เทคโนโลยี VR ได้กลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้ง่ายขึ้นมากทีเดียวครับหลังจากการมาถึงของ Meta Quest ที่ให้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้อย่างง่ายดายด้วยราคาที่เป็นมิตรพร้อมกับสมรรถนะที่แรงพอจะรันเกมคุณภาพสูงได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ โดยตอนนี้เองก็พัฒนามาจนถึงรุ่นที่สามที่สามารถให้ภาพจากกล้องรูปแบบสี กลายเป็นสื่อกลางระหว่างโลกความจริงกับโลกเสมือนได้แล้วด้วย ซึ่งแน่นอนว่าทำให้ค่ายเกมหลายค่ายได้ให้ความสนใจกับการทำซอฟต์แวร์มารองรับ
หนึ่งในนั้นก็คือ Ubisoft ที่เปิดตัวเกมใหม่อย่าง Assassin’s Creed Nexus สำหรับ Meta Quest 2 เมื่อไม่นานมานี้ อย่างไรก็ตามในช่วงตอบคำถามนักลงทุนสัมพันธ์ของการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ผ่านมา Yves Guillemot ผู้บริหารของค่ายได้ยืนยันว่าพวกเขารู้สึกผิดหวังกับเสียงตอบรับของเกมหลังจากที่ยอดจำหน่ายนั้นไม่ไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ แม้จะอยู่ในระดับที่พอรับได้และยังเห็นยอดที่เพิ่มขึ้น ทว่าก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด ดังนั้นจึงจำเป็นต้องงดแผนที่จะอัดฉีดเงินสำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับ VR ไม่ว่าจะเป็น Apple Vision Pro หรือ Meta Quest 3 ที่อยู่ในตลาด
เรียกได้ว่าค่อนข้างน่าเสียดายทีเดียวที่เกมไม่สามารถทำยอดจำหน่ายได้ในระดับที่พึงพอใจได้ทั้งที่การเข้าถึงสื่อรูปแบบความจริงเสมือนจะง่ายขึ้นและไม่ใช้เงินมากเหมือนเมื่อก่อน อย่างไรก็ตามเราก็ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยี VR นั้นยังไม่สามารถเข้าสู่กระแสหลักได้ด้วยพื้นที่ให้บริการจริงค่อนข้างแคบ และผู้พัฒนาด้านวิดีโอเกมบางเจ้าก็เลือกที่จะยุติการสนับสนุนสินค้า VR สำหรับผู้บริโภคระดับครัวเรือนแล้วทั้ง Microsoft และ Nintendo ในส่วนของ Windows Mixed Reality และ Labo VR
Assassin’s Creed Nexus VR รองรับการเล่นบนอุปกรณ์ Meta Quest 2 และ Pro ขึ้นไป เป็นประสบการณ์ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่ออุปกรณ์ VR โดยเฉพาะ ซึ่งจะบอกเล่าเรื่องราวของตัวละครจากแต่ละยุคสมัยคือ Ezio, Connor และ Kassandra พร้อมแผนที่ขนาดใหญ่และอาวุธสำหรับการลอบเร้นให้เลือกสรรมากมาย จะเป็นการแฝงตัวกับชาวเมือง การวิ่งปีนป่ายอาคารเพื่อรอจู่โจม แก้พัสเซิล และยังมีระบบการแบทเทิลที่สมจริง ต้องปัดป้อง และใช้อาวุธตามสถานการณ์
