7 สิ่งที่ผู้เล่นมักทำเมื่อเล่นเกม Open-World

เกม Open-World เป็นเกมที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้เล่นรู้สึกถึงอิสระและการสำรวจ สิ่งนี้อาจนำไปสู่สิ่งต่าง ๆ ที่บ้าคลั่งและคาดไม่ถึงที่เกิดขึ้นด้วยฝีมือผู้เล่น ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นที่อาจพยายามปีนภูเขาที่เป็นไปไม่ได้ กระโดดจากหน้าผา หรือแม้แต่พยายามว่ายน้ำข้ามมหาสมุทร ยิ่งในปัจจุบัน เกม Open-World มีการพัฒนาอย่างกว้างขวางในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยนักพัฒนาได้เพิ่มคุณสมบัติและกลไกใหม่ ๆ ที่ทำให้ผู้เล่นมีอิสระในการสำรวจและทดลองมากขึ้น มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นและมีการใช้ระบบทุกประเภท ทำให้ผู้เล่นมีไอเดียที่แหวกแนวขึ้นกว่าแต่ก่อนเป็นอย่างมาก และนี่คือ 7 สิ่งที่ผู้เล่นมักทำเมื่อเล่นเกม Open-World

1. สร้างสิ่งปลูกสร้างสุดแหวก

เกมอย่าง Starfield และ The Legend of Zelda: Tears of the Kingdom มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ ผู้เล่นสามารถสร้างสิ่งต่าง ๆ ที่คาดไม่ถึงได้ ตัวอย่างเช่นในเกม Starfield ผู้เล่นสามารถสร้างยานที่ไม่มีจุดศูนย์กลางมวล ทำให้กระสุนศัตรูผ่านทะลุไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ ในขณะที่ในเกม The Legend of Zelda: Tears of the Kingdom ผู้เล่นสามารถสร้างโดรนที่ยิงเลเซอร์ใส่ศัตรูจากท้องฟ้าได้ ซึ่งนี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างบางส่วนเท่านั้น

2. ใช้เวลาสร้างตัวเป็นชั่วโมง

สิ่งนี้ใช้ได้กับทุกเกมที่มีระบบการสร้างตัวละครที่ละเอียด เช่น Baldur’s Gate 3 หรือแม้กระทั่ง Skyrim ในเมื่อคุณได้มีโอกาสสวมบทบาทเป็นตัวละครภายในเกมสิ่งสำคัญคือต้องเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ถูกต้อง แม้ว่าจะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงก็ตาม จากนั้นเริ่มใหม่อีกครั้งหลังจากเล่นไปสักสองสามนาทีเพราะคุณต้องการเปลี่ยนแปลงหน้าตาตัวละครบางส่วน (ซึ่งโชคดีที่ไม่เป็นปัญหาในเกมสมัยใหม่ที่อนุญาตให้ปรับแต่งตัวละครระหว่างเล่นได้)

3. สะสมไอเทมแบบบ้าหอบฟาง

มีเหตุผลหลายประการที่ผู้เล่นอาจสะสมไอเทม ผู้เล่นบางคนอาจทำเพื่อความปลอดภัยให้กับการเล่นเกมของตนเอง ต้องการมีกองสะสมเสบียงเผื่อในกรณีที่พวกเขาต้องการ คนอื่น ๆ อาจสะสมไอเทมด้วยเหตุผลส่วนตัว เช่น เก็บของที่ระลึกจากเหตุการณ์ที่น่าจดจำในเกม ยังมีอีกหลายคนที่ชอบสะสมไอเทมโดยไม่คำนึงว่าจะใช้หรือไม่ ตัวอย่างเช่นใน Skyrim ผู้เล่นสามารถสะสมไอเทมในบ้านของพวกเขา ซึ่งสามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ ผู้เล่นบางคนได้สร้างพิพิธภัณฑ์ทั้งหมดที่อุทิศให้กับคอลเล็กชั่นของพวกเขา ในขณะที่ Starfield ผู้เล่นสามารถสะสมไอเทมในยานอวกาศของพวกเขา ซึ่งสามารถติดตั้งช่องเก็บของได้หลากหลาย

4. เดินเล่นทั่วแผนที่ Open-World

ด้วยขนาดของแผนที่ในเกม Open-World หนึ่งในสิ่งที่บ้าที่สุดที่คุณสามารถทำได้คือการเดินจากปลายด้านหนึ่งของแผนที่ไปยังอีกด้านหนึ่ง โดยไม่ใช้ยานพาหนะหรือม้า แต่ “เดินด้วยเท้าเท่านั้น” ไม่ว่าคุณจะเดินทางผ่าน Hyrule ใน Breath of the Wild/Tears of the Kingdom หรือดินแดนแห่งมัชฌิมาใน Elden Ring คุณก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่คุณมีเวลาพอหรือเปล่านั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งนะ

5. ลองโจมตี NPC ดูสักหน่อย

การโจมตีตัวละคร NPC เป็นกิจกรรมที่พบเห็นได้ทั่วไปและสนุกสนาน ในเกม Open-World สามารถใช้เพื่อสร้างความโกลาหล สำรวจโลกของเกม หรือเพียงแค่เอาสนุกก็ได้ ซึ่ง NPC ที่โจมตีได้ก็มีหลากหลาย แต่ที่โดดเด่นหน่อยก็คือเกม Grand Theft Auto ที่เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับการไล่ล่าตำรวจที่เข้มข้น ทำให้การโจมตีตำรวจเป็นอะไรที่วายป่วงไม่น้อยเช่นกัน หรือแม้กระทั่งโจมตียาม (รวมไปถึงวัว) ใน The Witcher III ก็อาจจะสร้างความวุ่นวายมากกว่าที่เราคาดไว้ก็ได้

6. บุกบ้าน NPC

หลังจากลองโจมตี NPC ดูแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่น่าสนใจที่สุดคือลองบุกเข้าไปในบ้านของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมอย่าง Skyrim ซึ่ง NPC มีตารางเวลาและกิจวัตรที่ซับซ้อน การบุกเข้าไปในบ้านของพวกเขาตอนกลางคืนเมื่อพวกเขาหลับเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกจับ หรือบางทีคุณอาจขโมยทุกสิ่งทุกอย่างได้ โดยจะได้รับอนุญาตหรือไม่ก็ตาม

7. ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า

การทำลายล้างในวิดีโอเกมนั้นทั้งน่าประทับใจและสนุกสนานเป็นพิเศษ ตัวอย่างเช่นเกม Open-World อย่าง Just Cause การทำลายล้างมักใช้เพื่อสร้างความสับสนวุ่นวายและความตื่นเต้นไม่น้อย ผู้เล่นสามารถใช้วัตถุระเบิด ยานพาหนะ และแม้แต่ร่างกายของตนเองเพื่อสร้างความเสียหายอย่างกว้างขวางซึ่งการได้ลองทำอะไรแบบนี้ก็น่าสนุกไม่น้อย

ทั้งหมดนี้คือ 7 สิ่งที่ผู้เล่นมักทำเมื่อเล่นเกม Open-World ผู้อ่านล่ะครับทำอะไรมากกว่านี้ก็มาคอมเมนต์บอกเล่ากันได้นะครับ