สกู๊ปพิเศษ

10 อันดับแผนที่เกมที่มีต้นแบบจากเมืองจริง

มาไล่ดูกันว่าในเกมไหนเหมือนกับของจริงมากที่สุด

ในหลายๆ ครั้งผู้พัฒนาเกมมักมีการหยิบเมืองจากโลกความเป็นจริง มาใช้เป็นต้นแบบในการทำแผนที่ในเกมของพวกเขา ซึ่งการทำแบบนี้นอกจากจะช่วยให้การพัฒนามีแนวทางชัดเจนแล้ว การนำสถานที่จากโลกความเป็นจริงมาเป็นต้นแบบ ยังทำให้ฝั่งผู้เล่นรู้สึกอินไปกับเกมได้มากกว่าเดิม เพราะถ้ามันทำออกมาดีผู้เล่นจะถูกดูดมายังโลกของเกมโดยไม่รู้ตัว และตามต่อด้วยการที่ผู้เล่นคนนั้นต้องถลุงเวลาไปกับเกมกว่าหลายร้อยชั่วโมง ซึ่งมาในวันนี้ผมจะพาเพื่อนๆ มาพบกับ 10 อันดับแผนที่เกมที่มีต้นแบบจากเมืองจริง ถ้าเพื่อนๆ พร้อมกันแล้วเรามาเริ่มกันเลย

10. เมือง Boston จาก Fallout 4

image 632

แม้ว่าเมือง Boston ใน Fallout 4 จะอยู่ในสภาพที่เหลือแต่ซากหลังจากสงคราม แต่ถึงกระนั้นเมือง Boston ที่เราได้ออกสำรวจใน Fallout 4 จะมีความคล้ายกับกรุง Boston ในช่วงยุคก่อนสงครามในโลกความเป็นจริง แถมภายในเกมยังมีการใส่สถานที่สำคัญอย่าง Freedom Trail หรือ เส้นทางเดินแห่งอิสรภาพ Landmark สำคัญของเมือง Boston ที่ทำออกมาได้เหมือนกับของจริง เรียกได้ว่าแม้จะไม่เหมือนของจริงแบบ 1 ต่อ 1 แต่เมือง Boston ของ Fallout 4 ก็ทำออกมาได้ อย่างน่าประทับใจ

9. เมือง Pripyat (ปรีเปียต) จาก Call of Duty 4: Modern Warfare

image 630

ภารกิจ “All Ghillied Up” คือหนึ่งภารกิจระดับตำนานของไตรภาค Modern Warfare ที่เราจะได้รับบทเป็น Captain Price ออกตะลุยในเมือง Pripyat เมืองที่ถูกทิ้งร้างหลังจากโศกนาฏกรรมโรงไฟฟ้า Chernobyl โดยความพิเศษของเมือง Pripyat ใน Call of Duty 4: Modern Warfare คือบรรยากาศของตัวเมืองที่ผู้พัฒนารังสรรค์ออกมาได้อย่างสมจริง ทั้งความขุ่นมัวของท้องฟ้าไปจนถึงสภาพบ้านเมืองที่ถูกทิ้งร้าง ก็ล้วนถูกถอดแบบมาได้อย่างยอดเยี่ยม ถ้าพูดกันตามตรงภารกิจ All Ghillied Up เปรียบเสมือนทัวร์ขนาดย่อมของเมือง Priyat เลยทีเดียว

8. Washington DC จาก The Division 2

image 627

ถ้าคุณเป็นสาวกเกมของค่าย Ubisoft น่าจะรู้กันเป็นอย่างดีว่าค่ายนี้ มีจุดแข็งในการทำแผนที่เกมให้ออกมาสวยงามและเต็มไปด้วยรายละเอียด The Division 2 ก็เช่นกันที่แผนที่ของเกมภาคนี้เป็นการถอดแบบกรุง Washington DC มาแบบเกือบ 1 ต่อ 1 ชนิดที่ถ้าเราลองเอาองค์ประกอบภายในเกม อย่างซากรถตามท้องถนนและเหล่าทหารรับจ้างออกไป The Division 2 จะกลายเป็นทัศนศึกษากรุง DC แบบดิจิทัลเพราะรายละเอียดต่างๆ ของกรุง DC ใน The Division 2 ทั้งตึกตึกรามบ้านช่องไปจนถึง Landmark ต่างๆ ทางผู้พัฒนาก็ใส่มาครบไม่ตกหล่น

7. New York City จาก Marvel’s Spider-Man

image 628

Marvel’s Spider-Man สำหรับผมแล้วถือเป็นอีกหนึ่งเกมเที่ยวทิพชั้นยอด เพราะนอกจากเราจะได้โลดโผนโจนทะยานตามสไตล์ Spider Man เมือง New York City ภายในเกมที่แม้จะถูกตีความใหม่ให้ตัวเมืองมีกลิ่นอายความเป็น Marvel เช่นการเพิ่มตึก Avengers Tower, สถานทูต Wakanda และ Sanctum Sanctorum ของหมอแปลก แต่ถ้าเราลองเอาสถานที่เหล่านี้ออกไป New York City ใน Marvel’s Spider-Man จะมีความเหมือนกับกรุง New York City ในโลกความ เป็นจริงไม่มีผิด

6. Hong Kong จาก Sleeping Dogs

image 629

การที่เราจะได้เห็นเกม Open World สไตล์ GTA มีเมืองที่ตั้งในเอเชียถือเป็นเรื่องยากที่แทบจะนับครั้งได้ทำให้ Sleeping Dogs มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนสามารถฉีกตัวเองจากเงาของ GTA เพราะนอกจากตัวเกมจะมีระบบ Combat ที่มันสะใจ Sleeping Dogs ยังใช้เมือง Hong Kong มาเป็นต้นแบบแผนที่ภายในเกม แต่เมือง Hong Kong ใน Sleeping Dogs จะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและขนาดอยู่พอประมาณเพื่อให้ง่ายต่อการพัฒนา แต่ถึงกระนั้นบรรยากาศของเมือง Hong Kong ใน Sleeping Dogs ก็ให้อารมณ์ไม่ต่างจาก Hong Kong ของจริงเลยล่ะ (คือทำเหมือนแม้กระทั่งสีของถังขยะเลย)

5. San Francisco จาก Watch Dogs 2

image 630

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น Ubisoft คือเซียนในการสร้างโลกของเกมให้ออกมามีชีวิตและ Watch Dogs 2 คืออีกบทพิสูจน์ว่าพวกเขาคือของจริง โดยต้นแบบเมืองในเกมภาคนี้มาจากกรุง San Francisco และภายในเกมยังมีการนำสถานที่สำคัญจาก San Francisco มาใส่ไว้อย่างจัดเต็มไม่ว่าจะเป็น Silicon Valley ไปจนถึงสะพาน Golden Gate ที่ถอดแบบมาเป๊ะๆ จะมีจุดบกพร่องนิดหน่อยตรงที่สถานที่สำคัญเหล่านี้ อยู่ในระยะที่ใกล้เกินความเป็นจริงไปสักนิด แต่ถึงจะว่าอย่างนั้นกรุง San Francisco ของ Watch Dogs 2 ก็ทำออกมาได้สมจริงที่สุดเท่าที่ผู้พัฒนาจะสามารถทำได้

4. Seattle จาก The Last of Us 2

image 631

ถึงตัวเกมจะเป็นการผจญภัยแบบเส้นตรง แต่ในช่วงการออกสำรวจเมือง Seattle The Last of Us 2 สามารถทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ตั้งแต่โครงสร้างของตัวเมืองที่คุ้นตา, สวนสาธารณะที่มีรายละเอียดตรงกับต้นฉบับ ไปจนถึงระยะทางระหว่างสถานที่ต่างๆ ที่ใกล้เคียงกับสถานที่จริงในเมือง Seattle เรียกได้ว่าถ้าพูดถึงความใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ Naughty Dog ไม่เป็นสองรองใคร

3. Tokyo จาก Persona 5

image 634

สำหรับคอเกมฝั่งญี่ปุ่นหรือแฟนๆ สายอนิเมะกรุง Tokyo คือหนึ่งในเมืองที่ถูกนำไปดัดแปลงในสื่อประเภทต่างๆ มากมายและ Persona 5 คือหนึ่งในนั้นโดย Persona ภาคนี้จะเป็นการนำกรุง Tokyo มาใส่ความเป็นอนิเมะอันจัดจ้านลงไป ทำให้ผลที่ได้คือกรุง Tokyo ที่เต็มไปด้วยสีสันฉูดฉาดเตะตาแต่ใช่ว่า Persona 5 จะมีดีแค่ใส่ความสวยงามลงไปเท่านั้น เพราะแผนที่ในเกมภาคนี้เป็นการถอดแบบกรุง Tokyo อย่างละเอียดที่พอเดินสำรวจจริงๆ ก็ให้อารมณ์เหมือนเราไปเที่ยวญี่ปุ่นดีๆ นี่เอง

2. Los Angeles จาก L.A. Noire

image 633

L.A. Noire เป็นเกมที่ชูโรงด้วยความสมจริงทั้งการใช้ Motion Capture เพื่อให้ตัวละครสามารถแสดงสีหน้าท่าทางได้อย่างชัดเจน แต่นอกจากเรื่องการแสดงสีหน้าที่ล้ำกว่าเกมอื่นๆ ในช่วงเวลานั้น L.A. Noire ยังมาพร้อมกับแผนที่ที่มีต้นแบบมาจากกรุง L.A. แถมทาง Rockstar ได้โฆษณาว่าพวกเขามีภาพถ่ายกลางอากาศจาก L.A. ในยุคหลังสงครามปี 1940 เป็นแหล่งอ้างอิงในการทำเกม และดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้พูดเล่นๆ เพราะแผนที่ภายใน L.A. Noire คือกรุง L.A. ในยุค 40 ที่ถูกชุบชีวิตกลับมาอีกครั้ง

1. Paris จาก Assassin’s Creed Unity

image 635

ถึงจะเป็นเกมที่เปิดตัวได้ย่อยยับจนน่าสงสารแต่ Assassin’s Creed Unity คือเกมที่มีแผนที่ตรงตามเมืองต้นฉบับมากที่สุด โดยเมืองที่ตั้งภายในเกมมีต้นแบบมาจากกรุง Paris ในยุคปฏิวัติฝรั่งเศสซึ่งทาง Ubisoft ทำการบ้านมาดีมากเพราะรายละเอียดต่างๆ ในกรุง Paris ของ Assassin’s Creed Unity ล้วนแล้วมีความเหมือนกับเมืองต้นแบบแทบจะ 100% รวมไปถึงสเกลของตัวเมืองทาง Ubisoft ก็ใจเด็ดขยายสเกลของแผนที่ให้ใหญ่อลังการตามต้นฉบับ และแม้ว่าการเล่นใหญ่ขนาดนี้จะทำให้ตัวเกมกินทรัพยากรหนักจนยากจะรับไหว มันก็คุ้มค่าพอเพราะแผนที่ใน Assassin’s Creed Unity นั้นสวยงามตระการตาจนชวนละลายเลยจริงๆ

ที่มา
gamerant
Back to top button