สกู๊ปพิเศษ

5 เหตุผลที่ผู้เล่นชอบเกมที่มี Ending ฉากจบแบบปลายเปิด

เนื้อเรื่องเส้นตรงและสรุปฉากจบให้มันจำเจไปแล้ว เกมยุคใหม่ต้องให้ผู้เล่นคิดเอง

สวัสดีเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ทุกท่านนะครับ เวลาที่เราเล่นเกมแนวเนื้อเรื่องที่มีการเริ่มต้นและสิ้นสุดนั้น ตัวเกมก็จะมีฉากจบหรือ Ending มาให้ดูสรุปในตอนท้าย ซึ่งบางเกมก็อาจจะมีฉากจบเดียว และหลาย ๆ เกมเลยก็มีฉากจบให้เลือกเล่นหลายแบบ เช่น Bad Ending, Good Ending, True Ending เป็นต้น แน่นอนว่าแต่ละฉากจบก็อาจจะมีการวางโครงเรื่องและบทสรุปของเกมเอาไว้แล้วในตอนท้าย แต่นั่นไม่ได้แปลว่าผู้เล่นจะยอมรับมันได้ทุกคนถึงแม้ว่านั่นจะเป็นบทสรุปที่ทีมผู้พัฒนาเป็นคนคิดขึ้นก็ตาม อย่างไรก็ตามตัวเกมประเภทที่จบแบบปลายเปิดให้ผู้เล่นได้คิดเองนั้นก็เริ่มที่จะมีบทบาทในแวดวงเกมมากยิ่งขึ้น และเกมดัง ๆ หลายเกมก็เริ่มหยิบจับการจบแบบปลายเปิดมาใช้และผู้เล่นก็ชอบกันซะด้วย เรามาดูเหตุผลกันครับว่าทำไมผู้เล่นถึงชอบ

1. เสรีภาพในการตีความ

01 5


ไม่ว่าเนื้อเรื่องหรือ World Setting ของเกมนั้นจะเป็นยังไงหรือเป็นยุคสมัยไหน อาจจะเป็นโลกปัจจุบัน โลกอนาคตหรือโลกแนวแฟนตาซีที่มีเวทมนตร์ภายในเกม แต่เนื้อเรื่องก็สามารถดำเนินไปได้อย่างที่ผู้พัฒนาต้องการจะนำเสนอแทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะฉากจบที่เปิดทิ้งไว้จะทำให้ผู้เล่นที่อินกับเกมนี้มีอิสระในการคิด มีเสรีภาพในการตีความ ว่าสรุปแล้วโลกที่เขาเสียเวลาเล่นมาจนจบนั้นจะมีจุดลงเอยอย่างไร หรือตัวละครที่เขาผูกพัน ฝ่าฟันอุปสรรคมาแทบตายจะมีปลายทางอย่างไรรออยู่ แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้ตัวละครที่ตัวเองเล่นมาต้องตายในตอนท้ายหรอก และการตีความด้วยตัวเองโดยไม่หยิบยื่นเนื้อหาให้ มันทำให้ผู้เล่นสามารถปกป้องความรู้สึกของตัวเองได้จากการตีความ และสร้างบทสรุปที่ตนเองคิดว่าน่าจะเหมาะสมที่สุดกับเกมนี้ครับ

2. การสร้างบทสนทนาในกลุ่มผู้เล่นด้วยกัน

02 6


เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ที่เวลาเราดูหนังจบ ออกจากโรงหนัง หรือติดตามซีรีส์อะไรก็ตามแล้วจะรู้สึกคันปากอยากจะหาพรรคพวกที่ดูเรื่องเดียวกันมาคุยกันหน่อย และใช่ครับ เกมก็เป็นอย่างนั้น เวลาที่เราเล่นเกมใดเกมหนึ่งจบไปแล้ว เราจะมีความรู้สึกว่าอยากจะพูดคุยกับใครสักคน ถึงจะไม่ใช่คนที่เล่นเกมนี้เหมือนกัน แต่อย่างน้อยก็อยากจะเล่าให้ใครฟังถึงความสนุก ความตื่นเต้นที่ตัวเองได้ประสบพบเจอมา เวลาได้ระบายความรู้สึกอินออกไปมันทำให้สนุกกับเกมมากยิ่งขึ้นถึงแม้ว่าจะเล่นเกมจบไปแล้วก็ตาม มันคืออารมณ์ค้างนั่นแหละครับ และการที่มีฉากจบแบบปลายเปิดนั้นมันทำให้ผู้เล่นสามารถคุยกันได้ยาวขึ้น เพิ่มหัวข้อในการสนทนาได้ยาวขึ้น เผลอ ๆ ถ้าเห็นไม่ตรงกันอาจจะต้องมีการเข้าเกมอีกรอบเพื่อหาข้อมูลเพิ่มอีกด้วย

3. ทำให้อินกับเนื้อเรื่องและตัวละคร

03 6


เคยเป็นกันไหมครับ เวลาที่เราเล่นเกมอะไรบางอย่างแล้วถึงแม้จะเล่นจบเกมแต่ก็ไม่ได้อินอะไร นั่นเพราะว่าตัวเกมไม่ได้สร้างความผูกพันให้กับผู้เล่น เราเลยไม่ได้รู้สึกอินกับเนื้อเรื่อง ไม่ได้ผูกพันกับตัวละคร ไม่ได้รู้สึกว่าชาวเมืองหรือพรรคพวกคนไหนมันจะเป็นตายร้ายดียังไง เวลาเล่นเกมจบแล้วเราก็จะรู้สึกเฉย ๆ ครับ การทำให้เกมมีเนื้อเรื่องที่เข้มข้น ฝังปมไว้ให้ผู้เล่นคิด มีตัวเลือกมาให้ผู้เล่นเป็นคนเลือกตอบ แล้วปิดฉากด้วยการจบเกมแบบปลายเปิดเพื่อให้ผู้เล่นนำข้อมูลทุกอย่างที่ผ่านมา มาลองวิเคราะห์และสรุปผลลัพธ์เป็นแนวทางของตัวเอง มันจะทำให้ผู้เล่นคนนั้นรู้สึกอินกับเกมที่เขาเล่นมากยิ่งขึ้นกว่าการดูฉากจบที่ทุกอย่างเหมือนเซ็ตอัพขึ้นมาแล้ว

4. รู้สึกแตกต่างและไม่ซ้ำซากจนเกินไป

04 6


อย่างที่กล่าวไปในข้างต้นว่าเกมที่มีเนื้อเรื่องเป็นเส้นตรงและมีฉากจบที่ชัดเจนนั้น มันสร้างความจำเจให้กับผู้เล่นเป็นอย่างมาก ปูทางเนื้อเรื่องมาซะเด่นชัด พอจบเราก็จะเดาได้ว่า อ๋อ สุดท้ายตัวร้ายก็ต้องตาย หรือพระรองจะต้องตาย หรือผลลัพธ์โลกใบนี้ก็จะยังสงบสุขด้วยวิธีแบบนั้นแบบนี้ มันอาจจะดูดีในแง่ของความแคสชวลหรือสำหรับผู้เล่นที่นาน ๆ ทีจะเล่นเกมจบ แต่ถ้าเกิดว่าเป็นเกมเมอร์ที่เล่นเกมจบเป็นร้อย ๆ เกมและต้องเจอฉากจบคล้าย ๆ กันอย่างต่อเนื่องเป็นร้อยเกม เป็นใครใครก็เบื่อครับ แต่เวลาเจอเกมที่มีฉากจบปลายเปิดนั้นผู้เล่นสามารถจินตนาการฉากจบเองได้ เพราะถึงแม้ว่าหลายเกมจะจบปลายเปิดคล้าย ๆ กันแต่ข้อมูลภายในเกมล้วนเป็นคนละเกม ทำให้ผู้เล่นสามารถคิดฉากจบได้แตกต่างกันไปถึงแม้ว่าจะจบปลายเปิดแบบเดียวกันก็ตาม

5. เป็นคอนเทนต์ให้คนเอาไปทำต่อได้มากมาย

05 5


การที่มีฉากจบแบบปลายเปิดนั้นจะกระตุ้นให้ผู้เล่นสงสัย อยากรู้อยากเห็น ทั้งคนที่ตั้งคำถามเป็นและคนที่รอฟังคำตอบ ทำให้ครีเอเตอร์จำนวนมากเลือกหยิบจับเอาคอนเทนต์เหล่านี้ไปตีความต่อในแบบของเขา หลายเกมอาจจะเห็นได้ว่าครีเอเตอร์จำนวนไม่น้อยเลยที่ทำบทสรุปเนื้อเรื่องออกมา แต่เล่าเนื้อหาไม่เหมือนกัน เนื่องจากว่าเกมมีการตีความและมุมมองของครีเอเตอร์แต่ละคนก็แตกต่างกันไปตามการตีความและความเข้าใจส่วนบุคคล มันเลยทำให้เกมที่มีฉากจบแบบปลายเปิดนั้นมีอะไรไว้พูดถึงหลังเกมจบได้มากกว่าเกมที่มีฉากจบแบบเส้นตรงครับ

และนี่ก็คือ “5 เหตุผลที่ผู้เล่นชอบเกมที่มีฉากจบแบบปลายเปิด” เป็นยังไงกันบ้างครับ ตรงกับประสบการณ์ที่เพื่อน ๆ ได้เล่นเกมที่มีฉากจบแบบปลายเปิดกันบ้างหรือเปล่า ส่วนตัวผมนั้นก็จะชอบคิดเข้าข้างตัวละครในเกมเหมือนกันครับ เวลาที่เราสามารถคิดได้ ตีความเองได้ ก็ไม่อยากจะให้ตัวละครที่เราเล่นมากับมือต้องมาจบไม่สวยในตอนท้าย แล้วเพื่อน ๆ ล่ะครับมีความเห็นยังไงกันบ้าง คอมเมนต์คุยกันได้เสมอนะครับ 🙂

ที่มา
ignfanatical

Jou Thunder

เร็ว แรง ติดคริ คือคติของผม โปรดติดตามช่อง youtube.com/@JouThunder
Back to top button