สัมภาษณ์พิเศษผู้พัฒนา SYNDUALITY: Echo of Ada ในงาน ThGS 2023
เกม TPS หุ่นรบที่มาพร้อมระบบ AI ที่ล้ำลึกจนน่าตะลึง!
SYNDUALITY: Echo of Ada จะเป็นเกม TPS ที่หลายคนอาจจะคุ้นตาจากการได้รับชมอนิเมะมาบ้าง โดยเกมนี้มีให้ทดลองเล่นในงาน Thailand Game Show 2023 ด้วย และในโอกาสนี้คุณ Yosuke Futami โปรดิวเซอร์เกมดังกล่าวก็ได้มาเข้าร่วมงานนี้ด้วย
และในโอกาสนี้ทางทีมงาน This is Game Thailand ได้รับโอกาสพิเศษในการเข้าสัมภาษณ์คุณ Yosuke Futami มาให้ทุกคนได้ติดตามกันด้วย ซึ่งผู้เขียนบอกได้เลยว่าหากใครเล่นเกมในงานแล้วยังรู้สึกไม่อิ่มเอม มันมีสาเหตุบางอย่างอยู่ที่จะทำให้คุณต้องเล่นเกมตัวเต็มให้ได้
เริ่มต้นสำหรับคำถามที่หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยพอสมควรก็คือ “ถ้าจะเล่นเกม SYNDUALITY: Echo of Ada ให้รู้เรื่อง ต้องดูอนิเมะมาก่อนหรือไม่” ซึ่งคำตอบจากปากของทางผู้พัฒนาเกมก็คือ “ไม่จำเป็น” เพราะเรื่องราวของอนิเมะ กับเกมเป็นคนละช่วงเวลากันเลย อีกทั้งเนื้อเรื่องภายในเกมก็เป็นเนื้อเรื่องที่เริ่มและจบภายในตัวของมันเอง ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับสื่ออื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นอนิเมะ มังงะ หรือไลท์โนเวลก็ตาม ฉะนั้นสบายใจได้ครับ
แต่ถ้าใครสงสัยว่า “แล้วเนื้อเรื่องของสื่ออื่นที่ไม่ใช่เกมมันไม่สำคัญเหรอ?” ทางผู้พัฒนาก็บอกว่าสำคัญเหมือนกัน แต่แค่มันไม่ได้เชื่อมโยงกันมากขนาดนั้น แต่ถ้ารู้เรื่องมาก่อนก็อาจจะทำให้เข้าใจองค์ประกอบบางอย่างมากขึ้นบ้าง รวมไปถึงอาจจะเก็ตกับ Easter Egg บางอย่างที่มีในนี้ แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนว่าต้องไปศึกษามาทั้งหมดถึงจะเล่นเกมนี้ได้แต่อย่างใด
เมื่อพูดถึงจุดเด่นของเกมนี้ ทางคุณ Yosuke Futami ได้ระบุว่าจุดเด่นที่อยากให้ทุกคนได้สัมผัสก็คือ คอนเซปต์ที่ว่า “คนและ AI ร่วมมือกันทำอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยกัน” ทำให้เกมนี้จะมุ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่นกับ Magus ในการออกผจญภัยเก็บทรัพยากร และติดตามเรื่องราวมากมายที่จะเกิดขึ้น
และถ้าหากผู้อ่านคนใดเคยได้เล่นเกม หรือเทรลเลอร์มาแล้ว ก็จะพบว่าเกมนี้มีการใช้กราฟิกผสมผสานทั้งแบบ 2D และ 3D ซึ่งค่อนข้างสร้างความประหลาดใจให้ใครหลายคนพอสมควร โดยทางผู้พัฒนาได้ระบุว่าเขาตั้งใจให้เป็นแบบนั้น โดยเขาได้ระบุว่าเราจะได้ใช้ตัวละคร Ada รวบรวมข้อมูลไปเรื่อย ๆ (ตามเรื่องราวภายในเกม) โดยเราจะได้รวบรวมข้อมูล Log ที่มีเมืองที่พังทลายไปแล้ว ซึ่งจะมีทั้งข้อมูลที่เสียหายและสมบูรณ์แบบ ซึ่งข้อมูลที่ยังคงเก็บไว้อย่างดีจะถูกนำเสนอออกมาเป็น 3D ในขณะที่ข้อมูลที่พังไปบ้างแล้ว AI กู้ข้อมูลคืนมา เลยกลายเป็นกราฟิกแบบ 2D แต่ยังไม่จบแค่นั้น! เพราะภายในเกมนี้จะมีข้อมูล Log ที่มีเพียงเสียงอย่างเดียวด้วย และเมื่อนำข้อมูลทั้ง 3 แบบนี้มารวมเข้าด้วยกันจะกลายเป็นข้อมูลที่มีความหมายที่น่าติดตามให้เราได้เรียนรู้ และด้วยสาเหตุนี้เองทำให้ทางผู้พัฒนาเกมเลือกที่จะใช้อาร์ตสไตล์หลาย ๆ แบบให้สัมผัสความหลากหลายของข้อมูลนั่นเอง
ในส่วนของเกมเพลย์การปรับแต่งหุ่นนั้นก็น่าสนใจไม่น้อยครับ เพราะในการปรับแต่งหุ่นภายในเกมนี้จะไม่เหมือนกับการปรับแต่งหุ่นจากเกมอื่น ๆ เท่าไหร่นัก นั่นก็คือภายในเกมนี้สามารถปรับแต่งหุ่นได้ทั้งหมด 3 ส่วน ได้แก่บอดี้, แขน และขา รวมไปถึงอาวุธที่ใช้งานได้ โดยผู้เล่นสามารถเปลี่ยนชิ้นส่วนได้ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนสีของชิ้นส่วนได้!
สำหรับสาเหตุที่ทางผู้พัฒนาเกมไม่เปิดให้ผู้เล่นได้ปรับสีของชิ้นส่วนก็เพราะว่าสีของชิ้นส่วนแต่ละชิ้น รวมไปถึงรูปลักษณ์ของมันจะบ่งบอกถึงคุณสมบัติ และระดับของพาร์ทนั้น ๆ นั่นแปลว่าสีมีส่วนเชื่อมโยงกับความสามารถกับสมรรถนะของหุ่นโดยตรง ทำให้การปรับแต่งสีนั้นจะทำให้เกิดความสับสนได้ อีกทั้งทางผู้พัฒนาเกมต้องการป้องกันไม่ให้เวลาที่เล่น PvP มีการหลอกผู้เล่นคนอื่น ๆ ด้วยการใช้สีที่แสดงให้เห็นว่าหุ่นนั้นอ่อนแอ แต่จริง ๆ คือหุ่นสุดโหด ทำให้ทางผู้พัฒนาตัดสินใจไม่ให้ปรับสีหุ่นได้นั่นเอง
นอกจากนี้ชิ้นส่วนของหุ่นยังสามารถเสียหายได้ด้วยเมื่อใช้ไประยะเวลาหนึ่ง นั่นแปลว่าผู้เล่นจะต้องทำการเปลี่ยนพาร์ทไปเรื่อย ๆ นั่นเอง อ้อ! แต่ถ้าใครรู้สึกถูกชะตากับชิ้นส่วนใดเป็นพิเศษ หรือใช้แล้วรู้สึกว่าเข้ามือ อยากใช้ชิ้นนี้ไปตลอดก็สามารถทำได้เช่นกันโดยผ่านระบบการสร้างชิ้นส่วน แต่ชิ้นส่วนที่สร้างก็พังได้ตลอดเช่นกัน นั่นแปลว่าเราก็ต้องขยันสร้างกันหน่อยครับ
สำหรับโหมดการเล่นเกมนี้จะมีทั้งหมด Story และโหมด Raid Mode ที่เปรียบเสมือนโลกกลางที่ผู้เล่นจะได้เข้าผจญภัยในโลกอันกว้างใหญ่กับผู้เล่นคนอื่น ๆ ทั่วโลก ซึ่งในตอนนี้ทางผู้พัฒนายังไม่สามารถระบุได้ว่า 1 ห้องนั้นจะมีผู้เล่นเข้าเล่นได้ทั้งหมดกี่คนในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตามภายในโหมดนี้ผู้เล่นสามารถเข้าไปร่วมมือ ตั้งปาร์ตี้กับคนในห้องในการเก็บทรัพยากร หรือทำภารกิจ PvE ได้ อย่างไรก็ตามก็ต้องระวังด้วยเพราะจะมีผู้เล่นประเภทลอบโจมตีคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
อ้อ! และก่อนหน้านี้ก็มีหลายคนแสดงความกังวลว่า “หากเราตาย เราจะสูญเสีย Magus” ไปจริงไหม คำตอบคือทั้งจริงและไม่จริงครับ เพราะเวลาที่เราตายนั้นเราสามารถกด Emergency Escape เพื่อป้องกันไม่ให้ Magus ของเราถูกช่วงชิงไปได้ แต่ถ้าเกิดสมมติว่าเรากดไม่ทัน เราก็สามารถจ่ายเงินขอไถ่ตัวกลับมาได้เช่นกัน
และเมื่อถูกถามถึง ระบบใดที่พัฒนายากที่สุดภายในเกมนี้ ทางคุณ Yosuke Futami ก็ได้บอกว่า “ระบบ Magus” นั่นเอง เพราะว่าเขาต้องการให้ Magus สามารถช่วยเหลือผู้เล่นให้ได้ในระดับที่พอดี ไม่มากจนทำให้เกมหมดความท้าทายหรือโกงจนเกินไป หรือน้อยจนดูเหมือนไร้ประโยชน์ ทำให้เขาใช้เวลาดัดแปลงระบบของ Magus นานมาก ๆ ซึ่งเขาได้บอกว่า Magus จะเหมือน AI ที่คอยช่วยเหลือให้คำแนะนำผู้เล่น และจะมีการเรียนรู้สไตล์ของผู้เล่นเพื่อช่วยเหลือผู้เล่นให้เหมาะสมที่สุด
และด้วยความยากนี้เองทำให้เขาบอกว่าระบบ Magus ถือได้ว่าเป็นระบบที่โดดเด่นที่สุดภายในเกมนี้ เขาได้ระบุว่า Magus ภายในเกมนี้มีทั้งหมด 4 แบบ โดยแต่ละแบบจะโดดเด่นไม่เหมือนกัน โดย AI เหล่านี้จะเรียนรู้ข้อมูลผู้เล่นอย่างละเอียด และจะคอยให้คำแนะนำ ซึ่งทางผู้พัฒนาเกมได้บอกว่าเกมอื่น ๆ ที่เขาเคยพัฒนามาตัวละครประเภทนี้จะมีบทพูดประมาณ 250 บทพูด แต่เกมนี้ Magus แต่ละตัวจะมีบทพูดมากกว่า 2,000 บทพูด โดย Magus จะเลือกบทพูดผ่านการประมวลผลที่ละเอียดยิบเพื่อให้ผู้เล่นรู้สึกได้ว่า Magus เหล่านี้มีชีวิตจริง ๆ
องค์ประกอบที่ผู้พัฒนาเกมได้ระบุไว้ว่าจะใช้ในการประมวลผลเพื่อให้ AI ได้พูดคุยกับเราก็จะมีทั้งความสามารถของผู้เล่น, ค่าสถิติของโลกและสภาพแวดล้อม รวมไปถึงสถานการณ์ ณ เวลานั้น ซึ่งนี่เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น เพราะทางผู้พัฒนาเกมย้ำว่าข้อมูลที่ใช้ในการประมวลผลเพื่อให้ Magus ดูแลผู้เล่นนั้นมีเยอะ และละเอียดกว่านี้มาก ๆ เลยทีเดียว
ปิดท้ายด้วยการที่ผู้พัฒนาเกมย้ำกับผู้เล่นว่าผู้เล่นทุกคนสามารถปรับแต่ง Magus ได้เต็มที่ทั้งรูปลักษณ์ภายนอก และความสามารถ รวมไปถึงสบายใจได้ว่า Magus ทุกตัวภายในเกมนี้จะไม่ได้แบ่งความหายาก ทำให้ Magus มีความสามารถใกล้เคียงกัน แต่จะแตกต่างไปตามรูปแบบที่ผู้เล่นเลือก และการปรับแต่งของผู้เล่น… อ้อ! ผู้พัฒนายังแอบแง้มมาว่า Magus จะมีบุคลิกที่ต่างกันด้วย เช่น Magus บางตัวอาจจะชอบปลอบประโลมผู้เล่น, บางตัวอาจจะคอยให้กำลังใจ หรือถ้าใครชอบซาดิสม์หน่อย ๆ ก็จะมี Magus ที่คอยดุเราด้วยเช่นกันครับ!
เป็นอีกหนึ่งบทสัมภาษณ์ที่บอกได้เลยว่าเกมเวอร์ชั่นเต็มนั้นจะต้องสนุก และน่าสนใจมากอย่างแน่นอน ซึ่งทีมงาน This is Game Thailand ต้องขอขอบพระคุณทาง Bandai Namco และคุณ Yosuke Futami โปรดิวเซอร์เกม SYNDUALITY: Echo of Ada ที่มอบโอกาสที่สำคัญนี้ให้กับเราครับ