[รีวิว] Star Ocean: The Divine Force

Star Ocean: The Divine Force เป็นเกม Action RPG ภาคใหม่ล่าสุดของซีรีส์ที่จะผสมผสานโลกแห่งแฟนตาซี – ไซไฟ พร้อมระบบการต่อสู้ที่มีเอกลักษณ์ผ่านตัวละครมากมาย ผู้เล่นจะสามารถควบคุมตัวละครได้ในแบบสามมิติ เหินฟ้าขึ้นที่สูงและพุ่งทะยานโจมตีศัตรูจากที่สูงได้แบบไร้รอยต่อ โดยจะเน้นย้ำความสำคัญด้านเกมเพลย์แอ็กชั่นมากกว่าเดิม

ในวันนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสเล่นเกม Star Ocean: The Divine Force มาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และก็ไม่พลาดที่จะนำรีวิวมาให้ได้อ่านกันครับ

อนึ่ง… การรีวิวนี้เกิดขึ้นบน PS5 ระหว่างวันที่ 2-5 พฤศจิกายน 2565 หากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้า ข้อสังเกตบางข้ออาจมีการแก้ไขเรียบร้อยแล้วก็เป็นได้

โลกกว้างที่สวยงาม ตระการตาไปด้วยธรรมชาติ และศัตรูที่หลากหลาย

ประเด็นแรกที่ผู้เขียนจะพูดถึงเกม Star Ocean: The Divine Force ก็คือกราฟิกภายในเกมทำออกมาได้สวยงามมาก ๆ บรรยากาศของเกมที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาได้อย่างละเอียดทั้งต้นไม้ใบหญ้า , ภูเขาหน้าผาต่าง ๆ , ท้องฟ้าที่เปลี่ยนไปตามกลางวันกลางคืน รวมไปถึงอาคารบ้านเรือนที่ทำออกมาได้สวยงามน่ามอง ทำให้การเดินท่องเที่ยวภายในเกมนี้ถือว่าคุ้มค่าแก่การใช้เวลาอยู่ไม่น้อย

นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถใช้ D.U.M.A ในการออกท่องเที่ยวโลกใบนี้ได้ด้วยการบินฝ่าอากาศขึ้นไปบนฟ้า แม้ว่า D.U.M.A นี้จะไม่ได้เปิดโอกาสให้เราบินได้ตลอดเวลา แต่การที่เราจะได้เห็นโลกจากบนฟ้าก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีไม่น้อย อีกทั้ง D.U.M.A ยังเปิดโอกาสให้เราได้สำรวจพื้นที่ที่อยู่สูงขึ้นไปมาก ๆ ทำให้การสำรวจโลกใบนี้ดูเป็น 3 มิติมากยิ่งขึ้น

นอกเหนือจากธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ภายในเกมนี้เราจะได้เจอกับศัตรูจำนวนมาก ซึ่งศัตรูแต่ละตัวก็จะมีความพิเศษแตกต่างกันไป บางตัวมีลักษณะเหมือนกับต้นไม้ , บางตัวเป็นแมลง , บางตัวเป็นซากศพ และอื่น ๆ อีกมากมาย และที่ผู้เขียนรู้สึกประทับใจมาก ๆ ก็คือมอนสเตอร์เหล่านี้ไม่ได้มีความแตกต่างแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น แต่มอนสเตอร์เหล่านี้ยังมีรูปแบบในการต่อสู้ที่แตกต่างกันออกไปด้วย ตัวอย่างเช่นมอนสเตอร์บางตัวจะโจมตีทางกายภาพใส่เราอย่างรุนแรงแค่ครั้งเดียว , บางตัวจะเน้นปล่อยคอมโบใส่เราแบบรัว ๆ  , บางตัวจะเป็นหน่วยสนับสนุนที่คอยร่ายเวทย์บาเรียป้องกันเพื่อนร่วมทีม , บางตัวจะใช้เวทมนตร์โจมตีเรา แถมศัตรูเวลาปรากฏตัวออกมาไม่ได้มาแค่ 2 – 3  ตัว แต่มาอย่างน้อยก็ 5 ตัวด้วยกัน แถมหลาย ๆ ครั้งยังมาเป็น 10 ตัว ทำให้ผู้เล่นจะต้องคอยระวังในการต่อสู้อยู่พอสมควร แต่ด้วยองค์ประกอบนี้เองก็ทำให้การต่อสู้ภายในเกมนี้สนุกสนานเป็นอย่างมาก

ผจญภัยแบบ Action RPG… ที่ดูแล้วเหมือน Strategy Action RPG เสียมากกว่า

สิ่งที่ต้องพูดเป็นประเด็นหลักสำหรับการรีวิวเกมนี้เลย เพราะว่าประเด็นนี้ถือได้ว่าเป็นทั้งจุดเด่นและจุดด้อยในเวลาเดียวกันไปอย่างน่าเสียดาย โดยเริ่มแรกทางเกม Star Ocean: The Divine Force ได้ประกาศว่าตนเองเป็นเกมประเภท Action RPG  ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อถูกระบุชัดเจนว่าเป็นเกมแอ็กชั่น สิ่งที่ทุกคนคาดหวัง (รวมไปถึงผู้เขียนด้วย) ก็คือการปลดปล่อยคอมโบอย่างต่อเนื่องแบบไม่มีอะไรมาขัดจังหวะ เพื่อความสะใจในการรัวนิ้วลงไปที่ปุ่มคอนโทรลเลอร์ ซึ่งเกมนี้ก็ทำออกมาได้ดี… แต่กลับไปไม่สุด เพราะถูกขัดจังหวะอย่างมากด้วยระบบ AP นั่นเอง

มาพูดถึงจุดเด่นกันก่อนดีกว่าครับ… Star Ocean: The Divine Force รองรับการต่อสู้ด้วยการปลดปล่อยคอมโบอยู่หลากหลายแบบ โดยปุ่มที่ใช้โจมตีจะมีทั้งหมด 3 ปุ่มด้วยกัน โดยแต่ละปุ่มสามารถโจมตีคอมโบต่อเนื่องได้มากถึง 3 ชุด (ไม่รวมกับการกดปุ่มค้าง) นั่นแปลว่าหากผู้เล่นสามารถกดปุ่มได้ทัน หรือวางแผนการโจมตีให้ดี ผู้เล่นสามารถโจมตีต่อเนื่องได้ถึง 9 ครั้งเลยทีเดียว (หรือถ้ากดได้อย่างต่อเนื่องจริง ๆ ก็สามารถทำได้ถึง 12 ครั้ง หรือมากกว่าด้วยซ้ำ)

ที่น่าสนใจไปมากกว่านั้นก็คือ ผู้เล่นสามารถปรับแต่งการจัดคอมโบของตนเองได้อย่างเต็มที่ โดยผู้เล่นสามารถเรียนรู้ท่าโจมตีต่าง ๆ ผ่านผังสกิลได้ (จะพูดถึงในหัวข้อต่อไป) และนำมาเรียบเรียงรูปแบบการโจมตีของตนเองได้ตามต้องการ อีกทั้งผู้เล่นยังสามารถใช้ D.U.M.A เพื่อพุ่งเข้าโจมตีศัตรูได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากอ่านทั้งหมดตรงนี้ดูแล้วบอกได้เลยว่าน่าสนใจมาก ๆ แต่ความจริงแล้ว เราไม่สามารถทำแบบนั้นได้จริง ๆ (อย่างน้อยก็ในช่วงต้น – ค่อนกลางเกม)

สาเหตุที่ทำให้ผู้เล่นไม่สามารถปลดปล่อยคอมโบได้สะใจตามที่ต้องการ ก็เพราะว่าเกมนี้มีระบบ Acton Point (AP) ที่คอยจำกัดจำนวนการโจมตีของผู้เล่น ซึ่งการโจมตีแต่ละครั้งผู้เล่นจะต้องใช้แต้ม AP แตกต่างกันออกไป (อาจจะ 1 – 2 แต้มต่อท่าโจมตี) นั่นแปลว่าหากผู้เล่นมีปริมาณ MAX AP อยู่ที่ 5 แต้ม ผู้เล่นจะทำคอมโบได้เพียง 3 – 5 ครั้งเท่านั้น จากนั้นสิ่งที่ผู้เล่นจะต้องทำก็คือ เดินวนไปรอบ ๆ เพื่อรอให้แต้ม AP ฟื้นฟู หรืออาจจะสลับตัวละครเข้าโจมตีก่อนชั่วคราวก็ได้ แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นเลยในเกมที่ขึ้นชื่อว่า Action RPG

และด้วยระบบ AP นี้เองทำให้การโจมตีของผู้เล่นถูกขัดจังหวะจนทำให้การต่อสู้ภายในเกมนี้น่าเบื่อไปพอสมควร เพราะแทนที่ผู้เล่นจะได้สนุกไปกับการโจมตีศัตรูให้ราบคาบ กลายเป็นว่าผู้เล่นจะต้องคอยคำนวณค่า AP อยู่ตลอดเวลาในการต่อสู้ ซึ่งแน่นอนว่าหากคำนวณผิดพลาด หรือหากกดผิดไปเพียงนิดเดียว ก็จะส่งผลต่อการโจมตีทันที และอาจจะส่งผลให้ตัวละครของผู้เล่นโดนโจมตีสวนกลับถึงตายได้เลยทีเดียว

ซึ่งหากจะให้ผู้เขียนสรุปสั้น ๆ เกี่ยวกับเกมเพลย์แอ็กชั่นภายในเกมนี้ ก็คงบอกได้คำเดียวเลยว่า “หน่วง” เป็นอย่างมาก และผู้เขียนแอบมองว่าเกมนี้ค่อนไปทาง Strategy Action RPG มากกว่าครับ

ระบบเพื่อนร่วมทีมที่ค่อนข้างมีประโยชน์ (มั้ง)

ทุกคนคงทราบอยู่แล้วว่าเกม Star Ocean: The Divine Force จะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นเลือกตัวละครเข้าทีมได้มากถึง 3 ตัวด้วยกัน นั่นจะประกอบไปด้วยตัวละครหลักของผู้เล่นและเพื่อนร่วมทีมอีก 2 คน ซึ่งผู้เล่นสามารถจัดทีมได้อย่างอิสระ ฟังดูแล้วก็เหมือนจะเป็นรูปแบบที่ดีที่จะทำให้ผู้เล่นสามารถเลือกใช้ตัวละครได้เหมาะสมตามสถานการณ์ ซึ่งแน่นอนว่าเกมนี้ก็ทำออกมาได้ดีในระดับหนึ่งแต่ก็มีข้อที่น่าสังเกตอยู่หลายส่วนเหมือนกัน

ภายในเกมนี้ผู้เล่นสามารถกำหนดได้ว่าจะให้ตัวละครภายในทีมอีก 2 ตัวที่เราไม่ได้ควบคุมนั้นเข้าต่อสู้แบบใด โดยจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ รวมหัวรุมยำศัตรูตัวเดียว , แยกกันตีกระจายความเสี่ยง และตัดสินใจเองไม่ว่ากัน ซึ่งแน่นอนว่า 3 รูปแบบนี้ก็จะมีประโยชน์แตกต่างกันออกไป โดยรูปแบบช่วยกันรุมนั้นตัวละครอีก 2 ตัวจะมาโจมตีศัตรูตัวเดียวกันกับตัวละครที่ผู้เล่นควบคุมอยู่ ซึ่งข้อดีก็คือศัตรูตัวนั้นจะตายไวมาก ๆ แต่ข้อเสียที่ผู้เล่นพบเจอเลยก็คือ “ไม่สามารถโจมตีคอมโบได้เลย” เพราะเมื่อทุกคนมารวมตัวตีศัตรูตัวเดียวกับผู้เล่นจะทำให้ศัตรูตัวนั้นค่อย ๆ ถอยไปทีละเล็กทีละน้อย หรือบางทีถึงขั้นกระเด็นไปเลยทีเดียว ทำให้การโจมตีต่อเนื่องของผู้เล่นนั้นไปไม่ถึงตัวศัตรูซะอย่างงั้น ในขณะที่การแยกกันโจมตีก็เป็นข้อดีคือ ศัตรูจะไม่มารุมโจมตีเราเพียงคนเดียว และเราสามารถโจมตีต่อเนื่องได้ แต่โอกาสที่ตัวละครอีก 2 ตัวจะตายนั้นสูงขึ้น เพราะพวกเขาจะวิ่งออกไปโจมตีศัตรูที่อยู่รอบ ๆ แทน ซึ่งจะมีโอกาสโดนรุมมากขึ้นด้วยเช่นกัน และในรูปแบบที่ 3 ก็คือตัดสินใจเอาเองนั้นเป็นรูปแบบที่ผู้เขียนไม่เลือกใช้เลย เพราะเมื่อใช้รูปแบบนี้จะทำให้ผู้เขียนเห็นตัวละครภายในทีมยืนงงอยู่บ่อยครั้ง เหมือนกับพวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องตัดสินใจทำอะไรดี

และสิ่งที่ผู้เขียนค่อนข้างขัดใจอยู่มากพอสมควรก็คือ ตัวละครภายในทีมที่เราไม่ได้ควบคุม ไม่ใช้ไอเทมในการช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมเลย ทำให้ผู้เล่นจะต้องคอยพะวงว่าเลือดของเพื่อนร่วมทีมอีก 2 คนจะหมดเมื่อไหร่ , พวกเขาตายไปหรือยัง , ต้องใช้ไอเทมเพิ่ม HP ให้พวกเขาหรือไม่ ซึ่งจุดนี้กลายเป็นจุดที่ทำให้ความสนุกในการโจมตีลดลงไปพอสมควร

อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากการปล่อยให้ตัวละครอีก 2 ตัวควบคุมโดย AI แล้ว ผู้เล่นยังสามารถเลือกสลับตัวละครในการควบคุมได้ด้วย โดยตัวละครแต่ละตัวจะมีปริมาณ AP ต่างกัน รวมไปถึงรูปแบบการต่อสู้ที่แตกต่างกันอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การสลับตัวละครนี้ก็ไม่ได้ส่งผลประโยชน์ใด ๆ ต่อการต่อสู้สักเท่าไหร่นัก ตัวอย่างเช่น เวลาที่เราเจอกับคู่ต่อสู้ที่แตกต่างกันทำให้ผู้เขียนมองว่าเราคงจะได้สลับเป็นตัวละครที่ใช้อาวุธระยะไกลเพื่อยิงศัตรูที่อยู่กลางอากาศ หรือโจมตีศัตรูที่ตัวโตกว่าเรา แต่ความเป็นจริงแล้วเราสามารถใช้ D.U.M.A เพื่อพุ่งเข้าโจมตีศัตรูที่ลอยอยู่กลางอากาศหรือตัวโตกว่าเราได้ในทันที ทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่า “เราจะสลับตัวละครไปทำไม ในเมื่อตัวละครของเราสามารถทำได้ทุกอย่าง” ทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่าระบบการสลับตัวละครนี้ไม่ได้มีประโยชน์มากเท่าไหร่นัก (ยกเว้นเวลาที่รอ AP ฟื้นฟู หรือต้องการกดใช้สกิลของบางตัวละครที่จำเป็นจริง ๆ)

ระบบผังสกิลที่จะทำให้ตัวละครของเราเติบโตอย่างเห็นได้ชัด

แม้ว่าบางระบบที่ผู้เขียนได้ระบุไว้ด้านบนนั้นอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบ 100% และมีข้อน่าสังเกตอยู่พอสมควร แต่ระบบที่ผู้เขียนรู้สึกประทับใจภายในเกมนี้ก็คือระบบผังสกิลนั่นเอง ซึ่งต้องบอกก่อนว่าระบบผังสกิลภายในเกมนี้ไม่ได้มีประโยชน์แค่ทำให้ผู้เล่นได้ใช้สกิลที่แปลก หรือรุนแรงไปมากกว่าเดิม แต่ผังสกิลนี้จะส่งผลต่อค่าสถานะพื้นฐาน รวมไปถึงการปรับแต่งตัวละครให้เหมาะสมกับสไตล์ที่ผู้เล่นต้องการ

ภายในผังสกิลนี้จะมีองค์ประกอบหลัก ๆ ให้ผู้เล่นได้อัปเกรดอยู่ 4 แบบด้วยกัน ได้แก่ ค่าสถานะพื้นฐานเมื่อผู้เล่นปลดล็อคผังสกิลรูปแบบนี้แล้ว จะทำให้ตัวละครมีค่าสถานะพื้นฐานสูงขึ้นตามที่ผังสกิลในช่องนั้นระบุ , รูปแบบการโจมตี เมื่อไหร่ที่ผู้เล่นปลดล็อคสกิลช่องนี้ได้ผู้เล่นจะได้รับท่าโจมตีใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปใช้ปรับแต่งการโจมตีของผู้เล่นได้ , Passive Skill สำหรับผังสกิลช่องนี้เมื่อปลดล็อคแล้วจะทำให้ผู้เล่นสามารถสวมใส่สกิลติดตัวที่มีประโยชน์ในการต่อสู้ได้ และสุดท้ายก็คือค่าสถานะพิเศษ ซึ่งแต้มพิเศษนี้จะเพิ่มความสามารถพิเศษของตัวละคร เช่น การป้องกันธาตุที่แพ้ทาง หรือเพิ่มอัตราการป้องกันสถานะที่ผิดปกติเป็นต้น

ผู้เล่นจะสามารถอัปเกรดผังสกิลได้ด้วยแต้มที่ได้จากการเพิ่มเลเวลให้กับตัวละคร โดยแต่ละช่องก็จะใช้แต้มไม่เท่ากัน และรูปแบบของผังสกิลของแต่ละตัวละครก็จะไม่เหมือนกันด้วย แถมผังสกิลนี้ก็ไม่ได้มีการบังคับเส้นทางว่าผู้เล่นจะต้องเลือกอัปเกรดไปเส้นทางใดเส้นทางหนึ่ง ผู้เล่นสามารถอัปเกรดได้อย่างอิสระ นั่นแปลว่าผู้เล่นสามารถปั้นตัวละครในรูปแบบที่ต้องการได้โดยไม่ต้องกังวล และด้วยสาเหตุนี้เองทำให้ผู้เขียนประทับใจเป็นอย่างมาก

สรุปรีวิว

โดยสรุปแล้ว Star Ocean: The Divine Force เป็นเกมที่เล่นได้สนุกเกมหนึ่ง แม้ว่าจะมีข้อสังเกตอยู่พอสมควร ซึ่งเกมนี้อาจจะไม่เหมาะกับผู้เล่นที่ชื่นชอบเกม Action RPG แต่ถ้ามองว่าเป็นเกม RPG เกมหนึ่งก็จะทำให้เกมนี้น่าสนใจขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง เพราะเราจะไม่ถูกผูกมัดด้วยคำว่า “การโจมตีคอมโบต่อเนื่อง” นั่นเอง เพราะโดยเนื้อเรื่องแล้วก็เรียกได้ว่าเป็นเกมที่มีเรื่องราวย่อยง่าย กราฟิกสวยงามพอสมควร ทำให้ผู้เล่นเข้าถึงเกมนี้ได้ไม่ยากครับ

ส่วนตัวผู้เขียนขออนุญาตให้คะแนนเกมนี้ที่ 7.5 เต็ม 10 ครับ ผู้เขียนขอย้ำว่า รีวิวนี้ รวมถึงคะแนนนี้เป็นมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น แฟนเกมคนอื่น ๆ อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันก็ได้ครับ

จุดเด่น

• เนื้อเรื่องที่ย่อยง่าย ทำให้เข้าถึงได้ไม่ยาก
• โลกที่ถูกออกแบบมาได้สวยงาม
• มอนสเตอร์ที่หลากหลาย ที่ไม่ได้แตกต่างแค่รูปลักษณ์ภายนอก
• ระบบผังสกิลที่เปิดกว้าง
• การสลับตัวละครระหว่างต่อสู้ได้
• ระบบเพื่อนร่วมทีมที่ช่วยเหลือในการต่อสู้ได้ดี

ข้อสังเกต

• ระบบแต้ม AP ที่ทำให้การปล่อยคอมโบติดขัดไปบ้าง
• AI เพื่อนร่วมทีมไม่ใช้ไอเทมช่วยเหลือเท่าไหร่

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Bandai Namco Entertainment Asia ที่เอื้อเฟื้อเกมดีๆ เกมมันส์ๆ มาให้พวกเราได้รีวิวกันในครั้งนี้ด้วยนะครับ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…

ภาพ Screenshots เพิ่มเติม