ธุรกิจเกมสกู๊ปพิเศษ

เวียดนามกลายมาเป็นประเทศมหาอำนาจทางด้านเกมของอาเซียนได้อย่างไร?

วิเคราะห์เจาะลึกผ่านมุมมองสื่อเกาหลี อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ประเทศตระกูลเหงียนมาไกลถึงเพียงนี้

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่เกมมือถือเข้ามามีอิทธิพลในวงการเกมทั่วโลก รวมถึงกระแสเกม NFT ที่มาแรงในช่วงคริปโตฟีเวอร์ท่ามกลางการระบาดการไวรัสสายพันธุ์ใหม่อย่าง COVID-19 เวียดนามถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่สร้างชื่อขึ้นมาในฐานะผู้พัฒนาและให้บริการเกมจนเป็นที่พูดถึงไปทั่วภูมิภาค คงจะไม่กล่าวเกินจริงไปนักว่าประเทศตระกูลเหงียนที่เคยผ่านความบอบช้ำบนหน้าประวัติศาสตร์สงครามได้ก้าวขึ้นมาประเทศมหาอำนาจทางด้านเกมของอาเซียนแล้ว และล่าสุด This Is Game เกาหลีได้ก็ได้หยิบจับประเด็นนี้มาวิเคราะห์ไล่เรียงตั้งแต่จุดเริ่มต้นว่าเวียดนามประสบความสำเร็จได้อย่างไร ถ้าพร้อมแล้วตามไปชมกันได้เลย~


เกาหลีใต้ อเมริกา และเวียดนามมีจุดร่วมอย่างหนึ่งคือการเป็นประเทศที่มีโปรแกรมเมสเซนเจอร์เป็นอันดับหนึ่งจากทุกประเทศทั่วโลกที่ไม่บล็อกแอปพลิเคชั่นจากต่างประเทศ และในสาย IT เวียดนามไม่ใช่ประเทศที่จะมองข้ามได้เลย

อุตสาหกรรมเกมเองก็เช่นเดียวกัน เวียดนามก้าวขึ้นเป็นประเทศมหาอำนาจทางด้านเกมที่แข็งแกร่งสุดในเอเชีย นอกเหนือจากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และจีน ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2023 เกมเวียดนามมียอดดาวน์โหลดทั่วโลกเป็นอันดับ 5 และเป็นผู้นำด้านเกม Hypercasual และเกม  NFT ในตลาดทั่วโลก

หากจะร่วมมือกันก็ต้องรู้จักฝ่ายตรงข้ามให้ดี เวียดนามเติบโตขึ้นเป็นประเทศมหาอำนาจด้านเกมได้อย่างไร

จากประเทศนำเข้าสู่ประเทศผู้ส่งออกข้าว จากบริษัทแปรรูปอาหารสู่ยักษ์ใหญ่ IT

การเติบโตของอุตสาหกรรมทั้งหมดในเวียดนามมีรากฐานมาจากนโยบายปฏิรูปโด๋ยเม้ย (Đổi mới) ที่เริ่มขึ้นในปี 1986 โดยเหงียน วัน ลิญ (Nguyễn Văn Linh) เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม นครโฮจิมินห์ได้ชี้แนะขอบเขตแผนเศรษฐกิจในการประชุมด่าหลัต ปี 1983 และการปฏิรูปที่เสนอไปได้พัฒนาเป็นนโยบายโด๋ยเม้ยในการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามครั้งที่ 6 ปี 1986

ผลของการปฏิรูปนี้เกิดผลทันทีทันใด เวียดนามนำเข้าข้าวจำนวน 45 ล้านตันในหนึ่งปีจนถึงปี 1988 แต่เมื่อดำเนินการให้พื้นที่ทางการเกษตรเป็นกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลแค่เพียง 1 ปีก็กลายเป็นประเทศส่งออกที่ส่งออกข้าวได้ 1 ล้านตัน ในปี 1990 ขึ้นเป็นประเทศส่งออกข้าวอันดับ 3 จากทั่วโลก เป็นเครื่องแสดงถึงประสิทธิภาพของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของเวียดนาม

เวียดนามกลายมาเป็นประเทศมหาอำนาจทางด้านเกมของอาเซียนได้อย่างไร?
โลโก้ของ FPT ที่ใช้ตั้งแต่ปี 1988 จนกระทั่งเปลี่ยนโลโก้ใหม่ใน ปี 1990

ในช่วงยุคที่ยังมีพื้นฐานอุตสาหกรรมไม่เพียงพอ การส่งออกอาหารเป็นวิธีการได้มาซึ่งเงินตราต่างประเทศที่สำคัญในเวียดนาม ในปี 1988 เหล่านักวิทยาศาสตร์จากองค์กรวิทยาศาสตร์เวียดนามได้ก่อตั้ง  ‘Food Processing Technology’(FPT) ขึ้นโดยมีเป้าหมายแรกคือพัฒนาเทคโนโลยีตากแห้งอาหาร แต่ในปี 1990 ที่ FPT ก่อตั้งได้เพียง 2 ปี มีการเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น ‘The Corporation for Financing and Promoting Technology’ และเปลี่ยนไปทำธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและเทคโนโลยีทันสมัย การเปลี่ยนแปลงอันกล้าหาญนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของเหล่าธุรกิจท้องถิ่นที่รับมือกับเศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วได้อย่างดี

ในปี 1997 FPT จดทะเบียนเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเอกชนแรกของเวียดนาม และในปี 2003 ได้เริ่มให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและมีบทบาทในการเร่งการเติบโตของอุตสาหกรรมเกมในเวียดนาม โดย FPT กับ ‘MegaVNN’ ของ Vietnam Posts and Telecommunications Group (VNPT) ทำหน้าที่เหมือนกับที่ ‘Megapass’ ของ KT ในเกาหลีใต้ที่สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานของอุตสาหกรรมเกมออนไลน์

เหล่าไดโนเสาร์เกมที่เกิดจากร้านเกม: VNG และ VTC

ในเวียดนามเองก็มีวัฒนธรรมร้านเกมแพร่หลายจากการแผ่ขยายของอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เหล่าหนุ่มสาวที่ค้นพบโอกาสใหม่ๆ ได้เปิดร้านเกมขึ้นที่นครโฮจิมินห์ในปี 2003 เหมือนกับที่ คิมบอมซู (ผู้ก่อตั้ง Kakao) ทำที่ย่านม.ฮันยางในปี 1999 สองผู้ให้บริการยักษ์ใหญ่ของเวียดนามก็กำเนิดขึ้นจากมือของหนุ่มสาวเหล่านั้น โดยเล ฮง มิญ (Le Hong Minh) ก่อตั้ง VinaGame (ปัจจุบันคือ VNG) และอียงดึกจากภาควิชาภาษาเวียดนาม Hankuk University of Foreign Studies ก่อตั้ง VTC Intecom ที่ฮานอย

เวียดนามกลายมาเป็นประเทศมหาอำนาจทางด้านเกมของอาเซียนได้อย่างไร?
รองประธานกรรมการ VTC Online อียงดึกที่สร้างขึ้นโดย AI ชาวเกาหลีที่รู้จักแบคกราวน์ของเกมเวียดนามดีที่สุด

ในปี 2005 VinaGame ได้ให้บริการ Sword Hero Fate (무림전기) เกม Free to Play MMORPG ของจีน พร้อมกับได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในหมู่เกมเมอร์ชาย ส่วน VTC  ได้นำเกม Audition ของเกาหลีไปเปิด โดยเกม <Audition> ที่ลงโฆษณาทาง VTC สถานีวิทยุกระจายเสียงของรัฐตั้งแต่เดือนมกราคม 2006 ก็ดึงดูดใจเกมเมอร์หญิงได้สำเร็จ จนทำให้บริษัททั้งสองนี้เป็นที่รู้จักในตลาดเกม MMORPG และเกมแคชวล ก่อนสร้างรากฐานให้ตลาดเกมเวียดนามในช่วงแรก

คิมบอมซูได้สร้างเกมโกสต็อปและโป๊กเกอร์ขึ้นในร้านเกมแห่งหนึ่งร่วมกับเหล่าผู้พัฒนาจาก Unitel ซึ่งก่อให้เกิดเว็บพอร์ทัลเกมชื่อดังของเกาหลีอย่าง ‘Hangame’ ในขณะที่ผู้ก่อตั้งของเวียดนามไม่มีความสามารถในการพัฒนาเกม หากจะสร้างเกมของเวียดนามออกมาก็ต้องใช้เวลา แต่เนื่องจากข้อบังคับเกมของรัฐบาลเวียดนามที่ถูกยกระดับขึ้นช่วงปลายปี 2000 จนถึงปี 2011 ทำให้การเติบโตของอุตสาหกรรมเกมเวียดนามยืดเยื้อออกไป จึงจำเป็นต้องมีแรงกระตุ้นเพื่อทำลายสิ่งนี้ และแล้วการมาของ iPhone ในช่วงเวลานี้เองก็ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป

กองทัพผู้นำยุคเกมมือถือ มีบริษัทเกมมากมายเกิดขึ้นใหม่ในยุคเกมมือถือ

บริษัทที่สร้างรากฐานการเติบโตของเกมมือถือของเวียดนามคือ Viettel โดย Sigleco ที่เริ่มต้นจากบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารทางการทหารในสังกัดกระทรวงกลาโหมได้เปลี่ยนชื่อเป็น Viettel ในปี 2003 และเข้าสู่ตลาดการสื่อสารไร้สายเอกชนในปี 2004

เวียดนามกลายมาเป็นประเทศมหาอำนาจทางด้านเกมของอาเซียนได้อย่างไร?
Viettel บริษัทโทรคมนาคมของรัฐเวียดนามแตกต่างจากบริษัทโทรคมนาคมเกาหลีอย่าง KT และ SKT มาก นอกจากเวียดนามแล้ว ยังเป็นธุรกิจอันดับหนึ่งในลาว กัมพูชา เมียนมาร์ ติมอร์ตะวันออก และเฮติ ทั้งยังเป็นรายใหญ่ในเปรูและแคเมอรูนอีกด้วย

ด้วยการใช้ประโยชน์จากลักษณะเฉพาะของบริษัทในสังกัดกระทรวงกลาโหม ทำให้สร้างเครือข่ายการสื่อสารไร้สายทั่วทั้งประเทศได้อย่างรวดเร็วด้วยเน็ตเวิร์คทางการทหารและไฟเบอร์ออปติก แม้ว่าในปี 2009 จะเริ่มให้บริการ 3G ช้ากว่าบริษัทคู่แข่ง แต่ก็มีอัตราครอบครองตลาดถึง 54% ด้วยสถานีฐานกว่า 8,000 แห่งกับค่าบริการที่ย่อมเยา และด้วยโครงสร้างพื้นฐานของอินเทอร์เน็ตไร้สายที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกมมือถือของเวียดนามอย่าง <Minh Châu Tam Quốc (명주삼국)> เปิดให้บริการในปี 2011 และยุคของเกมมือถือก็มาถึงอย่างรวดเร็วเหมือนที่เคยเกิดกับเกาหลีเช่นเดียวกัน

มีบริษัทเกมมือถือใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง:

  • ปี 2011 SohaGame: ผู้ให้บริการเกมของ VCCorp บริษัทโฆษณาดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซ
  • ปี 2012 Joy Entertainment: บริษัทผู้พัฒนาที่ก่อตั้งโดยผู้พัฒนาจาก Gameloft4 คน
  • ปี 2013 Gamota: ผู้ให้บริการเกมของ Appota บริษัทการชำระเงินและโฆษณาดิจิทัล
  • ปี 2014 Amanotes: บริษัทผู้พัฒนาที่ก่อตั้งโดยคนหนุ่มสองคนที่มีแพชชั่นด้านดนตรีและเทคโนโลยีสูง

นอกจากนี้แล้ว ยังมีบริษัทอีกมากมายที่ก่อตั้งขึ้น พร้อมเปิดให้บริการออกมาเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังมี ‘เกมประวัติศาสตร์’ ที่เป็นตัวพลิกโฉมวงการเกมเวียดนามอยู่

สองเกมที่พลิกโฉมการพัฒนาเกมของเวียดนาม: <Flappy Bird> และ <Axie Infinity>

เกมที่เปลี่ยนชะตาของซีนเกมเวียดนามคือเกม <Flappy Bird> ที่พัฒนาโดย Nguyễn Hà Đông ผู้พัฒนาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีฮานอยเพียงคนเดียว เกมนี้เปิดให้บริการบน iOS เดือนพฤษภาคม 2013 และแอนดรอยด์เดือนมกราคม 2014 โดยติดอันดับหนึ่งบน App Store และ Play Store และทำรายได้ประมาณ 50,000 ดอลลาร์ต่อวันจากการโฆษณาอย่างเดียว

เวียดนามกลายมาเป็นประเทศมหาอำนาจทางด้านเกมของอาเซียนได้อย่างไร?
ความสำเร็จของ <Flappy Bird> ทำให้ประวัติศาสตร์เกมมือถือเปลี่ยนไป กลไกของเกมที่เรียบง่าย อุปสรรคในการเข้าถึงต่ำ และโมเดลรายได้จากโฆษณามอบแรงบันดาลใจให้เหล่าผู้พัฒนาและส่งเสริมการเติบโตของเกม Hypercasual

แม้ว่า Nguyễn Hà Đông จะกังวลเรื่องการเสพติดเกมและปิดแอปด้วยตัวเองในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2014 แต่ความสำเร็จครั้งใหญ่ของเขาเกิดขึ้นหลังทำให้เหล่าผู้พัฒนาเกิดความมุ่งมั่น มีเกม Hypercasual เกิดขึ้นมากมายในเวียดนามและเติบโตเป็นศูนย์กลางพัฒนาเกม Hypercasual ระดับโลก เหมือนกับที่มีบริษัทเกมจำนวนมากเกิดขึ้นหลัง <Lineage > ประสบความสำเร็จและทำให้เกาหลีกลายเป็นประเทศมหาอำนาจด้าน MMORPG

ในปี 2023 Bloomberg ระบุว่าเวียดนามเป็น Top5 ประเทศที่ผลิตเกมมือถือจากทั่วโลก โดยช่วงครึ่งแรกของปี 2023 หนึ่งใน 25 เกมที่ถูกดาวน์โหลดจากทั่วโลกถูกสร้างขึ้นโดยผู้พัฒนาเวียดนาม

เกมที่เขย่าวงการเกมเวียดนามต่อจาก <Flappy Bird> คือ <Axie Infinity> โดย <Axie Infinity> ที่ Sky Mavis ในนครโฮจิมินห์พัฒนาขึ้นมาในปี 2018 มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดไปพร้อมกับการเติบโตของ NFT ในปี 2021 และได้รับความนิยมอย่างล้นหลามทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากนั้น ในเวียดนามมีการพัฒนาเกม P2E เยอะขึ้นและการลงทุนจากต่างประเทศก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เกม NFT ถูกพัฒนาขึ้นเป็นจำนวนมาก เช่น <HeroVerse> จาก Hiker Studio, <My DeFi Pet> จาก Topebox เป็นต้น และเวียดนามอยู่ที่อันดับ 5 ของตลาดเกม NFT จากทั่วโลก แต่เมื่อฟองสบู่ตลาด NFT แตกในปี 2022-2023 หลายๆ บริษัทจึงต้องเปลี่ยนโมเดลธุรกิจ

เกมเวียดนามที่ได้รับการยอมรับในเวทีสากล เช่น ‘Free Fire’

เมื่อมีเกมที่ประสบความสำเร็จออกมาอย่างต่อเนื่อง จุดยืนของรัฐบาลเวียดนามก็เปลี่ยนไปเช่นกัน โดยเริ่มยอมรับและสนับสนุนอุตสาหกรรมเกมเป็นธุรกิจด้านวัฒนธรรมอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ปี 2016 และตั้งแต่นั้นมา จำนวนเกมที่ได้รับอนุมัติและเปิดตัวในเวียดนามก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

มีเกมหลายเกมที่ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ โดย <Captain Strike> จาก Joy Entertainment ได้รับรางวัล ‘เกมมัลติเพลเยอร์ยอดเยี่ยม’ จาก Indie Prize ปี 2016 ในสิงคโปร์ ส่วน Amanotes ผู้ให้บริการเกมดนตรีประสบความสำเร็จกับเกม <Magic Tiles 3>, <Tiles Hop>, <Beat Jumper> อย่างต่อเนื่อง และถูกเลือกเป็น ‘ผู้ให้บริการเกมดนตรียอดเยี่ยมในเอเชียแปซิฟิก’ ที่คัดเลือกโดย Sensor Tower ในปี 2023

ผลงานของเกมเวียดนามในปี 2024 เองก็น่าทึ่งเช่นเดียวกัน ตามข้อมูลของ Sensor Tower ใน 25 บริษัทเกมที่มียอดดาวน์โหลดมากที่สุดมี 5 แห่งที่เป็นบริษัทเกมเวียดนาม ซึ่งก็คือ VNGGames, iKame Games, ABI Games Studio, Bravestars Games, Xgame Global

เวียดนามกลายมาเป็นประเทศมหาอำนาจทางด้านเกมของอาเซียนได้อย่างไร?
<Free Fire> เกมคู่แข่งของ <PUBG> มีเกมเพลย์ที่สบายๆ และรวดเร็ว รองรับผู้เล่นได้สูงสุด 50 คน มีกราฟิกค่อนข้างเรียบง่าย เล่นได้อย่างราบรื่นนแม้ในอุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติต่ำ และได้รับความนิยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย และอเมริกาใต้ เป็นต้น

เกมที่ประสบความสำเร็จทั่วโลกที่สุดคือเกม <Free Fire> (Garena) กำลังแข่งขันกับ <PUBG> ในอินเดีย และเกมนี้ที่ครองตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอเมริกาใต้ถูกพัฒนาโดยบริษัทเวียดนามอย่าง 111 Dots Studio ถูกดาวน์โหลดจากทั่วโลกมากที่สุดในปี 2019 และมีรายได้สะสมทะลุ 1,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2021

ด้วยความสำเร็จนี้ ทำให้บริษัท IT ทั่วโลกสนใจศักยภาพของอุตสาหกรรมเกมเวียดนาม โดย Google ได้จัดงาน ‘Google Think Apps’ ขึ้นที่นครโฮจิมินห์ในปี 2023 และฮานอยในปี 2024 ด้าน NetEase จากจีนมีการให้บริการเกม <Badlander> ร่วมกับ Viettel Media และ TikTok ได้จัด ‘Gaming on TikTok Summit 2025’

ศักยภาพในการแข่งขันของบริษัทเอาท์ซอร์สเกมเวียดนามก็ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกดังที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ ในซีรีส์ <Forza>, <Need for Speed>, <Call of Duty> ล้วนมีความเกี่ยวช้องกับนครโฮจิมินห์อยู่

ตามข้อมูลของรัฐบาลเวียดนาม ปี 2024 ในเวียดนามมีผู้พัฒนาเกมอยู่ 35,000 คน และมีสตูดิโอเกม 2,000 แห่ง มีบริษัทที่วางแผนและผลิตเกมเองประมาณ 200 แห่ง และรัฐบาลเวียดนามมีแผนจะเพิ่มให้ถึง 400 แห่ง

สรุปตอนพิเศษเวียดนาม

เหมือนกับที่เวียดนามเปลี่ยนจากประเทศนำเข้ามาเป็นส่งออกข้าว ด้านเกมเองก็เปลี่ยนจากตลาดผู้บริโภคธรรมดาไปเป็นศูนย์กลางผลิตระดับโลกเช่นกัน มีเพียงไม่กี่ประเทศที่เดินตามเส้นทางนี้ เช่น เกาหลีใต้ จีน แคนาดา โปแลนด์ ฟินแลนด์ เป็นต้น ซึ่งวิธีการและกระบวนการในการเติบโตเองก็แตกต่างกันเพราะแต่ละประเทศมีช่วงสมัยและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน กระบวนการนั้นไม่ราบรื่นเสมอไป มีบางกรณีที่เจอกับข้อจำกัดเหมือนเกาหลี เวียดนามเองก็เช่นกัน

Le Quang Tu Do อธิบดีกระทรวงสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานสารสนเทศวิทยุกระจายเสียงและอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งมีหน้าที่ดูแลการส่งเสริมและควบคุมเกมเวียดนาม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีความร่วมมือระหว่างบริษัทเกมเวียดนามและเกาหลี หวังว่าบริษัทเกมเกาหลีจะช่วยแก้ข้อด้อยของวงการเกมเวียดนามได้ ซึ่งผู้สื่อข่าวเห็นด้วยกับวิสัยทัศน์ของอธิบดี Le Quang Tu Do และมองว่าเวียดนามจะช่วยแก้ข้อด้อยของบริษัทเกมเกาหลีไปพร้อมกัน ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่เสริมซึ่งกันและกัน ซึ่งนี่คือประเด็นสำคัญของการวางแผนของเวียดนามในครั้งนี้ โดยจะพูดถึงเรื่องราวนั้นในตอนถัดไป

ที่มา
This is Game
Back to top button