
ทุกปีมีเกมดี ๆ หลายเกมที่ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร บางเกมอาจถูกมองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย ทั้ง ๆ ที่มีความน่าสนใจไม่แพ้เกมดัง ๆ เกมทั้ง 10 เกมในลิสต์นี้เป็นตัวอย่างของเกมที่ถูกมองข้ามไป โดยมีทั้งเกมที่ไม่ได้รับคะแนนรีวิวตามที่ควรจะเป็น หรือเกมที่ถูกบดบังด้วยเกมอื่น ๆ ที่ได้รับความนิยมมากกว่า ส่วนจะมีเกมอะไรบ้างนั้น มาติดตามกันได้เลยครับ
10 เกมที่สื่อนอกจัดให้เป็นเกม ‘ดีแต่โดนมองข้าม’ แห่งปี 2024
1. Nine Sols

คุณอาจสงสัยว่า ถ้า Nine Sols ขายดี วางจำหน่ายบนทุกเครื่องเกมหลังจากประสบความสำเร็จบน PC และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Indie Game Awards ถึง 2 สาขา แล้วมันจะถูกมองข้ามได้อย่างไร? จริง ๆ แล้วนอกจากเรื่องราวที่ซับซ้อนและมีบทพูดเยอะ (เกินไป) แล้ว Nine Sols ก็คือ Hollow Knight ภาคต่อที่เราทุกคนรอคอยเลยก็ว่าได้ โลกในเกมที่สวยงามและเทคโนโลยีที่คล้ายไซไฟ เป็นพื้นที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสำรวจและค้นพบ แต่ที่สำคัญที่สุดคือระบบต่อสู้ที่ท้าทายและต้องใช้ทักษะในการปัดป้อง โจมตี และใช้พลังงานต่าง ๆ ทำให้ Nine Sols น่าจะได้รับความนิยมมากกว่าที่เป็นอยู่ ถ้าคุณกำลังรอ Silksong ลองเล่น Nine Sols ดูสิ รับรองจะติดใจ!
2. Banishers: Ghosts of New Eden

แม้ว่าเกม Banishers: Ghosts of New Eden จากค่าย Don’t Nod จะได้รับการวิจารณ์ในแง่บวกพอสมควร แต่ยอดขายกลับไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการเปิดตัวในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม เกมนี้วางจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเป็นเดือนเดียวกับที่เกมดังอย่าง Final Fantasy VII Rebirth, Granblue Fantasy: Relink และ Helldivers 2 ออกมา ทำให้ Banishers ถูกบดบังและไม่เป็นที่รู้จักมากนัก และถ้าคุณพลาดเกมนี้ไป เราขอแนะนำให้ลองไปเล่นดูสักครั้ง เพราะเกมนี้มาพร้อมระบบการต่อสู้ที่ผสมผสานอาวุธปืนและพลังวิญญาณเข้าด้วยกันในแบบที่คล้ายกับเกม Control นอกจากนี้เนื้อเรื่องของเกมยังน่าสนใจ โดยเล่าถึงเรื่องราวความรักและความเศร้าของคู่รักสองคนที่ต้องออกตามล่าผีร้าย ซึ่งเป็นเรื่องราวที่อบอุ่นและน่าประทับใจอย่างยิ่ง
3. I AM YOUR BEAST

I AM YOUR BEAST จาก Strange Scaffold อาจเป็นเกมยิงปืนลอบเร้นที่เน้นแอ็กชั่นสุดมันส์และเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระที่คุณกำลังตามหา เกมนี้จะพาคุณกลับมาสู่สนามรบอีกครั้งในบทบาทของอดีตสายลับที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูสุดโหดด้วยทักษะการปีนป่าย กระโดด และสังหารที่เหนือชั้น ใช้ปืนและกับดักหลากหลายชนิดเพื่อกำจัดศัตรูให้สิ้นซาก แต่การฆ่าศัตรูยังไม่พอ คุณจะต้องท้าทายตัวเองด้วยภารกิจเสริมและทำลายสถิติเดิม ๆ ของตัวเองให้ได้ และด้วยกราฟิกสุดสวยในสไตล์การ์ตูนและด่านที่หลากหลายกว่า 20 ด่าน I Am Your Beast จะพาคุณไปสัมผัสประสบการณ์การเล่นเกมที่ตื่นเต้นเร้าใจตั้งแต่ต้นจนจบ
4. Penny’s Big Breakaway

Penny’s Big Breakaway คือผลงานเปิดตัวของ Evening Star สตูดิโอที่ก่อตั้งร่วมกันโดย Christian Whitehead ผู้ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าทีมพัฒนาเกม Sonic Mania หากได้ลองเล่นเกมนี้สักครั้ง คุณจะเห็นถึงรากเหง้าของ Sonic ในระบบการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว แต่จุดเด่นของเกมนี้คือการใช้โยโย่ที่มีชีวิตเป็นอุปกรณ์ในการเคลื่อนที่ ซึ่งทำให้ Penny สามารถแกว่ง โรยตัว ขี่ และบินไปตามฉากที่มีสีสันสดใสได้อย่างสวยงาม โดยการใช้โยโย่นั้นเรียนรู้ได้ง่าย แต่หากฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ คุณจะสามารถเชื่อมต่อท่าต่าง ๆ เข้าด้วยกันเพื่อเคลื่อนที่ผ่านด่านไปได้อย่างรวดเร็ว และเมื่อถึงจุดนั้น การเล่น Penny’s Big Breakaway จะเป็นอะไรที่สนุกมากกว่าที่คาดไว้
5. Berserk Boy

เกมแพลตฟอร์มสุดมันส์ที่ผสมผสานความเร็วของ Sonic และพลังชุดเกราะของ Megaman เข้าไว้ด้วยกัน เกมนี้อาจถูกวิจารณ์ว่าเนื้อหาสั้นจบเร็วไปหน่อย แต่ความสนุกของเกมไม่ได้จบลงเพียงแค่นั้น เพราะการเอาชนะบอสในแต่ละด่านจะปลดล็อคพลังธาตุใหม่ ๆ ให้กับตัวละคร ทำให้เราสามารถสำรวจพื้นที่ที่เข้าถึงไม่ได้มาก่อนหน้านี้ได้ ทำให้ Berserk Boy เป็นเกมที่เล่นซ้ำได้ไม่มีเบื่อ ทั้งสำหรับคนที่ชอบแข่งความเร็วและคนที่ชอบหาทางลัดและของสะสมต่าง ๆ
6. Shogun Showdown

เกมต่อสู้แบบเทิร์นเบสที่ผสมผสานกลิ่นอายของเกม Roguelike ที่จะพาคุณไปสัมผัสประสบการณ์ตื่นเต้นระทึกใจในช่วงเวลาที่ใกล้ความตาย คุณจะได้วางแผนและตัดสินใจอย่างรวดเร็วเพื่อเอาชีวิตรอดในสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะสิ้นหวัง โดยเกมนี้ให้ความสำคัญกับการวางตำแหน่งและจังหวะการโจมตี เช่นเดียวกับการต่อสู้ของซามูไรตัวจริง ทำให้การต่อสู้ในเกมนี้มีความลึกซึ้งและน่าสนใจเป็นอย่างมาก Shogun Showdown ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกเป็นอย่างมาก แต่กลับไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับเกม Roguelike อื่น ๆ ในปี 2024
7. Nobody Wants to Die

เกมสืบสวนสอบสวนในโลกอนาคตสไตล์ Neo-Noir ที่หลายคนอาจรู้สึกผิดหวังกับรูปแบบการเล่นที่ไม่ได้ลึกซึ้งอย่างที่ภาพกราฟิกและการสร้างโลกที่สวยงามของเกมนำเสนอมา เกมนี้เหมาะที่จะมองว่าเป็น Visual Novel มากกว่า โดยเกมจะเน้นการเดินสำรวจและบทสนทนาที่คล้ายกับเกมของ Telltale Games แม้ว่าเรื่องราวอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบนัก และมีเสียงวิจารณ์เรื่องที่ไม่สามารถเล่นซ้ำบางส่วนได้ แต่สำหรับเกมที่เน้นบรรยากาศแล้ว Nobody Wants to Die ก็ถือว่าทำได้ดีทีเดียว
8. Still Wakes the Deep

จุดเด่นของเกมนี้อยู่ที่การสร้างบรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัวบนแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลเหนือที่ผุพัง และตัวละครที่มีความเป็นมนุษย์และเสียงพากย์ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกอินไปกับความน่ากลัวได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าเกมนี้จะได้รับการยอมรับในระดับหนึ่งแล้ว แต่เราก็ยังรู้สึกว่า Still Wakes the Deep สมควรได้รับความสนใจมากกว่านี้ เพราะฉากหลังที่เป็นเอกลักษณ์และตัวละครที่น่าติดตาม ทำให้เกมนี้แตกต่างจากเกมสยองขวัญทั่วไป
9. CONSCRIPT

อาจจะถูกจัดเป็นเกมสยองขวัญเอาชีวิตรอด แต่ความสยองขวัญของเกมนี้ไม่ได้มาจากซอมบี้หรือผีดิบ แต่มาจากการที่ผู้เล่นต้องฝ่าฟันสงครามโลกครั้งที่หนึ่งในสนามรบที่คับแคบและเต็มไปด้วยศัตรูที่โหดร้าย แม้ว่าสถานการณ์ในเกมจะน่ากลัว แต่สิ่งที่ทำให้ CONSCRIPT เป็นเกมสยองขวัญเอาชีวิตรอดอย่างแท้จริงคือระบบการเล่นที่เน้นการจัดการทรัพยากร รวมไปถึงการย้อนกลับไปสำรวจ การแก้ปริศนา และการสำรวจฉากที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของเกมแนว Resident Evil หรือ Silent Hill นั่นเอง ทำให้ CONSCRIPT พิสูจน์ให้เห็นว่าเราไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับผีหรือซอมบี้เพื่อให้เกมสยองขวัญเอาชีวิตรอดประสบความสำเร็จได้
10. NIDUS

เกมยิงที่นำเสนอภาพกราฟิกที่สวยงามและตระการตาด้วยลูกกระสุนที่พุ่งเข้าใส่หน้าจออย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเกมแนว Bullet Hell ที่หลายคนชื่นชอบ นอกจากนี้ เกมยังท้าทายฝีมือของผู้เล่นด้วยรูปแบบการเล่นที่ซับซ้อนและต้องใช้สมาธิสูง แม้ว่า NIDUS จะเป็นเกมแนวเฉพาะทาง แต่จุดเด่นของเกมนี้อยู่ที่การควบคุมตัวละครสองตัวพร้อมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ นั่นคือ ตัวต่อและดอกไม้ป้องกัน ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่เคยมีมาก่อนในเกมแนวเดียวกัน ทำให้เกมนี้ตอบโจทย์ผู้เล่นที่ชื่นชอบการทำคะแนนสูงอย่างแน่นอน นอกจากนี้ NIDUS ยังมีโหมด Co-op สำหรับผู้เล่นที่ต้องการเล่นกับเพื่อนอีกด้วย
ผู้อ่านคนใดต้องการติดตามข่าวทั้งหมดของ This Is Game Thailand ก็สามารถมาได้ที่นี่ครับ >>>คลิก<<<