแบบติดตลกแต่จริงจังว่า “ผมไม่ชอบเล่นโหมดง่ายเลย รู้สึกเหมือนนักพัฒนากำลังพูดกับเราว่า ‘อ้อ นายเลือกโหมดง่ายสินะ?’ ผมไม่ชอบความรู้สึกนั้น” เขาย้ำว่ามีเพียง “โหมดธรรมดา” (Normal) และ “โหมดยาก” (Hard) ก็เพียงพอแล้วสำหรับประสบการณ์เกมที่เขาต้องการนำเสนอ
ถึงแม้เกมในซีรีส์ SaGa จะขึ้นชื่อเรื่องความซับซ้อนของระบบเกมและความท้าทายที่ดูเหมือน “งง ๆ” ตั้งแต่ต้นเกม แต่ Kawazu ก็ระบุว่า ความยากในเกมไม่ได้ไร้เหตุผล เพราะหากผู้เล่นเข้าใจ ระบบต่าง ๆ เช่น การจัดทีม การเลือกฟอร์เมชัน และเทคนิคในการต่อสู้ ก็สามารถเอาชนะบอสในเกมได้อย่างยุติธรรม
“ศัตรูแบบสุ่มอาจทำให้ผู้เล่นแพ้ได้ทันที แต่บอสในเกมนั้นสามารถเอาชนะได้ ถ้ารู้วิธี” Kawazu กล่าวทิ้งท้าย
ผู้อ่านคนใดต้องการติดตามข่าวทั้งหมดของ This Is Game Thailand ก็สามารถมาได้ที่นี่ครับ >>>คลิก<<<