Google เปิดตัว Pixel 9 Series สมาร์ทโฟนเรือธงเน้น Ai กับตัวเลือก 4 รุ่น

Google เปิดตัว Pixel 9 พร้อมกัน 4 รุ่น คือ Pixel 9, Pixel 9 Pro, Pixel 9 Pro XL และ Pixel 9 Pro Fold ซึ่งเป็นการกลับมาอีกครั้งของรุ่น XL โดยตุดเด่นของ Google Pixel 9 Series นั้นคือ ทุกรุ่นมาพร้อมกับขุมพลัง Google Tensor G4 และรองรับการใช้งาน AI ทุกรุ่น ผ่าน Gemini ทำงานบนระบบปฏิบัติการณ์ Android 14 ตั้งแต่แกะกล่อง และรองรับการอัพเดทยาวนาน 7 ปี

Pixel 9

Pixel 9 ถือเป็นรุ่นเริ่มต้นในซีรี่ส์ ที่มาพร้อมกับหน้าจอ Actua OLED ขนาด 6.3″ ความละเอียด 1080 x 2424px รีเฟรชเรต 120Hz กับความสว่างหน้าจอสูงสุด 2,700 nits รองรับคอนเทนต์ HDR เท่ากับว่ามีความสว่างหน้าจอที่สูงจาก Pixel 8 มากถึง 35% ครอบทับด้วยกระจกหน้าจอ Corning® Gorilla® Glass Victus® 2 และฝาหลังผิวด้านกระจกแบบ Corning® Gorilla® Glass Victus® 2 ตัดกับขอบเครื่องอลูมิเนียมผิวด้าน กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68 แถมมีความทนทานที่สูงกว่า Pixel 8 ถึง 2เท่า พร้อมแรมภายใน 12GB กับตัวเลือกเนื้อที่ภายใน 128GB และ 256GB กับแบตเตอรี่ความจุ 4,700 mAh สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า Pixel 8 มากถึง 20% รองรับการชาร์จไวทั้งแบบสายและไร้สาย

พร้อมกล้องเลนส์หลัก 50MP f/1.68 และอัลตร้าไวด์ 48MP f/1.7 มีออโต้โฟกัสรองรับการถ่ายระยะมาโคร สามารถซูมดิจิตอลได้ไกลสุด 8เท่า และถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K60fps ส่วนกล้องหน้ามาพร้อมกับกล้องความละเอียด 10MP f/2.2

Pixel 9 Pro

Pixel 9 Pro ถือเป็นครั้งแรกที่มาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 2 ขนาด คือ 6.3″ Super Actua LTPO ความละเอียด 1280 x 2856px รีเฟรชเรต 120Hz กับความสว่างหน้าสุงสุด 3,000 nits รองรับคอนเทนต์ HDR และ 6.8″ Super Actua LTPO ความละเอียด 1344 x 2992px รีเฟรชเรต 120Hz ความสว่างหน้าสุงสุด 3,000 nits รองรับคอนเทนต์ HDR ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่มีความสว่างหน้าจอสูงสุดที่สุด ครอบทับด้วยกระจกหน้าจอ Corning® Gorilla® Glass Victus® 2 และกระจกฝาหลังแบบด้าน Corning® Gorilla® Glass Victus® 2 พร้อมขอบเครื่องอลูมิเนียมขัดเงา เพิ่มความพรีเมี่ยมให้กับรุ่น Pro พร้อมกันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68

พร้อมแรมภายใน 16GB และตัวเลือกเนื้อที่ภายใน 128GB, 256GB, 512GB และ 1TB กับแบตเตอรี่ภายในรุ่น Pixel 9 Pro ขนาด 4,700 mAh และ Pixel 9 Pro XL ขนาด 5,060 mAh รองรับการชาร์จไวแบบสายและไร้สายกำลังไฟสูงสุด 37W

ส่วนกล้องของ Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL เลือกใช้กล้องเซนเซอร์เดียวกันทั้งหมดไม่มีการแปลกแยก ด้วยกล้องหลังเลนส์หลัก 50MP f/1.68 กล้องอัลตร้าไวด์ 48MP f/1.7 มีระบบออโต้โฟกัสรองรับการถ่ายระยะมาโคร และกล้องซูมเทเลระยะ 5เท่า ความละเอียด 48MP f/2.8 สามารถซูมดิจิตอลได้ไกลสูงสุด 30เท่า ซึ่งอาจมองว่าไม่ค่อยแตกต่างจาก Pixel 8 Pro สักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่อัพเกรดแบบชัดเจนคือกล้องหน้าของ Pixel 9 Pro และ Pixel 9Pro XL ที่เลือกใช้กล้องความละเอียด 48MP f/2.2 ใหม่ ที่คมชัดกว่า และมีมุมมองที่กว่าเดิม

Pixel 9 Pro Fold

และรุ่นสุดท้ายคือ Pixel 9 Pro Fold สมาร์ทโฟนจอพับรุ่นที่ 2 จากทาง Google ที่รอบนี้มาพร้อมกับขนาดหน้าจอด้านหน้าเท่ากับ Pixel 9 กับขนาดหน้าจอ 6.3″ Actua OLED ความละเอียด 1080 x 2424px รีเฟรชเรต 120Hz ความสว่างหน้าจอสงสุด 2,700 nits รองรับคอนเทนต์ HDR ครอบทับด้วยกระจกหน้าจอ Corning® Gorilla® Glass Victus® 2 และเมื่อกางออกมาจะพบกับหน้าจอของสมาร์ทโฟนจอพับที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ขนาด 8″ Super Actua ความละเอียด 2076 x 2152px รีเฟรชเรต 120Hz ความสว่างหน้าจอสูงสุด 2,700 nits กับตัวเครื่องที่รองรับมาตรฐานกันน้ำ IPx8 กับแรมภายใน 16GB เนื้อที่ภายใน 256GB และ 512GB แบตเตอรี่ความจุ 4,650 mAh รองรับการชาร์จไว และรองรับชาร์จไร้สาย

ส่วนกล้องของ Pixel 9 Pro Fold อาจจะยังไม่ใช่เซนเซอร์แบบเดียวกับ Pixel 9 Series รุ่นอื่นๆ แต่เหมือนเป็นการอัพเกรดยิบย่อยจาก Pixel Fold รุ่นแรกของเลนส์อัลตร้าไวด์และเลนส์ซูมเป็นหลัก โดยกล้องเลนส์หลักยังใช้กล้องตัวเดิมความละเอียด 48MP f/1.7 และกล้องอัลตร้าไวด์ 10.5MP f/2.2 มีระบบออโต้โฟกัสรองรับการถ่ายมาโคร และกล้องซูมเทเลระยะ 5 เท่า ความละเอียด 10.8MP f/3.1 รองรับการซูมดิจิตอลไกลสุด 20เท่า ส่วนกล้องหน้าทั้งด้านนนอกและด้านในมาพร้อมกับกล้องความละเอียด 10MP f/2.2 เท่ากันในการใช้งาน

โดยจุดเด่นของ Pixel 9 Series ทั้งหมดคือเน้นการทำงานด้าน AI แบบตลอดเวลาทั้งการใช้งานด้านภาพ เสียง และข้อความ ที่รวดเร็ว รวมไปถึงครั้งแรกกับการสนทนากับ AI ตลอดเวลาผ่าน Gemini Live ที่เราสามารถถามตอบผานการสนทนาได้แบบต่อเนื่องไร้รอบต่อ ซึ่งบริการนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Gemini Advanced ที่ผู้ใช้งาน Pixel 9 Pro, Pixel 9 Pro XL และ Pixel 9 Pro Fold สามารถทดลองใช้งานฟรี 1 ปี

นอกจากนี้เราสามารถสร้างสรรค์รูปภาพ สร้างรูปของตัวเองได้แบบง่ายๆ ผ่าน Pixel Studio ที่สามารถกรอกข้อความและสร้างรูปได้ตามต้องการผ่านคีย์เวิร์ดที่เราใส่ โดยการประมวลผลนี้เป็นการประมวลผลร่วมกันระหว่างชิป Tensor G4 และคลาวน์ร่วมกัน เพื่อการทำงานที่รวดเร็วและต่อเนื่อง

นอกจากนี้ Google ยังมีการนำ AI มาเพื่อใช้ในการถ่ายภาพและถ่ายวิดีโอที่สวยงามากขึ้น ผ่านฟีเจอร์ใหม่ทั้ง Add Me เพิ่มตัวเองลงในภาพต่างๆ ได้แบบง่ายดาย หรือการถ่ายพาโนราม่าที่คมชัดมากกว่าที่เคย ทั้งช่วงแสงดีและแสงน้อย และการถ่ายวิด๊โอแบบ Night Sight ที่ประมวลผลได้ไวขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 2เท่า พร้อมการซูมถ่ายวิดีโอแบบ Super Res Zoom ได้ไกลสุดถึง 2เท่า สำหรับ Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL

Pixel 9 จำหน่ายในราคาเริ่มต้น $799 ประมาณ 28,00 บาท

Pixel 9 Pro จำหน่ายในราคาเริ่มต้น $999 ประมาณ 35,000 บาท

Pixel 9 Pro XL จำหน่ายในราคาเริ่มต้น $1,099 ประมาณ 38,500 บาท

Pixel 9 Pro Fold จำหน่ายในราคาเริ่มต้น $1,799 ประมาณ 63,000 บาท