5 จุดน่าสนใจจากการเล่น Octopath Traveler 0 เวอร์ชั่น Prologue

สำหรับแฟนเกม JRPG ที่กำลังมองหาผลงานคุณภาพสูงที่น่าติดตาม ข่าวดีคือ ในตอนนี้ Octopath Traveler 0 เวอร์ชั่น Prologue ได้เปิดให้เล่นแล้ว บอกได้เลยว่าเกมนี้มาพร้อมกับคุณภาพแบบจัดเต็ม ซึ่งผู้เขียนที่ได้ทดลองเล่นมาก็บอกได้เลยว่า 3 ชั่วโมงในเดโมยังไม่เพียงพอ ซึ่งเกมนี้มีอะไรเด่น มีอะไรน่าสนใจ เราได้รวบรวมข้อมูลนี้ในช่วงทดลองเล่น Demo มาให้ทุกคนได้อ่านกันแล้ววันนี้

ได้มีโอกาสสร้างตัวละครของตัวเองจริง ๆ

หนึ่งในสิ่งที่ทำให้ผู้เขียนประทับใจมากเป็นพิเศษ คือการเปิดเกมที่แตกต่างจากสองภาคก่อนหน้าชนิดที่เรียกว่าพลิกโฉมไปเลย เพราะในภาคนี้ผู้เล่นจะได้ สร้างตัวละครของตัวเองตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะเป็นทรงผม สีผม สีตา ไปจนถึงการเลือกคลาสและความสามารถพื้นฐาน ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยให้แต่ละคนออกแบบ “ฮีโร่ในแบบของตัวเอง” ได้อย่างอิสระ

ความเปลี่ยนแปลงนี้แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจากภาคก่อน ๆ ที่ผู้เล่นต้องรับบทเป็นตัวละครหลักที่ถูกกำหนดมาแล้ว การได้เป็นคนสร้างตัวละครด้วยมือของตัวเองตั้งแต่ศูนย์ ทำให้ผู้เล่นรู้สึกเชื่อมโยงกับการเดินทางมากขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเกมยิ่งให้ความรู้สึกเหมือนเป็นการผจญภัยของ “เรา” ไม่ใช่เพียงการตามติดเรื่องราวของตัวละครใดตัวละครหนึ่งอีกต่อไป ซึ่งการเริ่มต้นที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นใส่ตัวตนลงไปแบบนี้ จึงกลายเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่ทำให้ภาคนี้โดดเด่น และสร้างประสบการณ์ที่ทรงพลังกับผู้เล่นมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ระบบการต่อสู้ที่ยังคงดุเดือดและสนุกไม่เสื่อมคลาย

แม้ว่าระบบการต่อสู้ในภาคนี้จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากภาคก่อนมากนัก แต่ความ “คงเดิม” นี้กลับกลายเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เกมโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง เพราะแฟน ๆ ต่างทราบดีว่าระบบต่อสู้ของซีรีส์นี้เข้มข้นและมันส์เกินห้ามใจ ไม่ว่าจะเป็นการกดใช้สกิลอย่างต่อเนื่อง การบริหารค่า BP เพื่อบูสต์ศักยภาพของตัวละคร หรือแม้แต่การอ่านจุดอ่อนของศัตรูเพื่อตอบโต้ให้ได้เปรียบ ทุกองค์ประกอบถูกผสมผสานกันอย่างลงตัว

ความรู้สึกตอนเข้าฉากต่อสู้ยังคงเดือดและลุ้นระทึกเหมือนเดิม เล่นกี่ครั้งก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อ เพราะทุกการต่อสู้มอบความท้าทายและจังหวะเร้าใจที่ทำให้ผู้เล่นอยากสู้ต่อไปเรื่อย ๆ ระบบที่แข็งแรงแบบนี้คือเหตุผลที่ทำให้ภาคใหม่ยังคงรักษาความสนุกไว้ได้แบบไม่มีตกแม้แต่น้อย

โดยจุดที่ทำให้เกมนี้โดดเด่นขึ้นก็คือระบบทาง Ultimate ที่ตัวละครหลักของผู้เล่นจะสามารถใช้ได้เพียงตัวเดียว ซึ่งสกิลดังกล่าวนั้นผู้เล่นจะต้องทำการสะสมเกจ และเมื่อเกจเต็มจึงจะสามารถใช้งานได้ โดยสกิลนี้ก็ต้องบอกว่ามีประสิทธิภาพที่จะช่วยพลิกเกมได้เลยทีเดียว

เนื้อเรื่องที่เริ่มต้นด้วยความเข้มข้น ที่จะทำให้ผู้เล่นวางจอยไม่ลง!

เนื้อเรื่องของเกมนี้ถือว่าเปิดตัวได้อย่างทรงพลัง ตั้งแต่ช่วงแรกผู้เล่นจะได้สัมผัสบรรยากาศที่สดใส เหมือนการผจญภัยกำลังจะเริ่มต้นอย่างเบิกบาน แต่เพียงชั่วอึดใจเดียว เรื่องราวกลับพลิกผันเข้าสู่โศกนาฏกรรมที่ทำเอาช็อกแบบตั้งตัวไม่ทัน ความเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันนี้สร้างแรงกระแทกทางอารมณ์ได้ดีมาก จนทำให้อยากติดตามว่าเหตุการณ์ต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร

ไม่นานหลังจากนั้น ตัวเกมก็เริ่มพาผู้เล่นเดินหน้าไปสู่การฟื้นฟูหมู่บ้านและสร้างความหวังครั้งใหม่ ผ่านการเล่าเรื่องที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยรายละเอียด ทั้งเควสหลักและเควสย่อยต่าง ๆ ถูกเขียนอย่างตั้งใจ ทำให้ทุกเหตุการณ์มีความหมาย และช่วยเติมเต็มโลกของเกมให้มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น

สำหรับใครที่ชอบเกมเนื้อเรื่องแน่น ๆ และให้ความสำคัญกับการเล่าเรื่องที่ดึงอารมณ์ เกมนี้คือหนึ่งในผลงานที่ควรให้ความสนใจอย่างจริงจัง เพราะมันสามารถพาผู้เล่นอินไปกับทุกจังหวะของเรื่องราวได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

รายละเอียดให้ได้สำรวจโลกอย่างอิสระจำนวนมาก

หนึ่งในองค์ประกอบที่ผู้เขียนยังรู้สึกประทับใจอยู่เสมอของเกมซีรีส์นี้ก็คือ “อิสระในการออกสำรวจ” ที่เกมนี้นำเสนอได้อย่างมีเสน่ห์ ผู้เล่นสามารถออกเดินทางไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ตามใจอยาก (แม้ว่าในบางพื้นที่จะโดนจำกัดด้วยเลเวล หรือเนื้อเรื่องก็ตาม) และความน่าสนใจยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะระบบปฏิสัมพันธ์กับ NPC ผ่านระบบ Path Action ก็ทำให้โลกของเกมมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น ผู้เล่นสามารถเลือกวิธีเข้าหาแต่ละคนได้อย่างแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นการท้าต่อสู้เพื่อชิงของรางวัล ลองซื้อของจาก NPC ที่ไม่ใช่พ่อค้า หรือแม้แต่เรียนรู้สกิลใหม่ ๆ ผ่านการต่อสู้กับตัวละครสำคัญในแต่ละพื้นที่ก็ทำได้ทั้งนั้น ยิ่งเราเลือกปฏิสัมพันธ์กับ NPC ที่มีเลเวลสูงมากเท่าไหร่ โอกาสได้ไอเทมหรือสกิลดี ๆ ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทำให้ทุกการตัดสินใจรู้สึกมีความหมายและน่าตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา

ด้วยระบบทั้งหมดนี้ ผู้เล่นจึงมีอิสระอย่างเต็มอารมณ์ จะออกสำรวจไปเรื่อย ๆ ก่อนทำเควสหลัก รีบตามหาเพื่อนร่วมทีมใหม่ หรือดำเนินเรื่องราวตามจังหวะที่ตัวเองต้องการก็ได้ เรียกได้ว่าเกมมอบพื้นที่ให้เรา “กำหนดจังหวะการผจญภัยของตัวเอง” ได้อย่างงดงาม และเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้เขียนตกหลุมรักการเดินทางในโลกใบนี้แม้จะเป็นเพียงเกม Demo ก็ตาม

ระบบฟื้นฟูหมู่บ้าน Wishvale ที่ทำให้รู้สึกผูกพันกับโลกเกมมากขึ้น

อีกหนึ่งระบบที่ผู้เขียนรู้สึกโดดเด่นที่สุด และประทับใจเป็นพิเศษจากการทดลองเล่นในครั้งนี้ก็คือระบบ “ฟื้นฟูหมู่บ้าน” ที่เปรียบเสมือนหัวใจสำคัญของประสบการณ์ในเกมนี้ โดยตั้งแต่เริ่มต้นผู้เล่นจะได้พบกับหมู่บ้านที่ถูกทำลายยับเยิน และหน้าที่ของเราคือการค่อย ๆ ฟื้นฟูทุกอย่างให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ความรู้สึกตอนแรกที่ได้เดินสำรวจซากปรักหักพัง แล้วเห็นมันค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปตามการเล่น เป็นความรู้สึกที่ชวนให้ผูกพันและอยากกลับมาเล่นต่อครั้งแล้วครั้งเล่า

การฟื้นฟูหมู่บ้านไม่ได้เป็นแค่ระบบเสริม แต่เป็นกิจกรรมที่ให้ผู้เล่นออกแบบ “หมู่บ้านของตัวเอง” ได้เต็มที่ ผ่านการทำเควสของหมู่บ้านที่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นตามจังหวะของเกม ยิ่งทำเควสมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งปลดล็อคสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ ๆ รวมถึงสิ่งปลูกสร้างหลากหลายประเภทที่ช่วยให้หมู่บ้านขยายตัวและมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น ความรู้สึกภูมิใจตอนเห็นหมู่บ้านเริ่มมีร้านค้า มีผู้คน และมีโครงสร้างใหม่ ๆ เกิดขึ้น เพราะความพยายามของเราเองนั้น เป็นเสน่ห์ที่ทำให้ระบบนี้น่าจดจำอย่างยิ่ง

แม้จะเป็นเพียงเวอร์ชั่นทดลอง ผู้เขียนก็ยังรู้สึกประทับใจกับระบบนี้อย่างมาก เพราะมันทำให้เห็น “ความคืบหน้า” ของการเล่นอย่างชัดเจน ทุกภารกิจที่ทำสำเร็จไม่ใช่แค่ค่าสเตตัสหรือไอเทม แต่สะท้อนกลับมาในรูปแบบของหมู่บ้านที่เติบโตขึ้นจริง เป็นระบบที่ทั้งให้แรงจูงใจและเติมเต็มประสบการณ์ผจญภัยในแบบที่เกมอื่นไม่ค่อยมี ทำให้ผู้เขียนอยากกลับเข้ามาเล่นเกมนี้เรื่อย ๆ เลยทีเดียว

---

Octopath Traveler 0 เกม JRPG แบบเทิร์นเบสภาคใหม่ล่าสุด ที่คราวนี้เราจะได้สวมบทเป็นตัวเอกที่สร้างขึ้นเองเป็นครั้งแรกในซีรีส์ พร้อมทั้งได้ออกเดินทางเพื่อฟื้นฟูบ้านเกิดที่ถูกทำลายไปอย่างย่อยยับ เกมเปิดโอกาสให้เราได้มีปฏิสัมพันธ์กับตัวละครต่าง ๆ ในหลากหลายรูปแบบ ใช้ระบบต่อสู้ Break and Boost อันเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์ในการพลิกสถานการณ์ในสนามรบ และออกเดินทางในเส้นทางที่เราเป็นคนเลือกเองทั้งหมด ตัวเกมมีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 4 ธันวาคม 2025 บน Switch, Switch 2, PS4, PS5, Xbox Series X และ PC