สกู๊ปพิเศษ

10 อันดับเกมที่ใช้ทุนสร้างมากที่สุด

มาไล่ดูกันชัดๆ ว่าเกมไหนใช้ทุนสร้างอลังการมากแค่ไหน

การพัฒนาจะเกมระดับ Triple A แน่นอนว่ามันจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก เพราะด้วยขั้นตอนการพัฒนาเกมยุคปัจจุบัน มีความซับซ้อนหลายขั้นตอนมากกว่าเกมสมัยก่อนอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบงานศิลป์, การประพันธ์เพลง, การจ้างนักแสดง, Motion Capture และอื่นๆ อีกมากมาย และด้วยความซับซ้อนที่มากขนาดนี้ ย่อมมาพร้อมจำนวนเงินในการพัฒนาที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเก่า ตัวอย่างเช่น Grand Theft Auto V เกม Open World ขวัญใจมหาชนจากทาง Rockstar ที่ใช้ทุนในการพัฒนาร่วมหลาย 100 ล้าน USD เป็นต้น โดยในวันนี้เรามาไล่ดูไปพร้อมกันเลยดีกว่า ว่าเกมที่ใช้งบในการพัฒนามากที่สุดจะมีเกมอะไรบ้าง และแต่ละเกมต้องใช้เงินเป็นจำนวนเท่าไหร่กัน

10. Shadow Of The Tomb Raider

75 ล้าน USD+ (2,343,000,000 บาท)

image 791

Shadow Of The Tomb Raider คือเกมภาคสุดท้ายของไตรภาค Tomb Raider ฉบับรีบูทและมันยังเป็นเกม Tomb Raider ที่ใช้ทุนสร้างมากที่สุดในซีรี่ส์ อ้างอิงบทสัมภาษณ์จากเว็บไซต์ gamesindustry.biz หัวเรือใหญ่ของ Eidos Montreal อย่าง David Anfossi ได้เปิดเผยว่าพวกเขาตั้งงบในการพัฒนาเกมภาคนี้ที่ประมาณ 75 – 100 ล้าน USD และอีก 35 ล้าน USD ใช้ในการโปรโมทและการโฆษณา Shadow Of The Tomb Raider อาจไม่ใช่เกมภาคที่ประสบความสำเร็จที่สุด แต่ตัวเกมก็สามารถทำยอดขายได้เป็นที่น่าพึงพอใจ

9. Metal Gear Solid V: The Phantom Pain

80 ล้าน USD+ (2,500,000,000 บาท)

image 789

ในตอนนี้เราอาจพูดได้ว่า Metal Gear Solid V: The Phantom Pain น่าจะเป็นเกม Metal Gear ภาคสุดท้ายของ Hideo Kojima เพราะนับตั้งแต่ที่เขามีข่าวแตกหักจนต้องแยกทางกับ Konami ในปี 2015 Kojima ดูไม่มีท่าทีจะกลับมาสานต่อซีรี่ส์นี้แต่อย่างใด ส่วนในด้านทุนสร้างของเกมภาคนี้ทาง Eurogamer ได้เผยว่าทีมผู้พัฒนาได้ทุ่มทุนไปกว่า 80 ล้าน USD หรือ 2,500,000,000 บาทในด้านโปรดักชั่น แต่ถึงกระนั้นหากนำอัปเดตต่างๆ ของตัวเกมมารวมกัน ทางทีมผู้พัฒนาอาจใช้ทุนในการสร้างเกมภาคนี้สูงถึง 100 ล้าน USD หรือ 3,124,850,000 บาท

8. Defiance

80 ล้าน USD+ (2,500,000,000 บาท)

image 790

Defiance คือเกม MMO มุมมองแบบ Third Person ที่ออกวางจำหน่ายให้กับ Xbox 360, PS3 และ PC ในปี 2013 และแม้ว่าตัวเกมจะมีเสียงตอบรับในระดับกลางๆ แต่ Defiance ยังสามารถสร้างฐานแฟนได้พอประมาณ และมีอายุยืนยาวกว่า 8 ปีก่อนที่จะปิดตัวลงในช่วงต้นปี 2021 Defiance ไม่ได้มีการระบุงบพัฒนาชัดเจน แต่ถ้าอ้างอิงจากรายงานของ Forbes Defiance ใช้งบในการพัฒนามากถึง 80 ล้าน USD หรือ 2,500,000,000 บาท แต่มันก็มีความเป็นไปได้ว่าทีมผู้พัฒนา ได้ทุ่มเงินในจำนวนที่มากกว่านี้ เพราะในเวลาต่อมา Defiance ได้มีการออกเกมเวอร์ชั่นอัปเกรตที่ลงให้กับ PS4 และ Xbox One

7. Battlefield 4

100 ล้าน USD+ (3,124,850,000 บาท)

image 788

ซีรี่ส์ Battlefield เปรียบเสมือนยักษ์ใหญ่ประจำวงการเกม FPS ที่อยู่เคียงข้างซีรี่ส์ Call Of Duty มาอย่างยาวนาน และแน่นอนว่าความยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ย่อมมาพร้อมทุนพัฒนาที่ใหญ่ยิ่งเช่นกัน อ้างอิงจาก Richard Hilleman อดีตหัวหน้าฝ่ายสร้างสรรค์ของ EA ได้เผยว่าเกมภาค 4 ของซีรี่ส์ Battlefield มีงบในการพัฒนาที่สูงถึง 100 ล้าน USD (3,124,850,000 บาท) ทำให้ในปัจจุบัน Battlefield 4 คือเกม Battlefield ที่มีทุนสร้างมากที่สุดเป็นอันดับ 1 แต่น่าเสียดายที่พวกเขาต้องพ่ายแพ้ให้กับ Call of Duty: Ghosts ในด้านยอดขายที่เกมคู่แข่งสามารถทำได้มากกว่า

6. Max Payne 3

105 ล้าน USD+ (3,280,147,500 บาท)

image 784

ขึ้นชื่อว่า Rockstar พวกเขาย่อมเล่นใหญ่เสมอ พิสูจน์ได้จากงานที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น Red Dead Redemption และซีรี่ส์ GTA ที่ล้วนเป็นเกมทุนหนาพร้อมความอลังการแบบจัดเต็ม แต่ใช่ว่าพวกเขาจะมีดีเพียงแค่นั้นเพราะทาง Rockstar ยังมีเกมคุณภาพเยี่ยมอยู่ในมืออีกมากมาย หนึ่งในนั้นคือ Max Payne 3 เกมภาคสุดท้ายของซีรี่ส์และเป็นเกม Max Payne ภาคที่ใช้งบในการพัฒนามากที่สุด ซึ่งจากการประมาณการ Max Payne 3 มีงบในการพัฒนาทั้งสิ้นที่ 105 ล้าน USD หรือ 3,280,147,500 บาท

5. Grand Theft Auto V

137 ล้าน USD+ (4,288,374,000 บาท)

image 783

Grand Theft Auto V ถือเป็นเกม GTA ที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดหากเทียบกับเกมภาค 4 ด้วยภาพกราฟิกที่คมชัดสมจริง, ความใหญ่ของแผนที่ที่กว้างกว่าภาคไหนๆ และเกมการเล่นแบบใหม่ ที่เปิดโอกาสให้เราสามารถสับเปลี่ยนตัวละครได้ถึง 3 ตัว ด้วยความอลังการแบบนี้แน่นอนว่างบในการพัฒนาย่อมสูงเป็นเงาตามตัว Grand Theft Auto V มีงบในการพัฒนา (ช่วงแรก) ทั้งสิ้นที่ 137 ล้าน USD (4,288,374,000 บาท) แต่ในปัจจุบันหลังจากการมาถึงของ GTA Online และ GTA V ของเครื่องคอนโซลเจนใหม่ Rockstar น่าจะถลุงเงินไปกับเกมภาคนี้เกิน 137 ล้าน USD ไปแล้วแน่นอน (แค่พี่แกพอร์ตลงครบทุกเจนก็เสียไปเยอะแล้ว)

4. Read Dead Redemption 2 

170 ล้าน USD+ (5,318,620,000 บาท)

image 789

แม้ว่าซีรี่ส์ Red Dead Redemption จะมีจำนวนภาคไม่เท่ากับ GTA แต่คุณภาพโดยรวมของไม่ว่าจะเป็นในด้านเนื้อเรื่องหรือเกมเพลย์ ก็ไม่น้อยหน้าเกมจากค่ายเดียวกันแม้แต่นิด Red Dead Redemption 2 สามารถทำยอดขายได้เทียบเท่ากับ Grand Theft Auto V แต่ปัจจัยที่ทำให้ Red Dead Redemption 2 ต้องใช้งบในการพัฒนามากกว่า GTA V คือรายละเอียดยิบย่อยต่างๆ ที่ทางผู้พัฒนาใส่ไว้ในเกมอย่างหนาแน่น ทำให้การพัฒนาเกมภาคนี้ต้องใช้ทุนมากถึง 170 – 240 ล้าน USD แถมถ้านำงบโฆษณามารวมกัน Rockstar น่าจะทุ่มเงินไปกว่า 500 ล้าน USD (15,638,000,000 บาท) แล้วก็เป็นได้

3. Cyberpunk 2077

174 ล้าน USD (5,444,460,000 บาท)

image 786

หลังจากการพัฒนากว่า 8 ปีบวกกับการดีเลย์อีกหลายครั้งจนแฟนๆ ต้องเกือบลืมในที่สุด CD Projekt Red ก็ได้ปล่อยผลงานล่าสุดของพวกเขาอย่าง Cyberpunk 2077 เกมที่ Hype มากที่สุดในประวัติศาสตร์วงการวิดีโอเกม และมันยังเป็นเกมที่พังที่สุดในปี 2020 ด้วยปัญหาทางเทคนิคสารพัดอย่างเกินจะนับไหว แต่ถึงกระนั้น Cyberpunk 2077 ถือเป็นเกมที่อลังการมากที่สุดของ CD Projekt Red ด้วยงบในการพัฒนาที่สูงถึง 174 ล้าน USD (5,444,460,000 บาท) แถมทางทีมงานยังทุ่มเงินกว่า 316 ล้าน USD (9,890,800,000 บาท) เพื่อการโฆษณาเกมนี้โดยเฉพาะ (เอาจริงๆ ถ้าไม่จ้างป๋า Keanu คงใช้งบน้อยกว่านี้)

2. Star Wars: The Old Republic

200 ล้าน USD (6,258,000,000.00 บาท)

image 787

แม้เวลาจะผ่านมาร่วม 10 ปีแต่ Star Wars: The Old Republic ยังคงได้รับการอัปเดตอยู่เรื่อยๆ โดยสาเหตุหลักที่ทาง EA ยังไม่ทิ้งเกมนี้ไปอาจเป็นเพราะเกมนี้ เป็นหนึ่งในเกมที่ทาง EA ทุ่มทุนในการพัฒนามากที่สุด ซึ่งถ้าตีเป็นจำนวนเงินแบบชัดๆ Star Wars: The Old Republic มีงบในการพัฒนาทั้งสิ้นที่ 200 ล้าน USD (6,258,000,000.00 บาท) แต่มันถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพราะจวบจนปัจจุบัน Star Wars: The Old Republic สามารถสร้างรายได้ให้กับ EA ได้หลายพันล้าน USD แล้วในตอนนี้

1. Star Citizen

376 ล้าน USD+ (ประมาณ 12,306,519,649 บาท)
* ข้อมูล ณ วันที่ 12 ก.ค. 2564

image 785

Star Citizen เป็นเพียงไม่กี่เกมที่ได้รับการสนับสนุนจากการระดมทุนที่มีจำนวนมากขนาดนี้ โดยทีมผู้พัฒนาของเกมอย่าง Cloud Imperium Games สามารถระดมทุนได้เป็นจำนวนเงินที่สูงเกินกว่า 300 ล้าน USD (9,393,000,000 บาท) ทำให้ในเวลาต่อมาทางทีมงาน ต้องขยายสเกลของเกมให้ใหญ่ขึ้นตามจำนวนเงินจากผู้สนับสนุน แต่ถึงกระนั้นทางทีมผู้พัฒนาต้องพบกับปัญหาใหญ่ เนื่องจากในตอนนี้พวกเขาใช้งบการในพัฒนาตัวเกมไปแล้วมากกว่า  376 ล้าน USD และมีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาจำเป็นต้องเพิ่มจำนวนเงินมากขึ้นอีกในอนาคต ด้วยเหตุนี้ทำให้ Star Citizen เป็นเกมที่น่าเป็นห่วงที่สุดในตอนนี้ (คือเริ่มพัฒนาตั้งแต่ 2011 แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีวันวางขายอย่างเป็นทางการเลย)

Via
gamerant
ที่มา
robertsspaceindustries
Back to top button