จัด Tier List ความยากของเกมแนว Soulslike

Soulslike คือแนวเกมที่ชูโรงด้วยความโหดหินที่ยากจะผ่านไป ด้วยการออกแบบเกมที่ไม่ปรานีผู้เล่นและพร้อมถาโถมทุกอย่างใส่อย่างไม่หยุดยั้ง แต่ด้วยความท้าทายอันเป็นเอกลักษณ์นี้เองทำให้เกมแนว Soulslike เริ่มได้รับความนิยมเป็นวงกว้างมากขึ้น จากเดิมที่มีเพียงผู้เล่นจากซีรี่ส์ Dark Souls เท่านั้นที่รู้สึกอินแต่ในปัจจุบัน Soulslike ได้กลายเป็นแนวเกมใหม่ที่มีความแมสยิ่งกว่าเดิม และนั่นยังรวมไปถึงฝั่งผู้พัฒนาเกมที่เริ่มลงมาเล่นในตลาด Soulslike มากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ในปัจจุบันเกมแนว Soulslike ก็มีออกมาให้เราได้เล่นจนเกลื่อนตา ซึ่งมาในวันนี้เรามาลองไล่ดูกันดี กว่าในบรรดาเกม Soulslike ชื่อดังทั้งหลายจะมีความยากโหดหินมากแค่ไหน ถ้าพร้อมกันแล้วมา เริ่มกันเลย

*ความยากง่ายอาจแตกต่างตามประสบการณ์ของผู้เล่น

ระดับ C Tier ยากท้าทายแต่ไม่เกินความสามารถ

Demon’s Souls, Lords of the Fallen, Darksiders 3, Code Vein, Elden Ring และ The Surge 2

Demon’s Souls ถือเป็น Dark Souls ตัวต้นแบบที่เป็นจุดเริ่มต้นความยิ่งใหญ่ของ Fromsoftware แต่ถ้าเทียบเรื่องความยากกับเกมอื่นๆ ที่จะตามมาในอนาคต ความยากหลักๆ ของ Demon’s Souls คือความอ่อนแอของตัวละครในช่วงแรก และระบบอำนวยความสะดวกที่มีไม่มากเท่าไหร่แต่ในเรื่องของ Boss Fight Demon’s Souls จะค่อนไปทางง่ายถึงง่ายมากๆ ส่วน Lords of the Fallen และ Darksiders 3 จะมีการเพิ่มความยากแบบดีดหรือ Difficulty Spike อยู่เล็กน้อย ในขณะที่ Elden Ring นั้นถือว่ามีความยากอยู่ในระดับที่น่าสนใจในช่วงต้น แต่ด้วยความที่เกมเป็นแบบ Open-World ทำให้เกมนี้มีพื้นที่ให้เราได้ฟาร์มเงินและเลเวลของตัวละครอยู่ ทำให้การเล่นเกมนี้ไม่ได้ยากเท่าไหร่ แต่ก็ยังมีบอสที่ตึงมืออยู่ในระดับที่ท้าทายอย่างมาก เช่น Malenia หรือ Radahn เป็นต้น ส่วนทางด้านของ Code Vein และ The Surge 2 น่าจะมีความยากมากที่สุดหากเทียบกับเกมอื่นๆ ในระดับเดียวกัน แต่ด้วยระบบเกมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ฟาร์มของเพื่อแก้ปัญหา ก็ทำให้มันมีช่องโหว่ในการลดความท้าทายของเกมลง

ระดับ B Tier เริ่มยากเริ่มตึงแต่ยังพอไหว

Dark Souls 2, Nioh 2, Mortal Shell และ The Surge

Dark Souls 2 หากเทียบกันจริงๆ ความยากโดยรวมของตัวเกมจะไม่ห่างกับ Demon’s Souls มากนักแต่ถ้านำเกมภาคนี้มาเทียบกับซีรี่ส์ Dark Souls ด้วยกัน Dark Souls 2 คือภาคที่ง่ายที่สุดโดยสาเหตุหลักๆ คือเกมเพลย์ที่มีลดความเร็วลงบวกกับบอสต่างๆ ที่ค่อนไปทางง่ายซะส่วนใหญ่ (คืออาจจะมีตัวกวนบาทาอยู่บ้างแต่น้อย) ส่วน Nioh 2 ตัวเกมจะมีความท้าทายในด้านของศัตรูจำพวก Yokai ที่ต่อกรได้ยากกว่าเดิมแต่ในเกมภาคนี้ มีการเปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถ Co-op กันได้ตั้งแต่ช่วงแรกเช่นเดียวกับ Mortal Shell ที่อยู่ในกรณีเดียวกันแต่จะต่างกันตรงที่ความยาว ของ Mortal Shell จะสั้นกว่าเกมอื่นๆ ส่วน The Surge น่าจะเป็นเกมที่ยากที่สุดในระดับ B เนื่องจากความโหดจัดรัสเซียของศัตรูบางชนิด ที่ทำให้เราต้องปวดตับจนอยากปาจอย

ระดับ A Tier เส้นเลือดเริ่มขึ้นหัวเริ่มมีอุ่นๆ

Dark Souls 1, Dark Souls 3, Nioh และ Hollow Knight

Dark Souls 1 ถ้าเทียบระหว่างซีรี่ส์ Dark Souls ด้วยกันเกมภาคนี้คือภาคที่ยากที่สุดเพราะใน Dark Souls 1 เต็มไปด้วยอุปสรรคต่างๆ ที่ทั้งยากและชวนให้เราต้องหัวอุ่นจนปาจอยตั้งแต่กับดักที่เพิ่มจาก Demon’s Souls เป็นเท่าตัว, สถานะผิดปกติต่างๆ ที่รุนแรงมากกว่าเกมภาคก่อน, การวางศัตรูที่น่าจะกวนบาทามากที่สุดในซีรี่ส์ ไปจนถึงบอสภายในเกมที่มีตัวเก่งระดับปราบเซียนอยู่หลายหน่อด้วยกัน (เช่น Ornstein และ Smough) ส่วน Dark Souls 3 จะมีความยากที่ลดน้อยลงมาพอประมาณเนื่องจากเกมภาคนี้คือ Dark Souls ที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้เล่นมากที่สุด แต่มันจะแทนที่ด้วยความยากจากการต่อสู้ ที่จะมีความรวดเร็วมากกว่า Dark Souls ภาคอื่นๆ

ต่อมาคือ Nioh เกม Soulslike ภาคแรกจาก Team Ninja ที่ผมขอการันตีว่าโคตรดีแต่ขึ้นชื่อว่าเป็นเกมภาคแรก ก็แน่นอนว่ามันค่อนข้างจะมีปัญหายิบย่อยอยู่พอสมควร หลักๆ เลยคือความยากที่แกว่งยิ่งกว่ารถไฟเหาะที่ถ้าเราเล่นแบบฟาร์มมาหนักๆ เกมจะง่ายจนง่วง แต่สำหรับผู้เล่นทั่วไปที่ไม่ได้ชอบการฟาร์มหนักๆ หรือการ Grinding คุณจะต้องเจอกับความ WTF ที่เกมจะประเคนให้กับคุณอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นดาเมจของพวก Yokai ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ไปจนถึงศัตรูระดับบอสที่อาจต้องใช้เวลาในการต่อสู้เกินกว่าความจำเป็น แต่ถึงจะพูดมาแบบนี้โดยรวมแล้ว Nioh ถือเป็นเกม Soulslike ที่ให้อารมณ์ที่แตกต่างจากซีรี่ส์ Dark Souls และมันยังเป็นเกม Soulslike น้ำดีอีกหนึ่งเกมเลยล่ะครับ

Hollow Knight จะเป็นเหมือนขั้วตรงข้ามของ Nioh เพราะใน Hollow Knight จะมีการแบ่งความยากที่คงเส้นคงวามากกว่า ทำให้ตลอดการผจญภัยใน Hollow Knight ผู้เล่นจะไม่ค่อยมีโมเม้นท์ที่รู้สึกว่าเกมมัน Unfair กับเรามากเท่าไหร่แต่ถึงกระนั้น Hollow Knight ยังคงเป็นเกมที่มา พร้อมความท้าทายที่ผู้เล่นสาย Soulslike (และ Metroidvania) จะต้องถูกใจอย่างแน่นอน

ระดับ S Tier โหดจัดตึงสุดไม่ไหวแล้วโว้ย

Sekiro: Shadows Die Twice และ Bloodborne

Sekiro: Shadows Die Twice น่าจะเป็นเกมที่ยากที่สุดของ Fromsoftware เพราะมาในครั้งนี้ทางทีมผู้พัฒนาได้ฉีกตัวเองออกจากขนบเดิมๆ ของซีรี่ส์ Soulsborne ด้วยการแปลงโฉมให้ตัวเกมกลายเป็นแนว Action อย่างเต็มตัวนั่นก็หมายความว่าใน Sekiro: Shadows Die Twice จะไม่มีกา ฟาร์มเลเวลเพื่อให้เกมง่ายขึ้นอีกต่อไป และวิธีเดียวที่จะผ่านอุปสรรคในเกมนี้ไปได้ มีเพียงแค่การเล่นวนซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะเก่งมากพอในการล้มบอสเจ้าปัญหาที่คุณติดอยู่ นอกจากนั้น Sekiro: Shadows Die Twice ยังเป็นเกมในตระกูล Soulborne ที่มีสปีดการเล่นที่เร็วมากที่สุด และด้วยความดิบเถื่อนของมันนี้เองทำให้ Sekiro: Shadows Die Twice คือเกมจาก Fromsoftware ที่ยากโหดหินมากที่สุด

Bloodborne คือจุดขั้นตรงกลางระหว่าง Sekiro: Shadows Die Twice และซีรี่ส์ Dark Souls ที่ตัวเกมจะไม่ยากและเร็วเท่ากับ Sekiro แต่จะมีความท้าทายและการเล่นที่เร็วกว่า Dark Souls ทุกภาค Bloodborne นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งแรกของ Fromsoftware ที่ได้นำซีรี่ส์เรือธงอย่าง Dark Souls มาโมใหม่ให้ดิบเถื่อนกว่าเดิมนอกจากนั้น Bloodborne ยังเป็นเกมในตระกูล Soulsborne เกมแรกที่ไม่มีโล่ให้ผู้เล่นได้ใช้และแทนที่ด้วยการใช้อาวุธปืน ซึ่งมันเป็นการบังคับให้ ผู้เล่นต้องใช้สมาธิและการอ่านจังหวะที่แม่นยำกว่าเดิม เรียกได้ว่าเป็นการนำความท้าทายจาก Dark Souls มาต่อยอดได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว