สกู๊ปพิเศษ

10 เกมชวนหัวร้อนจนต้องกำหมัด

เรื่องจริงเกมเมอร์ต้องเจอ ไม่ว่าจะเล่นคนเดียวหรือเล่นกับเพื่อน

หากพูดถึงอาการหัวร้อนหรืออาการหัวอุ่นๆ อันเป็นผลมาจากเล่นเกม ผมเชื่อว่าทุกท่านต้องเคยมีประสบพบเจอกันมาบ้างอย่างแน่นอน แต่ในทางกลับกันมันก็อาจจะดูแปลกสักนิด เพราะเหตุผลที่เรามาเล่นเกมก็เพื่อความสนุกไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงต้องโมโห อารมณ์กันด้วยล่ะ ผมว่าแต่ละคนคงมีคำตอบเป็นของตัวเองกันอยู่แล้ว (คำตอบน่าจะเป็น 10 ข้อ) แต่ปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการหัวร้อนนั้นก็มีหลากหลายประการ ทั้งสภาพแวดล้อม, ตัวบุคคล ไปจนถึงเกมที่เราเล่น และในวันนี้ผมก็ขอถือโอกาสรวบรวม 10 เกมชวนหัวร้อนจนต้องกำหมัดมาแนะนำให้ทุกคนได้ดูกัน ส่วนจะมีเกมอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลยดีกว่าครับ


*หมายเหตุ – บทความนี้ไม่ได้เป็นการจัดอันดับและจัดทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

1. ฺBattletoads

image 5495


เกมแรกที่เอามาเปิดหัวอาจจะดูเก่าไปสักนิด แต่ยังคงรักษามาตรฐานความยากและความหัวร้อนที่พร้อมจะมอบให้ผู้เล่นได้ถึงทุกวันนี้  Battletoads เป็นเกมจากทีมผุู้พัฒนาสุดโด่งดังในอดีตอย่างค่าย Rare (ค่ายนี้เคยโด่งดังมากๆ นะครับ) โดยตัวเกมจะเป็นแนวเดินตะลุยข้างหรือที่เรามักจะคุ้นตากันในชื่อของ Beat ‘Em Up (ผมไม่แน่ใจว่าในยุคนี้จะยังเหลืออยู่ไหม) มาถึงตรงนี้ผู้อ่านบางท่านอาจจะงงว่า “ อ้าว ก็ดูเป็นเกมปกติดีนิ มันจะทำให้เราหัวร้อนได้ยังไง “ ถ้างั้นผมขอเริ่มบรรยายสรรพคุณของเกมนี้ให้ได้รับรู้รับทราบกันก่อน

สำหรับ Battletoads ภาคต้นฉบับนั้นเป็นอีกหนึ่งเกมที่เรียกได้ว่ายากมากๆ ถ้าใครคิดว่าเกมตระกูล Souls Bourne หรือ Sekiro มันยากจนเล่นแทบไม่ไหวแล้วเกม Battletoads มันคือขั้นกว่าของความยากเหล่านั้น ตั้งแต่จำนวนชีวิตที่มีให้เราเพียงแค่3 ชีวิต บวกกับศัตรูที่กรูกันเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดินและฉากยากโหดหินในตำนานอย่าง Turbo Tunnel ที่จนถึงทุกวันนี้ยังมีผู้เล่นน้อยคนที่จะผ่านมันไปได้ ด้วยความยากของเกมที่เรียกได้ว่าโหดขั้นสุด ทำให้ผู้เล่นอย่างเราๆ  ต้องเกิดอาการหัวร้อนจากการตายซ้ำๆ นับครั้งไม่ถ้วนนั่นเอง


ฉาก Turbo Tunnel ในตำนาน

2. QWOP

image 5494

มากันต่อที่ QWOP อีกหนึ่งเกมที่อาจจะฟอร์มเล็กกว่าใครเพื่อน สำหรับ QWOP (ผมก็อ่านชื่อไม่ถูก) เป็นเกมที่เราสามารถเล่นบน Browser ของเราได้เลย ซึ่งเนื้อหาในตัวเกมก็ไม่มีอะไรซับซ้อนมากมาย แค่ให้เราสวมบทบาทเป็นนักวิ่งคนหนึ่งที่น่าจะมีปัญหากับการขยับร่างกายของตัวเองอยู่เล็กน้อย (จริงๆ ก็ไม่น้อยเลยแหละ) ที่ต้องให้ผู้เล่นมารับหน้าที่ในการบังคับพี่นักวิ่งคนนี้ให้วิ่งไปไกลมากที่สุดบนลู่วิ่ง (ฟังดูง่ายนะครับ แต่พอทำจริงนี่ยากสุดๆ)

และเกมจะจบลง ถ้าพี่นักวิ่งของเราหงายท้องหัวทิ่มพื้น หรือหงายท้องลงไปทำให้ Game Over และต้องมาเริ่มใหม่ (แค่คิดก็หัวอุ่นๆ แล้ว) โดยประเด็นหลักๆ ที่ทำให้เกมนี้มันชวนให้เรารู้สึกหงุดหงิดเนี่ยคงหนีไม่พ้นการบังคับตัวละครที่ทุกส่วนของร่างกายจะมีปุ่มแยกให้เรากด (อารมณ์คล้ายๆ การขยับมือใน Surgeon Simulator ครับ) บวกกับตัวเกมที่ไม่มีทั้งจุด Checkpoint หรืออะไรทั้งสิ้น ทำให้การทนเล่นเกมนี้แลดูจะเป็นการทรมานตัวเองเสียมากกว่า

ลองเล่น QWOP ได้ที่นี่  >>คลิก<<
 

3. Sonic 06

image 5485

สำหรับใครที่เป็นแฟนเกมซีรีส์ Sonic เจ้าเม่นสายฟ้าแล้วล่ะก็ ผมเชื่อว่าคุณต้องรู้จักเกม Sonic ภาคนี้อย่างแน่นอน อย่างที่ผู้อ่านหลายท่านคงจะทราบกันดีว่าเกม Sonic นั้นเดิมทีเป็นเกมแนว 2D Platformer หรือเกมเดินลุยฉากแบบมุมมองด้านข้าง แต่ด้วยสาเหตุบางประการ (ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นเพราะการแข่งขันกับ Nintendo) ทำให้ผู้พัฒนาเกม Sonic ตัดสินใจทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับเกมซี่รี่ส์นี้ พร้อมแหวกขนบของตัวเองออกจากความเป็น 2D Platformer และมาลุยในโลก 3D อย่างเต็มตัว แต่ถ้าพูดถึงผลลัพธ์ที่ออกมานั้นตัวเกมมันก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนักถ้าเทียบกับเกมคู่แข่งอย่าง Mario 64 ที่ยังเป็นเกมขึ้นหิ้งจนถึงทุกวันนี้ และสาเหตุที่ทำให้ผู้เล่นเกม Sonic 06 เกิดอาการหัวร้อนจนแทบจะปาจอยเนี่ยหลักๆ เลยก็คือความไม่สมประกอบของตัวเกมที่เต็มไปด้วยบัค, ข้อบกพร่องทางเทคนิคของเกมที่เยอะเป็นหางว่าว, การออกแบบฉากที่พอเล่นแล้วก็ไม่สนุก รวมไปถึงการทำ Boss Fight ที่แย่เข้าขั้นโคม่าเลยทีเดียว ทำให้แฟนเกม Sonic ที่ได้ลองสัมผัสเกมนี้พร้อมจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เกมนี้มันโคตรจะห่วยเลย

4. I wanna be the guy: Gaiden

image 5488

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเกมที่ทำขึ้นเพื่อสะกิดต่อมโมโหของผู้เล่นเลยก็ว่าได้ เพราะเกมนี้มันยากเสียจนทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า “ถ้าคนที่พัฒนาเกมนี้มาเล่นเอง จะจบได้ไหมเนี่ย “

โดย I wanna be the guy: Gaiden เป็นเกมแนว 2D Platformer ตะลุยฉากแบบเดินข้าง ให้กลิ่นอายคล้ายๆ Rockman ผสมกับ Contra มาถึงตรงนี้คุณผู้อ่านอาจจะคิดว่าเกมมันก็ดูไม่มีพิษมีภัยอะไรใช่ไหมล่ะครับ เพราะด้วยภาพเกมและรูปแบบการเล่นที่ดูเผินๆ มันก็ไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น แต่ขอบอกเลยว่าคุณคิดผิดแล้วล่ะ เพราะเอาเข้าจริงเกมนี้มันอยู่ในจุดที่คำว่า “ ยาก “ ก็ยังดูเบาเกินไป ด้วยองค์ประกอบฉากและอุปสรรคต่างๆ ภายในเกมที่พร้อมจะเขวี้ยงใส่ผู้เล่นอย่างไม่ปราณี ซึ่งผู้เล่นจะได้รับรู้ตั้งแต่ฉากเริ่มเกมที่ตัวละครของคุณจะสามารถโดนฆ่าได้ก่อนที่จะเริ่มเข้าฉากเสียอีก (คือทุกอย่างในเกมมันฆ่าเราได้หมดเลย) แถมพอเข้าฉากมาตัวเกมก็จะทวีความยากไปอีก ทั้งจำนวนศัตรู, กับดักที่มีอยู่เพียบ, ความยากในฉากที่ต้องกะการกระโดดอย่างแม่นยำ ไปจนถึง Checkpoint ที่มีอยู่น้อยนิดและเกมนี้มีปุ่ม Restart ฉากด้วย ถ้าเผลอมือลั่นละก็ ได้มีปาจอยกันแน่ๆ

5. Poly Bridge

image 5486

ผมเชื่อว่าบางคนอาจจะเคยเห็นเกมนี้ผ่านตากันมาบ้าง เพราะด้วยธรรมชาติของตัวเกมที่เป็นเกมแนวสร้างๆ มักจะเป็นเกมที่ดูสนุกมากกว่าเป็นผู้เล่นซะเอง (อันนี้อาจจะขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนด้วยนะครับ) โดยเกมที่ว่านั้นคือเกม Poly Bridge นั่นเอง

เกม Poly Bridge จะเป็นเกมแนวสร้างสะพานที่มีการใส่ระบบฟิสิกส์เฉพาะของตัวเกมลงไป ทำให้การสร้างสะพานในแต่ละครั้งต้องมีการคิดวางแผนการใช้โครงสร้างต่างๆ เป็นอย่างดีบวกกับการคำนวณงบประมาณในการสร้างแต่ละครั้งที่มีอยู่อย่างจำกัดให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ถึงแม้ตัวเกมจะดูเป็นเกมแนวสร้างธรรมดาๆ ที่ดูเหมือนไม่มีอะไรยาก แต่ช้าก่อน ผมได้เกริ่นไว้ก่อนหน้านี้แล้วใช่ไหมว่าเกมนี้มาพร้อมกับระบบ “ ฟิสิกส์เฉพาะของตัวเกม “ หรือจะให้พูดง่ายๆ เลยก็คือตรรกะบางอย่างที่ใช้บนโลกจริงได้เนี่ย มันเอามาใช้กับเกมนี้ไม่ได้นี่สิ! อาทิเช่น คานอันนี้ไว้ในตำแหน่งนี้ตามหลักฟิสิกส์มันควรจะรองรับน้ำหนักของรถได้ แต่ไม่เลย ไอ้คานที่เราเอามาค้ำสะพานมันเปราะพอๆ กับไม้จิ้มฟัน รวมถึงปัญหาอื่นๆ อีกมากที่เราต้องพบเจอในเกมนี้ ถ้าคุณไม่ได้เล่นเกมนี้แบบเอาฮาละก็ Poly Bridge ก็พร้อมที่จะทำให้คุณหัวร้อนได้อยู่เหมือนกันนะครับ

6. Flappy Bird

image 5487

มาต่อกันที่อันดับ 6 กับเกมมือถือที่เคยทำสถิติมียอดดาวน์โหลดถล่มทลายทั้งบน Apps Store และ Google Play Store ทั่วโลกมาแล้ว ซึ่งผมเชื่อว่าทุกคนต้องเคยลองเล่นเกมนี้มาแล้วอย่างแน่นอนเกมที่ว่านั้นก็คือ Flappy Bird นั่นเอง

Flappy Bird มีคอนเซ็ปต์เกมที่เข้าใจได้ง่าย (แต่เล่นไม่ง่าย) ด้วยการพาเจ้าตัวปลาเป็ดสีเหลืองบินลอดผ่านท่อมาริโอ้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และด้วยคอนเซ็ปต์ดังกล่าวก็ชวนให้ผู้เล่นนับล้านติดเกมนี้กันอย่างงอมแงมเพราะมันเข้าใจง่าย แถมยังมีการนำคะแนนสูงสุดมาอวดกันได้อีกต่างหาก แต่ถึงอย่างไรก็ตามพอมาเล่นจริงๆ แล้ว ผมเชื่อว่าต้องมีบางท่านรู้สึกหงุดหงิด Flappy Bird อย่างแน่นอน เพราะการบังคับตัวละครมันไม่ง่ายเลย เดี๋ยวก็ตก เดี๋ยวก็หัวโขกท่อ คือจะบอกว่าการควบคุมมันไม่สามารถให้เรากะน้ำหนักการขยับขึ้นลงของตัวละครได้เลย หากใครหวังจะเก็บคะแนนให้ลืมความคิดนั้นไปซะ

7. Cat Mario หรือ Mario Neko

image 5489

ถ้าจะให้พูดถึงเกมที่เล่นแล้วชวนหัวร้อนถึงขีดสุด ชื่อCat Mario หรือ Mario Neko ต้องติดเข้ามาโผจัดอันดับอย่างแน่นอน ผมว่าเกมนี้มีน้อยคนที่จะได้ลองเล่นจริงๆ (ส่วนใหญ่อาจจะเป็นสายดูซะมากกว่า) และทนเล่นเกมนี้จนจบ

สำหรับ Cat Mario เป็นเกมแนว 2D Platformer ที่ให้อารมณ์เหมือนกับเกมต้นแบบอย่าง Mario อย่างไม่มีผิดเพี้ยน แต่สิ่งหนึ่งที่แตกต่างจากเกม Mario อย่างสิ้นเชิงเลยก็คือความยากในระดับที่ยั่วโมโหผุู้เล่นอย่างเราๆ ได้ตั้งแต่ฉากแรกของเกม ซึ่งทุกอย่างในฉากสามารถฆ่าเราได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นก้อนเมฆประกอบฉาก, ท่อน้ำที่ไม่รู้ว่าจะมีอะไรโผล่ออกมาชนเรา, เห็ด หรือกับดักกล่องล่องหน ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดของเกมมารวมกัน มันก็กลายเป็นเกมหัวร้อนอย่างสมบูรณ์แบบที่ชวนให้เราอยากจะลบเกมทิ้งไปในทันที

8. Getting Over It

image 5490

มาต่อกันที่เกมที่หลายคนคุ้นเคยอย่าง Getting Over It หรือเกมปีนเขาด้วยค้อนนั่นเอง โดยช่วงที่เกม Getting Over It ออกมาวางจำหน่ายแรกๆ นั้นก็กลายเป็นที่นิยมในหมู่สตรีมเมอร์ทั้งในฝั่งบ้านเราและสตรีมเมอร์ต่างชาติ ด้วยตัวเกมที่มีคอนเซ็ปต์การเล่นที่เรียบง่าย ผู้ชมสามารถเข้าใจได้โดยไม่ต้องมีคำอธิบายอะไรมากมาย ทำให้การรับชมนั้นสนุกและเฮฮา แต่ในทางกลับกันหากคุณได้เปลี่ยนจากการเป็นผู้ชมมาเป็นผู้เล่น ประสบการณ์ที่คุณจะได้รับนั้นมันจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว เพราะเมื่อเราได้เข้ามาสัมผัสกับเกมเต็มๆ แล้วเนี่ย สิ่งหนึ่งที่คุณจะสามารถรับรู้ได้ทันทีเลยก็คือความน่ารำคาญในการบังคับตัวละครที่แสนจะยากเย็น แค่เพียงขยับให้ตัวละครของเราเดินไปข้างหน้าก็ยากแล้ว แถมพอเเล่นไปสักพัก จากที่เดินในทางราบเรียบก็เปลี่ยนมาเป็นการไต่เขาสุดชัน ถ้าเกิดพลาดตกลงไปก็ต้องมาเริ่มเดินใหม่อีก (ตัวเกมไม่มี Checkpoint ครับ) พูดได้เลยว่าเกมนี้เหมาะจะเป็นเกมที่ดูคนอื่นเล่นมากกว่าที่เรามานั่งเล่นเอง

9. Touhou Project (ซี่รี่ส์ Touhou ทั้งหมด)

image 5491


สำหรับในข้อนี้ผมขออนุญาตเหมารวมเกมทั้งซี่รี่ส์เลยจะดีกว่า เพราะทุกภาคแลดูจะยากจนปวดตับไปซะหมด (ยากจนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว) เกมในซีรีส์ Touhou จะเป็นเกมแนวยานยิงแบบ Old School มุมมองจากด้านบน แต่ตัวเกมซี่รี่ส์นี้มีความพิเศษอยู่อย่างหนึ่งก็คือความยากของเกมที่มาในนามของ Bullet Hell หรือเกมยานยิงที่มาพร้อมกับห่ากระสุนของศัตรูที่ถาโถมมาใส่ยานของเรานั้นเอง เรียกได้ว่าแค่ดูก็เวียนหัวแล้ว ถ้าลองเล่นจริงคงได้มีปวดหัวกันเป็นแน่ แถมตัวยานของเราก็แสนจะบอบบางตามสไตล์เกมยานยิงที่โดนกระสุนเพียงนัดเดียวก็โดนไปแล้วหนึ่งชีวิต และสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้กลายเป็นเกมชวนหัวร้อนก็คงไม่พ้นความยากที่มีอยู่อย่างเหลือล้น ชวนให้ผู้เล่นที่ไม่ใช่สาย Bullet Hell ต้องยอมแพ้ไปตามๆ กันเลยทีเดียว

10. Overcooked 2

image 5492


แหม่พูดถึงเกมชื่อนี้ผมว่าทุกคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดีนะครับสำหรับ Overcooked 2 เกมทำอาหารสุดป่วนจาก Team17 และ ณ ตอนนี้เกมก็ได้มีการพอร์ตลงแล้วหลายเครื่องตั้งแต่ PS4, Nintendo Switch, PC และ Xbox One บอกได้เลยว่าโอกาสที่คุณจะพลาดเกมนี้มีอยู่น้อยมากๆ และถ้าคุณกำลังสงสัยอยู่ว่า “อ้าว เกมนี้มันเป็นเกมครอบครัวไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นมีอะไรที่ชวนให้หัวร้อนเลยนิ“ ถ้าคุณคิดเช่นนั้นมันก็ถูกครับ ถ้าคุณเป็นสายเล่นขำๆ เล่นเฮฮากับครอบครัวหรือคนที่คุณรักมันก็คงไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าคุณลองเปลี่ยนจากเล่นกับครอบครัวหรือแฟนมาเป็นการเล่นกับเพื่อนดูล่ะ? ผมเชื่อว่าบรรยากาศการเล่นภายในเกมมันจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเลยทีเดียว เพราะโดยปกติแล้วเกมเมอร์หลายท่านที่ชอบเล่นเกมกับเพื่อนๆ คงจะเข้าใจกันดีกับการด่าว่ากันระหว่างเล่นนั้นเป็นเรื่องปกติ (ด่าแบบขำๆ) แต่การกระทำเหล่านั้นมันอาจจะกลายเป็นความจริงจังในภายหลังเอาได้ เพราะในตัวเกม Overcooked 2 นั้น เมื่อเราเล่นไปเรื่อยๆ เงื่อนไขในการผ่านจะยากขึ้น, คะแนนขั้นต่ำที่สูงขึ้น รวมไปถึงการแบ่งหน้าที่ที่มันจะวุ่นวายขึ้นไปอีก บอกได้เลยว่าต้องมีเดินชนกันในฉากจนน่าหงุดหงิดเลยก็ว่าได้ แถมบางฉากมันก็ทำให้ตัวละครของเราตกได้อีกต่างหาก ดีไม่ดีจากเกมเอาฮาน่ารักๆ อย่าง Overcooked 2 เล่นไปเล่นมาก็อาจจะหัวเสียไม่แพ้เกมสายแข่งขันอื่นๆ เลยได้

*ฺ Dota 2 (แถมๆ)

image 5493


ไหนๆ ก็พูดถึงเกมที่ชวนหัวร้อนแล้ว ผมจึงอยากนำเสนออีกหนึ่งเกมที่หลายท่านคงรู้จักกันดีกับ Dota 2 ที่พูดเลยว่าถ้าใครเคยลองหรือได้สัมผัสมาแล้วต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเกมนี้มันที่สุดแห่งความ Toxic จริงๆ แถมเซิฟเวอร์บ้านเรา (เซิฟเวอร์ SEA) ยังเป็นที่เลื่องลือในคอมมูนิตี้ของผู้เล่น Dota 2 อีกต่างหากว่าเป็นเซิฟเวอร์ที่ Toxic มากที่สุดที่หนึ่ง และมันก็สมคำร่ำลือจริงๆ ครับ มันจริงถึงขนาดที่ว่าถ้าคุณเล่นสัก 10 ตา คุณจะต้องได้เจอผู้เล่น Toxic, โยนเกม, แครี่ 4 ตัว หรืออะไรก็ตามที่มันชวนให้เราปวดหัวกับเกมอีกมากมายหลายประการ


ก็จบกันไปแล้วนะครับกับ 10 เกมชวนหัวร้อนจนต้องกำหมัด เป็นยังไงกันบ้าง มีเกมไหนบ้างที่คุณเล่นแล้วรู้สึกหัวอุ่นๆ ผมว่านะอาการหัวร้อนจากการเล่นเกมจริงๆ แล้วมันก็เป็นเรื่องที่อยู่เคียงคู่กับเกมเมอร์มาเป็นเวลานานแล้วนะ (ตั้งแต่ยุคเกม Arcade นู่นเลย ผมเชื่อว่าก็มี) เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่จะมีสักครั้งสองครั้งที่เราจะหัวเสียกับเกมที่เราเล่น สุดท้ายนี้ก่อนจะจากกันไปยังไงก็ฝากไว้สักนิดนึงว่าควรเล่นเกมให้พอดี หัวร้อนให้พอประมาณ จงเล่นเกม อย่าให้เกมเล่นเรานะครับ

ที่มา
archive.nerdist
Back to top button