5 สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นหาก Resident Evil 9 เป็นแนว Multiplayer Open World
ถึงแม้จะเป็นแค่ข่าวลือ แต่ถ้า CAPCOM เอาจริง จะออกมาจริง ๆ จะเป็นแบบไหนนะ

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ทุกท่าน หลายคนที่เป็นแฟนเกม Resident Evil นั้นก็คงจะติดตามการมาเยือนของ Resident Evil 9 กันอยู่แล้วใช่ไหมครับ แล้วล่าสุดก็มีข่าวลือออกมาว่า จริง ๆ แล้วทาง CAPCOM นั้นก็เคยวางแผนให้เกมนี้เป็นแนว Multiplayer Open World ที่สามารถเล่นด้วยกันหลายคนได้ แต่ภายหลังก็ได้ตัดสินใจรีบูทโปรเจ็คนี้ใหม่หมดเลย ซึ่งก็เป็นการตัดสินใจที่น่าจะถูกต้องแล้วเพราะว่าที่ผ่านมาซีรีส์ Resident Evil ทำเป็น Online ก็ไม่ค่อยรุ่งเท่าไหร่ แถมเป็นภาคส่งท้ายตัวละครเก่า ๆ ด้วย ก็ควรจะเป็นเกมฟอร์มเดิมนั่นแหละครับแฟน ๆ ถึงจะโอเค แต่ถ้าเกิดข่าวลือเป็นเรื่องจริง มันจะเกิดอะไรขึ้นกับ Resident Evil 9 ไปชมกันครับ
1. การเปลี่ยนระบบเกมเพลย์ครั้งใหญ่

หาก Resident Evil 9 กลายเป็นเกม Multiplayer จริง ระบบเกมเพลย์จะเปลี่ยนจากการ “เอาตัวรอดคนเดียว” ไปสู่ “การทำงานเป็นทีม” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ ผู้เล่นอาจต้องรับบทบาทต่าง ๆ แบบมีคลาส เช่น สายโจมตี สายซัพพอร์ต หรือสายลอบเร้น ซึ่งแต่ละคนน่าจะมีความสามารถเฉพาะทาง เช่น พกของได้เยอะ ฟื้นเลือดให้เพื่อนได้ หรือถอดรหัสกลไก แก้ Puzzle ได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ การแบ่งปันทรัพยากร เช่น กระสุน ยา หรือไอเทมบัฟ จะกลายเป็นหัวใจของการเล่นเกมเป็นทีม ทีมที่สื่อสารดีจะรอดง่ายกว่าทีมที่ต่างคนต่างเล่น ส่งผลให้แนวทางการเล่นไม่ใช่แค่ “เก่งคนเดียว” แต่ต้อง “อยู่รอดด้วยกัน” ซึ่งจะแตกต่างจาก Resident Evil แบบเดิมที่เรารู้จักอย่างสิ้นเชิงครับ
2. ปัญหาด้านบาลานซ์ระหว่าง “สยอง” กับ “สังคม”

จุดเด่นของ Resident Evil คือความสยองที่กดดันผู้เล่นผ่านบรรยากาศเงียบงัน เสียงฝีเท้าในความมืด และทรัพยากรที่จำกัด แต่พอเปลี่ยนมาเป็น Multiplayer ความน่ากลัวนั้นอาจเจือจางลง เพราะเสียงเพื่อนใน Voice Chat หรือการหยอกล้อกันระหว่างเล่นมักทำลายบรรยากาศสยองได้ง่าย ถ้าผู้พัฒนาจะทำแนว Multiplayer ก็ต้องบาลานซ์ให้มี “ความกลัวแบบร่วมกัน” ให้มีมิติที่พอดี ให้ผู้เล่นยังรู้สึกกลัวได้อยู่ถึงแม้จะมีเพื่อนร่วมเล่นด้วย อาจจะใช้การบังคับแยกทีมไปยังจุดต่าง ๆ พร้อมจำกัดการสื่อสาร หรือใส่เหตุการณ์สุ่มที่เปลี่ยนแผนได้ตลอด หรือใช้ AI ที่โหดขึ้นเมื่อทีมเล่นเป็นกลุ่ม การมีเพื่อนร่วมสยองจะกลายเป็นทั้งความอุ่นใจและแรงกดดันไปพร้อมกัน ทำให้เกมยังคงน่ากลัวได้ แม้จะไม่ได้เล่นคนเดียวครับ
3. ปรับวิธีเล่าเรื่องจากเส้นตรงเป็นแบบเควสย่อยต่าง ๆ

Resident Evil โดยปกติจะใช้การเล่าเรื่องแบบเส้นตรง ผู้เล่นถูกพาเดินไปตามเส้นทางที่ผู้พัฒนาออกแบบไว้ ทำให้การควบคุมจังหวะสยองและเนื้อเรื่องทำได้แม่นยำ แต่ถ้า Resident Evil 9 เปลี่ยนแนวเป็น Open World วิธีเล่าเรื่องก็อาจต้องปรับเป็น “เควสย่อย” ที่กระจายอยู่ทั่วแผนที่ เพื่อเปิดเผยโลกทัศน์เบื้องหลังไวรัสหรือองค์กรลับ คล้ายกับแนวทางของ Elden Ring ที่ผู้เล่นค่อย ๆ ต่อชิ้นส่วนของเรื่องราวผ่านสิ่งแวดล้อมและภารกิจทางเลือก วิธีนี้ช่วยให้โลกของเกมดูลึกขึ้น มีเรื่องเล่าแยกย่อยน่าสนใจ แต่อาจต้องระวังไม่ให้เนื้อหาหลักถูกกลบด้วยเควสรองมากเกินไป หรือผู้เล่นหลงทางจนหลุดธีม “สยอง” ที่เป็นหัวใจหลักของซีรีส์
4. อาจมีโหมด PvP ระหว่างผู้เล่นด้วยกันเอง

Multiplayer ไม่ได้แปลว่าทุกคนต้องร่วมมือกันเสมอ Resident Evil 9 หากเปิดแนวทาง PvP ก็สามารถเพิ่มความหลากหลายของประสบการณ์ได้ (แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะชอบ) ผู้เล่นบางกลุ่มชอบการท้าทายระหว่างคนมากกว่าการสู้กับ AI อาจมีโหมด Survivor vs Survivor ที่ต้องแย่งทรัพยากรจำกัดท่ามกลางฝูงศัตรู หรือ Faction War ที่ผู้เล่นเลือกเข้าข้างองค์กร เช่น BSAA, Umbrella หรือกลุ่มลึกลับใหม่ ๆ ซึ่งแต่ละฝั่งมีเป้าหมายกับมุมมองต่างกันใน Lore ของเกม การออกแบบให้ PvP อยู่ในขอบเขตที่สมดุล และสอดคล้องกับโลกของ Resident Evil จะช่วยให้เกมยังคงบรรยากาศสยอง แต่ก็มีพื้นที่ให้คนที่ชอบความท้าทายจากผู้เล่นจริงได้สนุกเช่นกัน
5. ฐานแฟนคลับดั้งเดิมอาจส่ายหัว

แม้การเปลี่ยนแนว Resident Evil 9 ไปสู่ Multiplayer จะดึงดูดผู้เล่นกลุ่มใหม่ได้ แต่ก็มีแนวโน้มสูงที่แฟนคลับดั้งเดิมจะไม่ชอบ เพราะมันอาจห่างไกลจากแก่นที่พวกเขารัก ไม่ว่าจะเป็นความสยองโดดเดี่ยว การเล่าเรื่องเข้มข้นแบบเส้นตรง หรือการเอาตัวรอดอย่างกดดัน ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้ซีรีส์นี้แตกต่างจากเกมยิงทั่วไป การนำระบบ Co-op หรือ PvP เข้ามาอาจทำให้เกมกลายเป็นแค่ “เกมแอ็กชันแบบหนึ่ง” มากกว่าจะเป็น Resident Evil ที่มีเอกลักษณ์ แฟนเก่าบางคนอาจมองว่า Capcom พยายามวิ่งตามกระแสนิยมมากเกินไป จนละทิ้งรากฐานที่ทำให้เกมนี้ประสบความสำเร็จมาตลอดหลายสิบปี
หาก Resident Evil 9 เดินหน้าแนว Multiplayer Open World จริง ก็อาจเปลี่ยนโฉมซีรีส์ไปตลอดกาล ไม่ว่าจะดีขึ้นหรือลดลง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ ความสมดุล ที่ผู้พัฒนาจะกล้าหยิบจับหรือไม่เท่านั้น แต่อย่างน้อยข่าวลือก็ชัดเจนแล้วว่ามันเป็นแค่อดีตที่ CAPCOM ตัดสินใจไปแล้วว่าจะไม่เอาแบบนั้น เรามารอลุ้นกันดีกว่าว่า Resident Evil ของจริงจะออกมาเป็นเช่นไรครับ