นอกเหนือจาก Game Pass แล้ว อีกหนึ่งบริการบุฟเฟต์เกมที่มีการเปิดให้ใช้งานบนอุปกรณ์หลากหลายไม่แพ้กันก็คือ Apple Arcade จากเจ้าพ่อไอทีในสหรัฐอเมริกานั่นเอง ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบ 5 ปีแล้ว และทางผู้พัฒนาที่เป็นพาร์ตเนอร์ร่วมกันก็มีการอัปเดตคอนเทนต์ใหม่ๆ รวมไปถึงเปิดตัวเกมคุณภาพยอดเยี่ยมกันต่อเนื่องไม่แผ่ว อย่างไรก็ตามล่าสุดกลับมีรายงานชวนใจหวิวขึ้นมาอย่างนั้น
Apple Arcade กับอนาคตที่คล้ายจะเลือนลาง
มีการเปิดเผยจากผู้พัฒนาที่ไม่ประสงค์ออกนามซึ่งได้ให้สัมภาษณ์กับ Mobile Gamer ในช่วงสุดสัปดา์ที่ผ่านมาว่า ณ ตอนนี้พวกเขารู้สึกว่าบริการนี้ใกล้จะถึงช่วงเวลาที่เรียกว่า ‘เป็นจุดจบ’ และอาจจะต้องรีบู๊ตกันในเร็วๆ นี้เนื่องจากรายได้ที่ไม่คุ้มทุนและความยุ่งยากในการทำงานร่วมกันกับ Apple เอง นอกจากนี้ยังมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างออกมาด้วยว่าแม้กระทั่งทีมงานฝ่าย Arcade ของบริษัทดังกล่าวก็ยังไม่เข้าใจคอนเซปต์ของเกมเสียด้วยซ้ำ
หนึ่งในทีมพัฒนาเกมรู้สึกเสียดายโอกาสที่บริการนี้ควรจะเติบโตเพราะว่าเกมหลายเกมได้ถูกแก้ไขคอนเทนต์ให้ตรงกับข้อกำหนด และเมื่อไม่สามารถหาทางออกได้ก็กลับกลายเป็นว่าต้องยกเลิกการพัฒนาโดยสิ้นเชิง โดยเหตุผลใหญ่ๆ ก็คือมีการระบุว่า Apple เลือกจะให้การสนับสนุนการพัฒนาเกมสำหรับเด็กมากกว่า และท้ายที่สุดหากเกมมีจำนวนน้อยลงและไม่มีผลงานที่สร้างสรรค์ด้วยไอเดียครีเอทีฟมากพอ การเดินทางบนเส้นทางสายเกมนี้อาจจะจบลงในที่สุด
แต่กระนั้นแล้วพวกเขายืนยันว่า Apple เป็นผู้ให้เงินทุนที่จ่ายเงินหนักจริงๆ และถึงอย่างไรถ้าหากมีโอกาสได้พัฒนาเกมแล้ว พวกเขาก็ได้ทำเกมมือถือในประสบการณ์พรีเมียมตามที่ต้องการ เพียงแค่ไกด์ไลน์การทำเกมนั้นดูจะไม่ถูกใจเท่าไรนัก กลับกันฝั่ง Netflix เราจะพบว่ามีการดีลกับผู้พัฒนาเพื่อทำเกมที่มีความหลากหลายและยอมเสี่ยงกับผลงานที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เช่น Grand Theft Auto ชุดรีมาสเตอร์ และ Samurai Shodown
ก่อนหน้านี้เคยมีสัญญาณเกี่ยวกับ ‘ความไม่ชอบมาพากล’ ของบริการนี้กันมาแล้วเมื่อ Apple ตัดสินใจเพิ่มเกมหมวด Plus เข้ามา ซึ่งเกมเหล่านี้จะเป็นเกมที่เคยวางจำหน่ายหรือให้บริการแล้วบน App Store ของฝั่งมือถือเช่น Stardew Valley สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าทาง Apple ย่อมรู้ดีถึงจุดบกพร่องเรื่องความหลากหลายของคลังเกมอยู่แล้ว แต่ถึงกระนั้นพวกเราก็คงต้องให้กำลังใจต่อไป ส่วนเพื่อนๆ ล่ะครับคิดว่าบริการนี้ควรเพิ่มความหลากหลายหรือมีวิธีแก้สถานการณ์อย่างไรลองมาแลกเปลี่ยนดู
สำหรับบริการเปิดตัวครั้งแรกในปี 2019 ในฐานะบริการสมาชิกสำหรับเล่นเกมโดยอุปกรณ์ iOS, macOS และ Apple TV โดยมีจุดเด่นที่นำเสนอเกมประสบการณ์พรีเมียมโดยที่ไม่มีการขายสินค้ายิบย่อยภายในเกมแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังสามารถเล่นผ่านระบบออฟไลน์ได้ด้วย ปัจจุบันสามารถเข้าใช้งานได้ผ่านการสมัครบริการแยก หรือเป็นบริการส่วนหนึ่งของ Apple One ก็ได้ เริ่มต้นที่ 149 บาทต่อเดือน
