เพียงแค่เอ่ยถึงเกม Fighting ผมเชื่อว่าทุกคนต้องคุ้นเคยกับเกมแนวนี้อย่างแน่นอน เพราะเกมแนวนี้มันอยู่คู่กับเรามามานาน ทุกยุคทุกสมัยแม้แต่ในปัจจุบัน แต่ในตอนนี้กลับเป็นแค่แนวเกมที่หลบอยู่ในมุมเล็กๆเท่านั้น ผมเลยสงสัยว่า ทำไมเกม Fighting มันถึงได้รับความนิยมน้อยกว่าแต่ก่อน ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของ 7 เหตุผลที่เกม Fighting ไม่ปังเสียทีนั่นเอง จะมีอะไรกันบ้างนั้นไปรับชมกันเลยครับ
1. ตัวเลือกเกมที่มีอยู่มากมาย
สำหรับเกมเมอร์ที่ไม่เคยได้สัมผัสเกมแนวต่อสู้มาก่อน ผมเชื่อว่าติดปัญหาข้อนี้อย่างแน่นอน หรือก็คือคุณไม่รู้ว่าจะเล่นเกมไหนก่อนดี เพราะด้วยตัวเลือกเกมที่มีอยู่จำนวนมากในปัจจุบัน ทำให้ใครหลายคนที่เริ่มหันมาสนใจเกมแนวนี้ก็อาจจะเริ่มกันไม่ถูกเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น Street Fighter, Mortal Kombat, Samurai Showdown, Tekken, KoF หรือเกมอื่นๆ ที่มีให้ได้เลือก แถมปัญหาที่มักจะตามมากับการเลือกเกมก็คือ แต่ละเกมมันต่างกันอย่างไร, เกมไหนอยากง่ายกว่ากัน หรือจะเป็นเกมไหนคนไทยเล่นเยอะ บอกเลยว่าปัญหาข้อนี้ก็เป็นเหมือนประการด่านแรก ที่ผู้เล่นใหม่ต้องเจอเลยล่ะครับ
2. ระบบเกมมีความซับซ้อน
ผมเชื่อว่าเกมเมอร์ไม่น้อยเลยที่พอพูดถึงเกม Fighting สิ่งแรกที่จะเด้งขึ้นมาในหัวก็คงไม่พ้น ” ความยาก ” ของตัวเกมที่มีมากเกินกว่าจะรับไหว ซึ่งการคิดแบบนี้มันก็ไม่ได้ผิดอะไรครับ เพราะพอเอาเข้าจริงๆ เกม Fighting นั้นมันก็ยากมากจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นเกมแนวนี้ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้นนะครับ ถ้าคุณลองเปิดใจที่จะศึกษา, เรียนรู้และใช้เวลากับมันดู ก็จะเริ่มเข้าใจว่า จริงๆ แล้วเกมแนวนี้มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด แถมยิ่งถ้าคุณได้เริ่มเรียนรู้และเข้าใจตัวเกมมากขึ้น พอเริ่มเล่นเป็น มันจะเป็นความรู้สึกที่หาจากเกมไหนไม่ได้เลยทีเดียว
3. น้อยเกมที่จะมี Tutorial มาด้วย (หรือถ้ามีก็น้อยมากๆ )
จำว่านี่เป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ของเกม Fighting เลยก็ว่าได้ กับการที่เกมใหญ่หลายๆ เกมไม่มีระบบสอนเล่นหรือ Tutorial ภายในเกม ทำให้ผู้เล่นที่อยากเรียนรู้ตัวเกม จำเป็นต้องออกไปหาข้อมูลเพิ่มเติมจากที่อื่นไม่ว่าจะเป็นการเปิดหาตาม Youtube หรือการสอบถามจากกลุ่มผู้เล่นเกมเดียวกัน และถึงแม้บางเกมจะมีระบบสอนเล่นก็จริง น้อยเกมนักที่จะมีระบบสอนเล่นดีๆ (เท่าที่ผมคิดได้ก็มีแค่ Guity Gear ครับ) เพราะส่วนใหญ่ในเกมต่อสู้ที่มีระบบสอนเล่น ก็จะเป็นเพียงแค่การสอนการบังคับและการเล่นพื้นฐาน ที่มันค่อนข้างจะผิวเผินไปหน่อย ทำให้ผู้เล่นใหม่หลายๆ คนต้องติดปัญหาว่าจะเริ่มตรงไหนนั่นเองครับ
4. ก่อนจะเก่งคุณต้องแพ้เท่านั้น
การพ่ายแพ้ในเกม มันไม่ใช่เรื่องสนุกเลยแม้แต่น้อย เกม Fighting ก็เช่นกัน เมื่อคุณเล่นแพ้ขึ้นมา ทั้งความเจ็บใจและปวดร้าวนี้จะส่งผลกระทบต่อคุณอย่างมาก และการพ่ายแพ้ในเกมแนวนี้ ถือเป็นของคู่กันและเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ยิ่งถ้าคุณเป็นผู้ใหม่แล้วล่ะก็ การแพ้แบบติดๆ กันนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากธรรมชาติของเกม Fighting เป็นเกมที่ต้องใช้ทักษะในการบังคับและจำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับเกมด้วย หากใครมีความรู้เกี่ยวกับเกมน้อยกว่า โอกาสในการแพ้ก็จะสูงขึ้นตามลำดับ อย่างไรก็ตาม หากคุณชนะสักครั้งหนึ่ง สิ่งที่ได้รับมันจะกลายเป็นความประทับใจแบบสุดๆ เลยเชียวล่ะครับ
5. เกมนี้ไม่มีเพื่อนร่วมทีม
ในเกมแนวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น MOBA, Battle Royale หรือเกมยิงแนว FPS สิ่งที่เหมือนกันคือการมีเพื่อนร่วมทีมที่จะเป็นคนคอยช่วยเหลือเราในการเล่น ถ้าเกิดวันไหนเราเล่นไม่ดี เพื่อนร่วมทีมของเราก็สามารถแบกเราได้และทำให้เราชนะได้ในที่สุด ต่างจากเกม Fighting ที่ถ้าวันไหนคุณเกิดเล่นไม่ดีขึ้นมา มันไม่มีเพื่อนคนไหนที่จะสามารถมาแบกคุณได้นอกจากตัวคุณเองที่ต้องพัฒนาขึ้น ซึ่งข้อนี้มีความเชื่อมโยงกับข้อ 4 ครับ ถ้าหากคุณไม่เก่งพอหรือรู้ไม่มากพอ คุณก็ต้องแพ้ไปเรื่อยๆ จนกว่าฝีมือจะพัฒนาขึ้น ทำให้การเล่นเกม Fighting นั้นเป็นอะไรที่ต้องใช้ความพยายามมากกว่าเกมแนวไหนๆ และนี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ใครหลายคนไม่กล้าที่เข้ามาลอง
6. เวลาที่ต้องจมอยู่กับการซ้อม
คุณจะเล่นเกมให้เก่งอย่างไร? ผมเชื่อว่าคำตอบของแต่ละคนคงจะแตกต่างกันไปตามประสบการณ์ แต่คำตอบที่น่าจะคล้ายๆ กันก็คือ “เล่นเกมนั้นบ่อยๆ เดี๋ยวมันก็ชินเอง” แต่สิ่งหนึ่งที่เกม Fighting ไม่เหมือนกับเกมแนวอื่นๆ เลยก็คือหากคุณมุ่งเน้นเล่นแต่ออนไลน์อย่างเดียว ไม่มีการซ้อมเลยแม้แต่น้อย โอกาสที่คุณจะพัฒนา มันคงจะช้ากว่าเกมแนวอื่นมาก เพราะทักษะหลายอย่างในเกม Fighting ต้องมีการฝึกฝนอยู่เสมอๆ และยิ่งถ้าคุณเป็นผู้เล่นใหม่แล้วล่ะก็ การฝึกทักษะเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมาในช่วงแรกก็เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่จำเป็นมากๆ จนสุดท้ายผู้เล่นบางเริ่มเบื่อและถอนตัวเลิกเล่นเกมดังกล่าวไปในที่สุด
7. พอเริ่มรู้มาก ก็ต้องรู้มากขึ้นไปอีก
การเล่นเกม Fighting นั้นมันไม่มีปลายทางหรือเส้นชัยใดๆ สิ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นแชมป์ที่เก่งฉกาจหรือจะเป็นผู้เล่นใหม่ สุดท้ายแล้วก็ต้องพบเจออุปสรรคมากมายที่ถาโถมเข้ามา ทำให้การเล่นเกม Fighting เหมือนกับการเรียนรู้ประเภทหนึ่ง ที่ต่อให้คุณรู้สึกเล่นจนเก่งแล้ว ท้ายที่สุดมันก็จะต้องมีคนที่เล่นเก่งกว่าคุณเสมอ ซึ่งถ้าหากใครชอบการแข่งขันและการพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ก็ดีไป แต่สำหรับผู้เล่นบางคนที่ไม่เห็นปลายทางของตัวเองก็อาจจะล้มเลิกจากเกมแนวนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
เป็นยังไงกันบ้าง มีเหตุผลข้อไหนที่คุณเคยพบเจอมากับตัวเองบ้างรึเปล่า ในฐานะที่ผมเป็นแฟนตัวยงของเกมแนวนี้ ทำให้พอเข้าใจถึงเหตุผลที่มันไม่เป็นที่แพร่หลายในปัจจุบัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามอยากจะให้ลองเปิดใจดูสักครั้งแล้วจะคุณจะรู้ว่ามันเป็นความรู้สึกที่หาจากเกมแนวอื่นไม่ได้เลยล่ะครับ
