สกู๊ปพิเศษ

7 ความแตกต่างระหว่างเกม RPG ฝรั่งกับเกม RPG ญี่ปุ่น

เนื้อเรื่อง กราฟิก ตัวละคร ความสมจริง

หากพูดถึงเกม RPG เราก็คงจะเคยได้ยินเกมแนวนี้อยู่บ่อยๆ เพราะมันถือเป็นแนวเกมที่ค่อนข้างได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับชาวเกมเมอร์ โดย RPG ย่อมาจาก Role-Playing Game หรือมีความหมายเป็นภาษาไทยว่า ‘เกมสวมบทบาท’ นั่นก็คือการที่เราจะได้รับบทเป็นตัวละครภายในเกม ดำเนินเนื้อเรื่อง ผจญภัยไปพบเจอสิ่งต่างๆมากมายตามที่เนื้อเรื่องเกมมีให้

แต่เจ้าแนวเกม RPG นี้เองก็มีผู้พัฒนาเกมจำนวนมากสร้างเกมแนวนี้ขึ้นมาแข่งกันในตลาดเกมมากมาย ตั้งแต่เกมอินดี้เล็กๆ ไปจนถึงเกมยักษ์ใหญ่ที่มีให้เห็นกันทั่วโลก และวัฒนธรรมของเกมนี้ก็จะแตกต่างกันไปตามภูมิลำเนาของผู้พัฒนาเกม โดยหลักๆ จะถูกแบ่งเป็น 2 ฝั่งให้เห็นกันชัดๆ ก็คือฝรั่งกับญี่ปุ่น และในบทความนี้ กระผม Makino Jou ขอนำเสนอเกี่ยวกับ ‘7 ความแตกต่างระหว่างเกม RPG ฝรั่ง กับเกม RPG ญี่ปุ่น’ ไปชมกันเลยครับว่ามีอะไรกันบ้าง

7 ความแตกต่างระหว่างเกม RPG ฝรั่งกับเกม RPG ญี่ปุ่น

สำหรับเกม RPG นั้นการกำหนดทิศทางการดำเนินเนื้อเรื่องถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยเกมฝั่งฝรั่งนั้นจะชอบทำออกมาให้ผู้เล่นได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินของตัวละคร เช่น ต่อจากนี้จะทำอะไรต่อ ไปทางไหน เลือกตอบคำถามอย่างไร จะช่วย NPC หรือไม่ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะมีมาให้เลือกอยู่เสมอถ้าหากเล่นเกม RPG ฝรั่ง อีกทั้งถ้าหากเราไม่อยากทำก็ไม่มีอะไรเสียหาย แค่จะไม่ได้ผลตอบแทนเท่านั้นเอง ถือว่าเป็นสิทธิ์ของผู้เล่นที่จะเลือกทำหรือไม่ทำก็ได้ แต่กลับกันทางเกมฝั่งญี่ปุ่นนั้นส่วนใหญ่มักจะมีเส้นทางของตัวละครที่กำหนดไว้แล้ว ว่าต่อจากนี้จะต้องไปทางไหน ต้องเผชิญอะไรต่อไป ต่อให้จะมีช่วงที่มีอิสระบ้าง แต่สุดท้ายเราก็ต้องถูกบังคับให้ไปในทางที่เนื้อเรื่องขีดเขียนไว้อยู่ดี แต่ข้อดีของฝั่งญี่ปุ่นก็คือ ผู้เล่นจะอินกับเนื้อเรื่องที่ถูกวางเอาไว้เป็นอย่างดี เราจะรับรู้ว่าตัวละครต้องผ่านและพบเจออะไรมาบ้างกว่าจะมาถึงจุดนี้ และสิ่งที่สะสมมาในอดีตมักจะทำให้เราพีคมากเมื่อเจอฉากโดนๆ ของเกม

7 ความแตกต่างระหว่างเกม RPG ฝรั่งกับเกม RPG ญี่ปุ่น

ยิ่งเวลาผ่านไป เทคโนโลยีที่เกี่ยวกับเกมก็ยิ่งพัฒนาไปไกลเรื่อยๆ เรื่องกราฟิกเองก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ยิ่งเกมฝั่งฝรั่งนั้นก็จะยิ่งแสดงออกถึงความอลังการอย่างชัดเจน ทุกอย่างล้วนดูสมจริงมากยิ่งขึ้น หน้าตาตัวละคร เสื้อผ้าหน้าผม บรรยากาศ เมือง ธรรมชาติ ป่าไม้ ภูเขา หรือแม้แต่พวกเอฟเฟคระเบิด เวทมนตร์ ล้วนมีความยิ่งใหญ่อลังการอยู่เสมอ ถือว่าเป็นจุดเด่นของเกม RPG ฝรั่งเลยก็ว่าได้ ส่วนเกมฝั่งญี่ปุ่นนั้นก็มีการพัฒนาด้านกราฟิกเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าจะไม่เน้นเรื่องของความสมจริง แต่กลับใช้ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีนั้นมาสร้างเอกลักษณ์ให้เกมของตัวเองเป็นที่น่าจดจำมากยิ่งขึ้น บางเกมของฝั่งญี่ปุ่นเลือกใช้กราฟิกแบบ 2D ด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าเทคโนโลยี 3D นั้นก้าวหน้าไปไกลแล้วก็ตาม เพื่อที่จะให้เกมที่สร้างขึ้นมาสามารถสร้างการจดจำได้ ซึ่งก็เป็นจุดที่ทางญี่ปุ่นเลือกเดินเกมแตกต่างจากฝั่งฝรั่ง

7 ความแตกต่างระหว่างเกม RPG ฝรั่งกับเกม RPG ญี่ปุ่น

ด้านเนื้อเรืองเองก็เป็นสิ่งสำคัญของเกม RPG เพราะถ้าหากเนื้อดี ก็จะทำให้เกมดูน่าสนใจ และสร้างความประทับใจให้กับผู้เล่นได้ โดยจุดเด่นของเกมฝั่งฝรั่งจะเน้นการเติมเต็มเนื้อเรื่องโดยรวมของเกมให้มีความสมบูรณ์พร้อมและกว้างขวาง พวกเขาจะเล่าเรื่องราวมาตั้งแต่อดีตกาล ว่าอดีตของโลกนี้ผ่านอะไรมาบ้างก่อนมาถึงยุคปัจจุบัน และพวกตัวเอกกำลังเผชิญอะไรบ้าง มีชนเผ่าอะไร มีเมืองไหน แผนที่โลกเป็นอย่างไร ทุกอย่างจะถูกอธิบายอย่างครบถ้วน จนผู้เล่นรู้สึกว่า โห…เกมนี้โคตรฟอร์มยักษ์เลย แต่ในทางฝั่งญี่ปุ่นจะเน้นไปที่การเพิ่มเติมประวัติของตัวละครต่างๆ ให้มีความน่าสนใจ เช่น การเพิ่มปมให้ตัวเอกว่าทำไมถึงมีนิสัยแบบนี้ การเพิ่มประวัติและเหตุผลในการต่อสู้ ว่าทำไมถึงต้องทำถึงขนาดนี้ ต่อสู้ไปเพื่ออะไร ทำไมถึงยอมเสียสละชีวิตของตัวเอง ทุกอย่างที่เกมญี่ปุ่นสร้างขึ้นเพื่อบิ๊วให้ผู้เล่นรู้สึกอินกับความรู้สึกของตัวละคร ให้ผู้เล่นเข้าใจตัวละครมากขึ้น ในเวลาที่ตัวละครต่างๆ แสดงออกถึงอารมณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการโกรธ เศร้า สนุก เฮฮา ไม่ยอมแพ้ ลุกขึ้นสู้ หรือเสียใจ ผู้เล่นก็จะรู้สึกอินกับตัวละครนั้นๆ เพราะว่าผู้เล่นได้รับรู้อดีตความเป็นมาของตัวละครและเข้าใจเป็นอย่างดี

7 ความแตกต่างระหว่างเกม RPG ฝรั่งกับเกม RPG ญี่ปุ่น

สำหรับเกม RPG ที่มีเนื้อเรื่องออกไปทางแฟนตาซี ก็จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการนำตำนานเข้ามาเล่าขานภายในเรื่อง หรือหยิบจับเอาสิ่งต่างๆ ที่มนุษย์เชื่อมาเพิ่มลงไปในเกม ในฝั่งฝรั่งก็จะชอบใช้ตำนานที่มีอยู่จริงมาใส่เข้าไปในเกม เช่น ถ้าพูดถึงเทพเจ้าก็มักจะมีเทพกรีก เทพนอร์ส พระเจ้าบนสวรรค์ ปีศาจในนรกเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือแม้แต่ชนเผ่าในตำนานก็จะหนีไม่พ้นพวก เอลฟ์ ดาร์กเอลฟ์ ไวกิ้ง ดาร์ฟ ส่วนพวกภูติผีปีศาจก็มักจะมี ซอมบี้ แวมไพร์ ผีดูดเลือดมนุษย์หมาป่า แม่มด เป็นต้น ซึ่งตำนานเหล่านี้เราสามารถพบเจอได้ผ่านสื่อต่างๆ โดยทั่วไป แต่สำหรับฝั่งญี่ปุ่นนั้นชอบสร้างตำนานเหล่านี้ขึ้นมาใหม่ แต่ละเกมก็จะมีตำนานเป็นของตัวเอง ถ้าไม่ใช่เกมภาคต่อหรือมีจักรวาลร่วมกันก็แทบจะสร้างตำนานใหม่แทบทุกเกม ซึ่งเราก็จะได้รับรู้เรื่องราวใหม่ๆ จากเกมฝั่งญี่ปุ่นอยู่เสมอ บ้างก็ลงตัวใช้ได้ บ้างก็รู้สึกแปลกๆ ซึ่งจะต่างกับเกมฝั่งฝรั่งที่เรารู้สึกคุ้นเคยและเข้าถึงได้ง่ายกว่า

7 ความแตกต่างระหว่างเกม RPG ฝรั่งกับเกม RPG ญี่ปุ่น

ในเกมที่มีตัวละครให้เลือกเล่นมากกว่าหนึ่งตัว สำหรับเกมฝั่งฝรั่งแล้วผู้เล่นมักจะเลือกเล่นจากสกิลของตัวละคร เพราะส่วนมากตัวละครฝั่งฝรั่งจะไม่ค่อยแตกต่างกันมากเท่าไหร่นัก สิ่งที่ต่างส่วนใหญ่จะเป็นชนเผ่า เพศ หรืออาชีพซะมากกว่า แต่สิ่งที่แตกต่างจริงๆ จะเป็นเรื่องของสกิลที่จำเป็นต่อการเล่นภายในเกมซึ่งผู้เล่นจะเลือกดูว่า ตัวนี้มีสกิลอะไรใช้ แรงไหม เอาตัวรอดได้ไหม ในระยะยาวจะเล่นตัวนี้ไปจนจบเกมได้หรือไม่ ซึ่งจะแตกต่างกับทางญี่ปุ่นที่การออกแบบตัวละครจะถูกออกมาแบบด้วยความใส่ใจ หน้าตา เสื้อผ้า ทรงผม สีผม สีตา เครื่องประดับ ทุกอย่างจะเหมือนออกมาจากอีกโลกหนึ่ง ซึ่งแตกต่างจากฝรั่งที่จะเน้นเรื่องความสมจริงของหน้าตา แต่นั่นก็ทำให้ผู้เล่นที่เล่นเกม RPG ฝั่งญี่ปุ่นเลือกตัวละครจากหน้าตาเป็นหลัก ไม่ว่าสกิลและความสามารถจะเป็นยังไงก็ตามถ้าหากเราถูกใจตัวละครนี้ เราก็จะสามารถฝึกมันจนสามารถเล่นจบเกมได้อยู่ดี

7 ความแตกต่างระหว่างเกม RPG ฝรั่งกับเกม RPG ญี่ปุ่น

การดำเนินเนื้อเรื่องของตัวละครนั้น ทางฝั่งฝรั่งจะเน้นการดำเนินเนื้อเรื่องด้วยตัวละครหลักเพียงตัวเดียว ซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะต้องการให้ผู้เล่นรู้สึกว่าตัวละครที่กำลังเล่นอยู่นั้นเป็นตัวผู้เล่นเอง สามารถตัดสินใจสิ่งต่างๆ ได้เอง ถึงแม้จะมีตัวละครอื่นโผล่มาบ้างตามเนื้อเรื่อง แต่ส่วนใหญ่ตัวหลักก็จะปลีกตัวไปลุยเดี่ยวอยู่ดี เหมือนเป็นคนไม่เอาพรรคเอาพวก เป็นหมาป่าเดียวดาย แต่ส่วนใหญ่จะเก่งจริง ซึ่งหากเปรียบเทียบกับฝั่งญี่ปุ่นแล้ว ทางญี่ปุ่นน้้นมักจะทำให้ตัวละครหลักมีเพื่อนและมีพรรคพวกที่ร่วมผจญภัยไปด้วยกัน ตัวหลักอาจไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด แต่ก็จะได้รับการช่วยเหลือจากคนในปาร์ตี้ จนทำให้สามารถข้ามพ้นสถานการณ์ต่างๆ มาได้ราวกับปาฏิหาริย์ ซึ่งกลุ่มผู้เล่นเกมญี่ปุ่นมักจะเรียกสิ่งนี้ว่าพลังแห่งมิตรภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกมฝั่งฝรั่งนั้นไม่ค่อยมีให้เห็นนัก

7 ความแตกต่างระหว่างเกม RPG ฝรั่งกับเกม RPG ญี่ปุ่น

ในเรื่องของเกมเพลย์แล้ว เกม RPG นั้นมีวิธีทำให้ตัวละครของเราเก่งขึ้นได้หลากหลายวิธี แต่สิ่งที่แสดงออกเด่นชัดที่สุดของฝั่งฝรั่งก็คือ ไอเทมหรือเครื่องสวมใส่ที่กำลังใช้งานอยู่ว่าเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันไหม เกมฝั่งฝรั่งจะมีความหลากหลายด้านอุปกรณ์ค่อนข้างมาก เช่น มีอาวุธที่ใช้ฆ่ามอนสเตอร์ เกราะหนาหรือมีเกราะที่ป้องกันการโจมตีด้วยพิษ หรือถ้าเราอยากจะชนะบอสข้างหน้าให้ได้ ก็ต้องหาอุปกรณ์ที่มีค่าสเตตัสสูงๆ มาสู้ เพราะงั้นการเปลี่ยนแมพแต่ละครั้งก็มักจะต้องหาอุปกรณ์ใหม่มาใส่ตัวเพื่อให้เราเก่งขึ้น ซึ่งจะแตกต่างกับเกม RPG ญี่ปุ่นที่เน้นการใช้เลเวลเป็นหลัก ถ้าเราอยากเก่งเราต้องเก็บเลเวล เพราะถ้าเลเวลอัพก็จะได้ค่าสเตตัสที่สูงขึ้น และได้รับสกิลใหม่มาผ่านด่านต่อไปเรื่อยๆ เพราะงั้นเวลาเปลี่ยนแมพใหม่หรือว่าสู้บอสไม่ผ่าน วิธีที่ง่ายดายที่สุดของการเล่นเกม RPG ญี่ปุ่นก็คือการเก็บเลเวลให้สูงขึ้นนั่นเอง


เป็นยังไงกันบ้างครับ กับ “7 ความแตกต่างระหว่างเกม RPG ฝรั่ง กับเกม RPG ญี่ปุ่น” ตรงกับสิ่งที่เพื่อนๆ คิดไว้ในใจกันบ้างไหมล่ะครับ สำหรับคนที่เล่นเกม RPG มานานก็น่าจะเข้าใจและเคยสัมผัสกับทั้ง 7 ข้อที่กล่าวไปใช่ไหมล่ะครับ จริงๆ แล้วยังมีจุดแตกต่างอื่นๆ อีกระหว่างเกมฝรั่งกับเกมญี่ปุ่น ซึ่งถ้าจะให้กล่าวจนครบทั้งหมดก็คงจะไม่ไหว ก็เลยยกเพียงแค่ข้อใหญ่ๆ ที่เป็นคอนเซ็ปต์กว้างๆ มาให้อ่านกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นเกมฝรั่งหรือเกมญี่ปุ่นก็จะมีข้อแตกต่างและจุดเด่นจุดด้อยไม่เหมือนกัน ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบของผู้เล่นแต่ละคนว่าจะเลือกเล่นของฝั่งไหน แต่ผมเล่นทั้งสองฝั่งเลยนะ เพราะไม่ว่าจะฝั่งไหนก็มีจุดที่น่าสนใจกันทั้งนั้น และเราก็ไม่สามารถวัดได้ด้วยว่าเกมฝั่งไหนดีกว่ากัน สิ่งที่การันตีได้แน่ๆ คือไม่ว่าฝั่งไหนก็สนุกเหมือนกันแน่นอนครับ

Jou Thunder

Content Creator สายเกมที่อยากทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ โปรดติดตามช่อง youtube.com/@JouThunder
Back to top button