ข่าวร้าย Apple Vision Pro ยังไม่รองรับเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่แบบ VR ในตอนนี้
ข่าวดีบางเว็บรองรับแล้วและจะตามมาอีกมากในอนาคต
![ข่าวร้าย Apple Vision Pro ยังไม่รองรับเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่แบบ VR ในตอนนี้ 1 apple vision pro vr porn main](https://i0.wp.com/thisisgamethailand.com/wp-content/uploads/2024/02/apple-vision-pro-vr-porn-main.jpeg?fit=1200%2C630&ssl=1)
สำหรับใครที่กำลังคิดว่าการมาถึงของ Apple Vision Pro จะมอบประสบการณ์ทำงานได้แบบรอบด้านครบทุกขอบเขตการทำงานอาจจะคิดผิดไป และหนึ่งในสิ่งที่ผู้ใช้งานบางส่วนที่อาจจะยังไม่ได้เป็นเจ้าของหรือเป็นแล้วสงสัยคงหนีไม่พ้น การรับชมเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ ที่เราคงไม่ต้องเจาะลึกว่ามันคือเนื้อหาอะไร เรื่องนี้ต้องบอกว่าตัวอุปกรณ์ทำได้แต่มีข้อจำกัดบางอย่างอยู่ในตอนนี้
การรับชมเนื้อหาผู้ใหญ่ในตอนนี้ผู้ที่เป็นเจ้าของ Apple Vision Pro สามารถที่จะรับชมได้แล้วในรูปแบบทั่วไป อย่างไรก็ตามสำหรับใครที่จะนำไปใช้งานรับชมในรูปแบบเนื้อหาที่ผลิตมาสำหรับ VR โดยเฉพาะอาจจะต้องรอกันอีกสักหน่อย เนื่องจากปัจจุบันยังไม่รองรับการทำงานแบบเต็มรูปแบบ เรื่องนี้ได้รับการยืนยันจาก Alex Novak ผู้ที่เป็นซีอีโอของ Sex Like Real แพลตฟอร์มสำหรับผลิตเนื้อหาผู้ใหญ่โดยเฉพาะ
![ข่าวร้าย Apple Vision Pro ยังไม่รองรับเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่แบบ VR ในตอนนี้ 2 apple vision pro vr porn 1](https://i0.wp.com/thisisgamethailand.com/wp-content/uploads/2024/02/apple-vision-pro-vr-porn-1.jpg?resize=650%2C366&ssl=1)
เขาได้อธิบายว่าในตอนนี้ผู้ที่ใช้งานอุปกรณ์จะยังไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากข้อจำกัดของเบราว์เซอร์ Safari ที่ไม่สามารถใช้งาน WebXR เป็นตัวกลางในการแสดงผลได้ จึงนำมาสู่ปัญหาที่ไม่สามารถดำเนินการเปิดประสบการณ์รับชมแบบ VR ได้ แต่ … ใครที่เป็นกังวลว่าแล้วในอนาคตจะรับชมได้หรือไม่คำตอบคือ … มีโอกาส
หลังมีผู้ไปพบว่าเราสามารถเปิดใช้งานการแสดงผลของ WebXR ในเบราว์เซอร์ได้ และทาง Novak เองดูเหมือนจะพึ่งรับทราบและบอกว่าแม้จะเปิดใช้งานได้ในตอนนี้ แต่ตัวเล่นสื่อยังคงไม่ทำงานแต่ทางแพลตฟอร์ม Sex Like Real จะพัฒนาเนื้อหาและปรับปรุงให้รองรับได้ในอนาคต
แน่นอนว่าผู้ใช้งานที่รับชมเนื้อหาประเภทนี้อาจคุ้นชื่อกับ Sex Like Real มากที่สุดแต่ตอนนี้ Apple Vision Pro สามารถที่จะใช้งานร่วมกับเว็บเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่แบบ VR ได้แล้วในบางเว็บไซต์เช่นกัน ฉะนั้นคงได้แต่รอทีมพัฒนาของแต่ละเว็บไซต์ปรับตัวให้เหมาะสมน่าจะเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุด ดีกว่าการให้ Apple เปิดใช้งานเป็นค่าตั้งต้นให้แทน