สกู๊ปพิเศษ

8 เกม Reboot ยอดเยี่ยม

ที่กลับมาผงาดได้อย่างยิ่งใหญ่อีกครั้งในวงการเกมยุคปัจจุบัน

ในวงการภาพยนตร์, การ์ตูนหรือแม้กระทั่งในวิดีโอเกม การ Reboot ก็คือการนำเนื้อหาของเดิมที่มีอยู่ มาทำการปรับเปลี่ยนดัดแปลงให้ตัวเนื้อหามีความทันสมัยและสดใหม่ยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในวงการเกม การ Reboot ถือเป็นอีกวิธีที่บรรดาค่ายเกมได้นำมาปรับใช้กับเกมของตนด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ตั้งแต่เพื่อทำให้เกมนั้นๆ สามารถนำกลับมาขายใหม่ได้ หรืออยากจะลองเปลี่ยนทิศทางของเกมให้ไปในทิศทางใหม่ ทำให้การ Reboot จักรวาลเกมของตนเองนั้นเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่เลว แต่ถึงกระนั้นแล้วการ Reboot ที่เหมือนกับการไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ของเกมบางซีรี่ส์มันก็ไม่ได้ดีไปเสมอไป อาจจะมีดีบ้าง มีแย่บ้าง ปะปนกันไป ถ้างั้นเราไปดูกันดีกว่าเกมที่ถูกนำมา Reboot แล้วกลับมาผงาดและยิ่งใหญ่อีกครั้งจะมีเกมอะไรบ้าง


*หมายเหตุ – บทความนี้ไม่ใช่การจัดอันดับและจัดทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น

1. Tomb Raider 2013

image 5501

มาเริ่มกันที่เกมซี่รี่ย์สาวแกร่งผจญภัยขวัญใจชาวเกมเมอร์อย่าง Tomb Raider ที่ ณ ตอนนี้ตัวเกมในแบบฉบับ Reboot ได้ออกมาให้ผู้เล่นอย่างเราๆ ได้สัมผัสถึงสามภาคเข้าไปแล้ว ซึ่งในแต่ละภาคก็ดูเหมือนจะได้รับเสียงตอบรับไปทางบวกอีกด้วย

Tomb Raider ฉบับ Reboot ในปี 2013 ถึงแม้จะป็นการนำตัวละครเดิมอย่าง Lara Croft เข้ามาภายในตัวเกมและใช้ชื่อ Tomb Raider ตามต้นฉบับ แต่ก็ได้มีการนำตัวละคร Lara Croft มาตีแผ่ในมุมมองใหม่ที่ไม่เคยถูกเล่าในเกมภาคไหนมาก่อนด้วย ไม่ว่าคุณจะเป็นเกมเมอร์จากยุค Tomb Raider งรุ่งเรืองหรือจะเป็นเกมเมอร์ยุคใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสตัวเกมเลยสักภาค ก็สามารถสัมผัสประสบการณ์การเล่นที่แปลกใหม่และยอดเยี่ยมได้เหมือนกัน และนอกจากจะนำเสนอเนื้อเรื่องในมุมมองใหม่แล้ว ตัวเกมยังมีการอัปเดตทั้งภาพกราฟิกจนสวยตามยุคสมัย รวมไปถึงเกมเพลย์ที่ถูกปรับปรุงใหม่ แต่คงไว้ซึ่งกลิ่นอายของเกม Tomb Raider ได้อย่างครบถ้วน พูดได้เลยว่าถือเป็นอีกหนึ่งเกมสมัย PS1 ที่ได้รับการชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมศักดิ์ศรีเลยล่ะครับ

2. Mortal Kombat 2011

image 5498

ถ้าเกมของคุณเริ่มขายไม่ดี โดนฐานผู้เล่นเก่ารุมด่าจนยับเยิน หรือถึงทางตันหมดมุกไปต่อไม่ได้ เป็นคุณจะทำอย่างไร? ทาง NetherRealm มีคำตอบให้คุณก็คือ Reboot เกมมันซะเลยยังไงล่ะ ซึ่งเรื่องราวที่ผมกล่าวถึงเนี่ย ก็คือการที่ NetherRealm นำเกม Mortal Kombat มาทำการเปลี่ยนโฉมใหม่นั่นเอง

แต่อย่างไรก็ตาม เกมนี้ถูก Reboot แบบ Soft-Reboot พูดง่ายๆ ก็คือยังคงรักษาบางองค์ประกอบของเกมเอาไว้ ไม่ได้โละทิ้งไปทั้งหมด โดย Mortal Kombat ฉบับ Reboot นี้จะมีการเล่าเนื้อเรื่องในช่วง 3 ภาคแรกของเวอร์ชั่นต้นฉบับ รวมไปถึงระบบการต่อสู้ที่เรียกได้ว่าย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นแห่งความยอดเยี่ยมของซี่รี่ส์นี้เลยก็ว่าได้ ทำให้ Mortal Kombat สามารถกลับมาผงาดได้อย่างเต็มภาคภูมิในฐานะหนึ่งในเกมต่อสู้ยอดเยี่ยมจากทางฝั่งอเมริกา

3. Doom 2016

image 5501


มาต่อกันที่เกมเดินหน้ายิงระดับตำนาน ขวัญใจเกมเมอร์สายลุยอย่าง Doom จากค่าย ID Software ซึ่งก่อนที่ Doom ภาคนี้จะออกมาให้เราเล่นอย่างทุกวันนี้เนี่ย ตัวเกมก็ตกอยู่ในวังวนของการพัฒนาหรือ Development Hell ร่วม 15 ปีได้ แถมยังโดนรื้อโปรเจ็คอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้าย Doom เวอร์ชั่น Reboot ก็ได้ออกมาวางจำหน่ายให้เราได้เล่นในปี 2016 จนได้

ตัวเกม Doom ภาคนี้เรียกได้ว่าเป็นการกลับไปสู่รากเหง้าของตัวเอง ที่จะเน้นการเดินหน้าลุยกับฝูงศัตรูจากนรกแบบ Non-stop และเกมเพลย์ที่มีการเพิ่มความรวดเร็วในการเล่นเข้าไปอีก ทำให้ฉากแอคชั่นที่อยู่ตรงหน้า ทั้งสะใสและถึงอารมณ์เอามากๆ ไม่ต่างจากตัวเกมภาคต้นฉบับ อีกทั้งการเพิ่มระบบใหม่อย่าง Glory Kill เข้ามา ก็ช่วยเพิ่มความเดือดเข้าไปอีกเป็นทวีคูณ เป็นเหตุให้ Doom ได้กลายเป็นที่รู้จักของเกมเมอร์รุ่นใหม่ในฐานะเกมเดินหน้ายิงสุดเทพแห่งปี 2016 เลยทีเดียว


4. Deus Ex: Human Revolution

image 5497


หากใครต้องการเล่นเกมรอแก้ขัดระหว่างรอเกมสุดเจ๋งอย่าง Cyberpunk 2077 แล้วล่ะก็ ผมขอแนะนำซีรีส์ Deus Ex เลยครับ โดยเฉพาะ Deus Ex: Human Revolution ที่อยากจะแนะนำเป็นพิเศษ ซึ่งภาคนี้จะเป็นการ Reboot ตัวเกมใหม่ และพาเราย้อนกลับไปก่อนจะเกิดเหตุการณ์ในเกมภาคแรก (หรือที่เรียกว่า Prequel นั่นเอง) ถึงแม้จะเป็นการ Reboot ก็ตาม แต่ก็มีการเพิ่มระบบที่เกี่ยวข้องกับการเล่นเข้ามาใหม่ ชนิดที่เรียกว่าเหมือนการอัพเกรดของเดิมที่ดีอยู่แล้วให้ยอดเยี่ยมขึ้นไปอีก ตั้งแต่ตัวเลือกในการทำภารกิจที่หลากหลายและเป็นอิสระมากๆ เปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ9k,ที่ตัวเองต้องการ, ระบบการอัพเกรดตัวละครที่มีความลึกและหลากหลาย, เกมเพลย์ลอบเร้นที่เล่นแล้วสนุก รวมไปถึงเนื้อเรื่องที่เข้มข้นน่าติดตาม ทำให้เกม Deus Ex ติดโผเกม Reboot ยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย

5. XCOM: Enemy Unknown

image 5500

อีกหนึ่งเกมวางแผนสุดคลาสสิค (ที่โคตรจะยาก) จากทางทีมพัฒนา Firaxis Games อย่าง XCOM: Enemy Unknown ที่เป็นเกม XCOM ภาค Reboot จากภาคต้นฉบับ X-COM: UFO Defense ในปี 1994 

โดย XCOM: Enemy Unknown ได้มีการเปลี่ยนระบบในตัวเกมอยู่ประมาณนึง เพื่อทำให้เล่นลื่นไหลและเข้าถึงง่ายมากขึ้น แต่ตัวเกมก็ยังคงความยากไว้ตามสไตล์เกมซีรีส์ XCOM ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ภาคก็ยังคงท้าทายและมีความเฉพาะตัวเอาไว้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

และในภาค XCOM: Enemy Unknown ความท้าทายหลักที่ผู้เล่นจะต้องได้เจอนั้น มีตั้งแต่การบริหารฐานทัพของตัวเองให้มีประสิทธิภาพ, การพัฒนาวิทยาการให้ทันกับฝ่ายเอเลี่ยน (ถ้าพัฒนาไม่ทันก็ยิงสู้กับเอเลี่ยนแทบไม่ได้) , การกระจายดาวเทียมให้ครอบคลุมทุกพื้นที่เพื่อการป้องกันที่ทั่วถึง และก็รวมไปถึงความยากในการทำภารกิจภาคสนามที่จะเป็นการบังคับทีมจู่โจมของเราเข้าปะทะกับฝั่งเอลี่ยนในรูปแบบ Turn-Based ที่เรียกว่ายากสุดๆ หากใครเป็นคนที่ชอบเล่นเกมแนววางแผนการรบ ผสมผสานแนวสร้างฐาน XCOM ในฉบับ Reboot ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยล่ะครับ

6. Wolfenstein: The New Order

image 5502

ในเมื่อมี Doom ก็จะขาดอีกหนึ่งเกมที่มันส์พอๆ กันไปไม่ได้ นั่นก็คือเกมยิงนาซีสุดเดือดอย่าง Wolfenstein ที่ได้รับการคืนชีพจากทีมผู้พัฒนา MachineGames ภายใต้ร่มเงาของผู้จัดจำหน่ายนามว่า Bethesda เจ้าเก่าเจ้าเดิมนั่นเอง

ตัวเกม Wolfenstein: The New Order ได้มีการนำระบบเกมยิง FPS ในยุคปัจจุบันมาผสมรวมกับกลิ่นอายเกมยิงแบบ Single-player ยุคเก่าได้อย่างลงตัว ซึ่งทีเด็ดของเกมนี้ที่พูดได้เลยว่าเป็นการทำเกมที่สวนทางกับเทรนด์ในยุคนั้นเลยก็คือตัวเกมเน้นการเล่นแบบ Single-player อย่างเต็มตัว (ไม่มี Multiplayer) ทำให้ประสบการณ์การเล่นในโหมดเนื้อเรื่องสามารถใส่ลูกเล่นได้อย่างเต็มที่ แถมเนื้อเรื่องที่ชัดเจนที่สุดจากเกมต้นฉบับก็คือนาซีเป็นฝ่ายชนะสงคราม กลายเป็นมหาอำนาจที่ยึดครองโลกนั่นเอง

บอกได้เลยว่านอกจากจะมีการเปลี่ยนเนื้อเรื่องให้มีความแปลกใหม่แล้ว Wolfenstein ยังคงสามารถรักษาความยอดเยี่ยมของเกมไว้ได้อย่างครบถ้วน ทำให้เกมเมอร์สายยิงทุกคนที่ได้สัมผัสเกมนี้ต่างพากันฟินกันถ้วนหน้า

7. Fallout 3

image 5499

เกมนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งเกมที่ถูกเปลี่ยนโฉมไปจนแทบจำไม่ได้เลยว่านี่คือเกมเดียวกันกับ Fallout 2 โดย Fallout 3 ได้มีการเปลี่ยนมือผู้พัฒนาจากเดิมที่เป็นค่าย Black Isle Studios มาเป็นทีม Bethesda Game Studios จนกลายเป็นเกม Fallout 3 ที่ในภายหลังได้กลายเป็นต้นแบบให้กับ Fallout ในยุคใหม่สืบมา

โดย Fallout 3 ได้มีการเปลี่ยนแนวจาก RPG มุมมองด้านบนหรือ Isometric RPG มาเป็นแนว RPG ที่ผสมกลิ่นอายเกมเดินยิง FPS ทำให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่ (ผมก็ได้เล่นเกมนี้เป็นภาคแรก) แต่กระนั้นก็ตาม ตัวเกมก็ยังคงรักษาความลึกเอาไว้ผ่านระบบอัพเกรดตัวละครที่เรียกได้ว่าละเอียดยิบในระดับที่ว่า ถ้าอยากเล่นสวมบทบาทก็จะได้เล่นแบบเต็มอิ่มแน่นอน (ตัวละครสามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายตามความต้องการ) รวมไปถึงภารกิจที่มีวิธีผ่านหลากหลายไม่แพ้เกม Deus Ex ทำให้การเล่นในแต่ละครั้งนั้นไม่จำเจ


8. God of War 2018

image 5503

สำหรับภาคนี้อาจจะเรียกว่าเป็นการ Soft-Reboot โดยยังมีการกล่าวถึงภาคเก่าอยู่บ้างเล็กน้อย แต่นอกเหนือจากนั้นเรียกได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงระบบเกมเกือบทั้งดุ้นเลยทีเดียวจากเดิมที่เป็นเกมสาย Hack & Slash ก็กลายมาเป็นเกมแนว Action RPG ที่มีการเก็บอาวุธชุดเกราะเพื่อเพิ่มความสามารถให้กับตัวละครของเรา

นอกจากนั้นเนื้อเรื่องก็มีการเปลี่ยนธีมอย่างชัดเจน จากภาคก่อนที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับลุงโล้น Kratos ปะทะเทพกรีก มาเป็นการผจญภัยกับลูกในตำนานนอร์ส ทำให้ผู้เล่นที่ไม่เคยได้สัมผัส God of War มาก่อนหน้านี้ก็สามารถเข้าใจและอินไปกับเนื้อเรื่องได้ เพราะตัวเกมไม่ได้อิงเกมภาคก่อนมากจนเกินไป แต่ถ้าใครเป็นผู้เล่นที่ติดตามมาตั้งแต่ตัวเกมเวอร์ชั่น PS2 จะเห็นได้ว่าภาคนี้ได้ใส่ Easter Eggs ต่างๆ เข้าไปให้คุณร้องว้าวอีกด้วย

และด้วยองค์ประกอบทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นระบบการเล่นที่ลื่นไหลและท้าทาย บวกกับเนื้อเรื่องที่มีความติดดินกว่าภาคไหนๆ เลยทำให้เกม God of War กลายเป็นอีกหนึ่งเกมเทพประจำปีไปอย่างไม่ต้องสงสัย


เป็นยังไงกันบ้าง ถ้ามีเกมไหนที่ตกหล่นไปหรือไม่ได้ล่าวถึงก็ช่วยคอมเมนต์ไว้ด้านล่างด้วยนะครับ เพราะเกมที่ผมคัดมานั้น พยายามเลือกเกมที่น่าจะเป็นที่รู้จักของเกมเมอร์ทุกกลุ่มทุกคน ทำให้ยังมีเกมดีๆ อีกมากมายหลุดโผไป ไม่ว่าจะเป็น Metroid Prime, Rayman Origins หรือ Prince of Persia ซึ่งผมเชื่อว่าถ้าใครเป็นแฟนเกมจะต้องมีเกม Reboot อยู่ในใจนอกเหนือจาก 8 เกมนี้อย่างแน่นอน

Back to top button