สกู๊ปพิเศษ

8 เพลงร้องเพราะ ๆ จากเกม Final Fantasy ที่คุณควรฟัง

ทั้งเพลงเก่าระดับตำนานและเพลงใหม่ที่เพิ่งมาไม่นาน มีเพลงอะไรเพราะ ๆ บ้าง

สวัสดีเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ทุกคน หลายคนก็คงจะรู้จักเกม Final Fantasy กันมาบ้างไม่มากก็น้อย เพราะซีรีส์นี้เป็นซีรีส์ที่มีจุดเด่นเรื่องเนื้อเรื่องเหนือจินตนาการ Lore แน่น ๆ เวลาเล่นไปด้วยแล้วตามเสพเนื้อเรื่องแต่ละภาคนั้นเรียกได้ว่าอิ่มอกอิ่มใจ และหนึ่งในสิ่งที่สร้างความอินให้กับผู้เล่นอย่างเรามากก็คือเพลงประกอบ ซึ่งซีรีส์นี้ก็มีจุดเด่นเรื่องของเพลงประกอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้งเพลงบรรเลงและเพลงร้อง ซึ่งในบทความนี้จะมาพูดเรื่องเพลงร้องเพราะ ๆ ของซีรีส์นี้กันครับ ว่ามีเพลงอะไรน่าฟังที่คุณไม่ควรพลาดบ้าง ไปชมกันครับ

1. Eyes on Me – Final Fantasy VIII


Eyes on Me เป็นเพลงที่ขับร้องโดยคุณ Faye Wong ที่ร้องให้กับเกม Final Fantasy VIII ซึ่งเป็นธีมเกี่ยวกับความรัก โดยตัวเพลงนะครับจะเป็นแนว Pop ช้า ๆ ฟังสบายหู ซึ่งเพลงจะเกี่ยวข้องกับตัวละครหลักพระเอกนางเอกอย่าง Squall และ Rinoa มีเนื้อหาที่พูดถึงความรู้สึกของผู้หญิงที่รักผู้ชายและหวังว่าเขาจะมองเห็นความรักที่เธอมีต่อเขา เนื้อเพลงสะท้อนถึงความทรงจำและช่วงเวลาที่ทั้งสองได้อยู่ด้วยกัน ซึ่งทำให้ผู้หญิงรู้สึกอุ่นใจและเต็มไปด้วยความหวัง แม้ว่ามันจะเป็นเพลงที่เก่าแล้ว แต่ก็ถือว่าขลังใช้ได้เลยครับ

2. Melodies of Life – Final Fantasy IX


สำหรับเพลง Melodies of Life นั้นจะเป็นเพลง Main Theme ของ Final Fantasy IX ซึ่งขับร้องโดยคุณ Emiko Shiratori ถึงแม้ว่าธีมของภาค 9 นั้นจะเป็นแนวแฟนตาซีที่ครบรสกับทุกองค์ประกอบ แต่เนื้อหาของเพลง Melodies of Life ก็ยังมีความรักปะปนกับความทรงจำอยู่บ้าง โดยเพลงนี้เป็นบทเพลงที่สะท้อนถึงการเดินทางของชีวิตและความรักที่ไม่มีวันลืม เนื้อเพลงพูดถึงการพบเจอและการลาจาก ความทรงจำที่คงอยู่ และความหวังที่ว่าเสียงเพลงจะยังคงอยู่ในใจของผู้คน เพลงนี้เล่าถึงการเดินทางของตัวละคร Zidane และ Garnet และสื่อถึงความทรงจำที่พวกเขาแบ่งปันกัน การยอมรับความเปลี่ยนแปลงและการเก็บรักษาความทรงจำที่มีค่าในใจตลอดไป ถ้าใครมีความทรงจำมากมายในชีวิต ฟังเพลงนี้อินแน่นอนครับ

3. Suteki da ne – Final Fantasy X



ถ้าใครที่ชื่นชอบความ Bittersweet หรือความรู้สึกหวานขม กลืนไม่เข้า คายไม่ออก ก็มีความสุขอยู่นะแต่ก็เจ็บปวด ถึงแม้จะต้องจากลาแต่มันก็ยังดีที่สามารถจดจำเอาไว้ได้ Suteki da ne จาก Final Fantasy X ขับร้องโดยคุณ Rikki เป็นบทเพลงที่สะท้อนถึงความรักและความฝันของตัวละครหลักอย่าง Tidus และ Yuna เพลงนี้มีความหมายว่า “มันยอดเยี่ยมใช่ไหมล่ะ” เนื้อเพลงพูดถึงความรู้สึกที่อบอุ่นและความสุขที่ได้อยู่ด้วยกัน ภาพความทรงจำและความฝันที่สวยงามที่พวกเขาแบ่งปันกันและการต้องลาจาก ความรักที่อยู่ในหัวใจและความหวังที่ว่าความรักนั้นจะยังคงอยู่แม้จะต้องลาจากกันไปก็ตาม หวานขมสุด ๆ เลยนะครับเนี่ย

4. 1000 Words – Final Fantasy X-2



1000 Words เป็นเพลงจากภาคเสริมของภาค 10 อย่าง Final Fantasy X-2 ขับร้องโดยคุณ Koda Kumi ในเวอร์ชันภาษาญี่ปุ่น และ Jade from Sweetbox ในเวอร์ชันภาษาอังกฤษ เป็นบทเพลงที่สื่อถึงความรักและความทรงจำที่ไม่อาจลืมได้ เนื้อเพลงบอกเล่าเรื่องราวของการรอคอยและความหวังที่ว่าอีกฝ่ายจะรับรู้ถึงความรู้สึกที่มีให้ ถึงแม้จะไม่ได้พูดคำใด ๆ สักคำแต่ความรู้สึกนั้นก็ยังคงส่งถึงกัน เพลงนี้สะท้อนถึงความคิดถึงและความทรงจำของตัวละคร Yuna และ Lenne ซึ่งมีความเชื่อมโยงกันผ่านบทเพลงที่ถ่ายทอดความรู้สึกในใจและความรักที่ไม่สามารถแสดงออกมาได้ในคำพูด เป็นความโหยหาคนที่ตัวเองรักผ่านบทเพลงครับ

5. Kiss Me Good-Bye – Final Fantasy XII



Kiss Me Good-Bye เป็นเพลงที่ไม่ได้ดังมากหากเทียบกับรายชื่อเพลงอื่น ๆ ที่ผมนำเสนอมาให้ แต่ผมอยากให้พวกคุณได้ลองฟังเพลงนี้จาก Final Fantasy XII เป็นเพลง Theme ประจำตัว Ashe นางเอกของเกม ร้องโดยคุณ Angela Aki เป็นบทเพลงที่สะท้อนถึงการลาจากและความเจ็บปวดที่มาพร้อมกับมัน เนื้อเพลงบอกเล่าเรื่องราวของการต้องปล่อยมือจากคนที่รัก แม้จะเจ็บปวดแต่ก็ต้องทำใจยอมรับและก้าวต่อไปข้างหน้า เพลงนี้สื่อถึงความรู้สึกของตัวละคร Ashe ที่ต้องเผชิญกับการสูญเสียและการต้องลาจากคนสำคัญ เนื้อเพลงถ่ายทอดความรู้สึกเจ็บปวดและการพยายามที่จะยอมรับความจริงและก้าวต่อไปด้วยความหวัง ตอนผมฟังทีไรแล้วน้ำตาจะไหลทุกทีเลยครับ

6. Kimi ga Iru Kara – Final Fantasy XIII


หลังจากที่เพลง Final Fantasy แต่ละภาคนั้นมีแต่อะไรตึง ๆ เจ็บปวดหัวใจ เราก็มีเพลงที่มันอบอุ่นหัวใจอยู่เหมือนกัน Kimi ga Iru Kara ขับร้องโดยคุณ Sugawara Sayuri เป็นเพลงจาก Final Fantasy XIII ที่พูดถึงความรักและความอบอุ่นจากการมีคนที่รักอยู่เคียงข้าง เนื้อเพลงบอกเล่าเรื่องราวของความรู้สึกที่มั่นคงและเต็มไปด้วยความหวัง เพราะมีคนที่รักอยู่เคียงข้างเสมอ เพลงนี้สื่อถึงความรู้สึกของตัวละคร Serah ที่มีต่อ Snow และเป็นบทเพลงที่สร้างความรู้สึกอบอุ่นและปลอบประโลมใจ เนื้อเพลงบรรยายถึงความสวยงามของความรักและการมีคนสำคัญที่อยู่เคียงข้างในทุกๆ สถานการณ์ แหม่…หวานเจี๊ยบเลยนะครับ

7. Stand by Me – Final Fantasy XV


เพลง Stand by Me นี้จริง ๆ แล้วไม่ใช่เพลง Original ของเกม แต่เป็นเพลง Cover จากเพลงของศิลปินหลักอย่าง Ben E. King ซึ่งเพลงนี้ขับร้องโดย Florence + the Machine เนื้อเพลงสะท้อนถึงความรู้สึกของความรักและความผูกพันระหว่างเพื่อนและคนรัก เนื้อหาของเพลงกล่าวถึงการยืนเคียงข้างกันในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากหรือดีงาม การสนับสนุนและการอยู่เคียงข้างกันเสมอ เพลงนี้ถูกใช้เป็นเพลงธีมหลักของเกม Final Fantasy XV และสะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างตัวละครหลัก Noctis และเพื่อน ๆ ของเขาที่เดินทางผจญภัยไปด้วยกัน ถือว่าเป็นอีกมุมมองหนึ่งของเด็กหนุ่มที่ขาดความอบอุ่นอย่าง Noctis ด้วย

8. No Promises to Keep – Final Fantasy VII Rebirth


เพลง No Promises to Keep นี้ถือว่าเป็นเพลงใหม่ล่าสุดในซีรีส์ FF โดยเป็นเพลง Theme หลักของ Final Fantasy VII Rebirth ขับร้องโดยคุณ Loren Allred เป็นเพลงที่สะท้อนถึงความรักและความหวังที่จะได้พบกันอีกครั้ง เนื้อเพลงพูดถึงการเดินทางในชีวิตที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และการพบเจอที่อาจเกิดจากโชคชะตาหรือความบังเอิญ เพลงนี้เล่าถึงการพบกันในเมืองที่พลุกพล่าน การตั้งคำถามถึงชะตากรรมและการรับรู้ถึงความรู้สึกของความรัก โดยไม่มีการสัญญาหรือข้อผูกมัดใด ๆ เนื้อเพลงเน้นถึงความหวังในการพบเจออีกครั้งและความเชื่อในความรักที่ไม่ต้องการคำสัญญาใด ๆ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ เอาจริง ๆ ใครที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงก็น่าจะเข้าใจบริบทเพลงได้เป็นอย่างดีครับ

และนี่คือ “8 เพลงร้องเพราะ ๆ จากเกม Final Fantasy ที่คุณควรฟัง” หวังว่าจะทำให้เพื่อน ๆ ที่อ่านบทความนี้ ได้บทเพลงเพราะ ๆ จากเกมซีรีส์ Final Fantasy กลับไปฟังกันเพิ่มนะครับ ส่วนตัวผมนั้นจะผูกพันกับ Eyes on Me เป็นพิเศษเพราะมันเก่ามาก แต่ก็ชอบ Stand by Me ที่สุดครับ แล้วเพื่อน ๆ ล่ะครับชอบเพลงไหนกันบ้าง ลองคอมเมนต์บอกให้เราได้อ่านด้วยนะ

Jou Thunder

เร็ว แรง ติดคริ คือคติของผม โปรดติดตามช่อง youtube.com/@JouThunder
Back to top button