Google ออกมาโพสต์ย้ำเตือนผู้ใช้งานถึงกลไกการลบรูปภาพและวิดีโอ ซึ่งมักจะสร้างความสับสนอยู่บ่อยครั้ง โดยชี้แจงว่าผลลัพธ์ของการลบจะเปลี่ยนไปตามอุปกรณ์ที่คุณใช้และการตั้งค่าการสำรองข้อมูล (Backup) ในขณะนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เผลอลบรูปสำคัญทิ้งไปโดยไม่ตั้งใจ
ในกรณีที่ปิดการสำรองข้อมูล แล้วสั่งลบรูปผ่านแอป Google Photos ระบบจะถือว่าคุณต้องการลบไฟล์ออกจากเครื่องเท่านั้น แต่ข้อควรระวังคือไฟล์นั้นจะหายไปทันที ยกเว้นสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ๆ (เช่น Android 11 ขึ้นไป) ที่มีระบบ ถังขยะในตัวเครื่อง (Local Trash) ซึ่งจะช่วยเก็บรักษาไฟล์ไว้อีกระยะหนึ่งก่อนจะลบถาวร
แต่ถ้าเปิดการสำรองข้อมูล ไว้ การกดปุ่มถังขยะในแอป Google Photos จะเปรียบเสมือนคำสั่งลบทุกที่คือไฟล์จะหายไปทั้งจาก หน่วยความจำในเครื่อง และ พื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ พร้อมกันทันที ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่มักจะพลาดกันมากที่สุดเพราะคิดว่าลบแล้วไฟล์ในเครื่องจะยังอยู่นั่นเอง
Google ยังระบุถึงวิธีที่คนส่วนใหญ่ลืมนึกถึง นั่นคือการเลือกเมนูลบออกจากอุปกรณ์ (Delete from device) ซึ่งจะซ่อนอยู่ในเมนูเพิ่มเติม วิธีนี้เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับคนที่ต้องการประหยัดพื้นที่ในมือถือ เพราะมันจะลบเฉพาะไฟล์ในเครื่องทิ้งไป แต่ยังคงเก็บไฟล์ต้นฉบับที่สำรองไว้บนคลาวด์ไว้อย่างปลอดภัย
อีกจุดที่น่าสนใจคือการลบผ่าน เว็บไซต์ (photos.google.com) การลบในรูปแบบนี้จะส่งผลโดยตรงต่อไฟล์บนคลาวด์เท่านั้น ไฟล์ที่อยู่ในมือถือของคุณจะยังคงอยู่เหมือนเดิม จนกว่าคุณจะไปสั่งลบในมือถือด้วยตัวเองอีกรอบ แต่อย่าลืมว่าถ้าคุณเปิดการซิงค์ไว้ รูปที่ลบจากเว็บอาจจะหายไปจากมุมมองคลังรูปภาพในแอปมือถือด้วย แม้ตัวไฟล์จริงยังนอนอยู่ในเครื่องก็ตาม
ปิดท้ายด้วยคำเตือนเรื่องการกู้คืนข้อมูล Google ย้ำว่าเครื่องมืออย่าง Google Takeout มีไว้เพื่อส่งออกข้อมูลไปเก็บไว้ที่อื่นเท่านั้น ไม่สามารถ นำมาใช้กู้คืนรูปที่ถูกลบออกจากถังขยะไปแล้วได้ ดังนั้นก่อนจะกดลบทุกครั้ง ควรตรวจสอบสถานะการสำรองข้อมูลให้ดี เพื่อให้มั่นใจว่าความทรงจำของคุณจะไม่หายไปไหน
