การเล่นเกมนั้นกลายมาเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งของวัยรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ไม่แพ้พวกกีฬา ดนตรี ศิลปะหรืออื่นๆ บางคนเล่นเกมตั้งแต่ยังเด็ก เติบโตกับมันมาและผูกพันกับมันมาก เกมในปัจจุบันก็ถูกเปลี่ยนแปลงมาหลายรุ่นหลายเจน มีหลายแพลตฟอร์มให้เลือกเล่นมากมาย และในปัจจุบันแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสุดๆ ในยุคนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นเกมมือถือ บางครั้งการเล่นเกมผ่านมือถือที่ง่ายและสะดวก อาจทำให้เราเล่นได้ทุกที่ทุกเวลาจนมีผู้คนมองว่าเป็นเด็กติดเกม หรือผู้ใหญ่บางคนอาจมองการเล่นเกมเป็นการเสพติดและทำลายอนาคตของผู้เล่น แต่ตามหลักความจริง ถ้าเกิดการเล่นเกมถูกกำหนดเวลาการเล่นให้พอดีและไม่มากเกินไป ผู้เล่นจะได้รับอะไรดีๆ ติดตัวกลับไปจากการเล่นเกมมากพอสมควรเลยทีเดียว และในบทความนี้ กระผม Makino Jou ขอนำเสนอ “7 พรสวรรค์ที่ได้จากการเล่นเกมโดยที่คุณไม่รู้ตัว” ซึ่งจะมีอะไรกันบ้าง ลองไปชมกันเลยครับ
1. เกม Action – มีไหวพริบการเอาตัวรอดในชีวิตประจำวัน
สำหรับผู้เล่นที่เล่นเกม Action เป็นประจำมานานหลายปี มักจะมีไหวพริบในการเอาตัวรอดเยอะกว่าคนทั่วไป เพราะพวกเขาต้องเล่นเกมที่มีความเป็นความตายของตัวละครอยู่บนเส้นด้ายตลอดเวลา บางคนที่เล่นเกมยากๆ แค่มอนสเตอร์สะกิดหน่อยเดียวก็ตายได้แล้ว และคนเหล่านี้จะรู้จักหาวิธีเอาตัวรอดภายในเกมได้อยู่เสมอ บางครั้งอาจจะเกิดจากการเรียนรู้ความผิดพลาดในอดีต มีการตาย และเริ่มใหม่จดจำสิ่งเหล่านั้นและลุยต่อ มันก็เหมือนชีวิตเราที่มักจะพบเจอความผิดพลาดอยู่เสมอ แต่ถ้าเราไม่รู้จักลุกขึ้นมาลุยต่อก็จะประสบความสำเร็จเป็นไม่ได้ สัญชาตญาณบางอย่างของพวกเขาจะถูกปลุกให้ตื่น พวกเขาไม่รู้หรอกว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ด้วยสัญชาตญาณเอาตัวรอดจะทำให้พวกเขาล้วนตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ อาจจะไม่ได้พูดถึงความเป็นความตายในชีวิตจริง แต่อาจหมายถึงการเอาตัวรอดจากงานที่ทำการหลบหลีกสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ และอะไรหลายๆ อย่างที่จะทำให้ชีวิตของเขาไม่มั่นคง คนเล่นเกม Action มักจะแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้ดีครับ
2. เกม Shooting FPS – ควบคุมอารมณ์ภายใต้สถานการณ์ที่กดดันได้ดี
สำหรับผู้เล่นที่เกม FPS Shooting อย่าง Counter Strike หรือ Call of Duty, Battlefield อะไรพวกนี้เป็นประจำ พวกเขาจะได้รับความนิ่งในการควบคุมตัวเองให้อยู่กับร่องกับรอยในสถานการณ์ที่ตึงเครียด เพราะเกมแนว FPS Shooting ส่วนมากมักจะอยู่ในสงครามหรือเป็นเกมที่ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา คุณไม่รู้ว่าศัตรูจะมาจากจุดไหน เมื่อไหร่ อีกทั้งมุมมองของ FPS ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่าคนเผชิญเหตุการณ์นั้นคือตัวเขาเองทำให้ความตื่นตัวและการทำงานของประสาทรับรู้ต่างๆ ในร่างกายต้องตื่นตัวตลอดเวลา แต่ถ้าพวกเขาปล่อยให้อารมณ์ตื่นตัวนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้จักควบคุมมันเลย ก็จะทำให้การเล่นเกมออกมาได้ไม่ดีพอ เพราะเกมแนวนี้จะต้องอาศัยความนิ่งในการเล็งและยิงในจังหวะที่ฉับพลัน ถ้าเกิดควบคุมตัวเองไม่ได้ มัวแต่ตื่นตระหนก หรือหัวใจเต้นแรงอยู่ตลอดเวลาก็ยากที่จะยิงโดนเป้าหมายได้ อีกทั้งสถานการณ์ภายในเกมยังบิ๊วให้ผู้เล่นนั้นกดดันอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นพวกเขาจึงมีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ภายใต้สถานการณ์ที่กดดันได้ดีกว่าคนอื่นนั่นเอง
3. เกม Turn-based RPG – บริหารทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดภายใต้เวลาที่จำกัด
ผู้ที่เล่นเกม Turn-based RPG มาเป็นเวลานาน มักจะมีความสามารถด้านการจัดการเป็นหลัก เขาสามารถบริหารทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีประสิทธิภาพสูงสุดภายใต้ระยะเวลาที่จำกัดและบีบคั้น เพราะว่าเกมที่เป็น Turn-based มักจะมีเวลาให้ผู้เล่นฝึกคิดว่าจะออกคำสั่งกับตัวละครในเกมยังไง เพื่อที่จะให้ผ่านด่านตรงนี้ไปได้ และเกม Turn-based ในยุคหลังๆ ก็กลายมาเป็น Turn-based แบบ Real-Time อีกด้วย กล่าวคือไม่ใช่การผลัดเทิร์นกันเล่นเท่านั้น แต่ถ้าคุณคิดไม่ทัน มอนสเตอร์หรือบอสก็จะโจมตีคุณฟรีๆ แบบไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ นั่นทำให้พวกเขาต้องรีบออกคำสั่งตัวละครที่มีอยู่ 3-4 ตัวในเกมให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ถ้าเลือดน้อยจะเพิ่มเลือดไหม ถ้าตายจะชุบไหม ถ้าติดสถานะอะไรจะแก้ไหมหรือควรจะใช้ท่าไม้ตายอัดเข้าไปให้มันจบๆ แล้วถ้าโจมตีแล้วไม่ตายล่ะ มีโอกาสโดนสวนกลับมากน้อยแค่ไหน ความคิดเหล่านี้จะถูกตีวนอยู่ในหัว แต่เราก็ต้องคิดให้เร็วที่สุดและตอบโต้เกมให้ดีที่สุดเช่นกัน ทำให้คนเล่นเกม Turn-based มักจะมีความสามารถด้านการจัดการที่สูงกว่าคนทั่วไป
4. เกม Puzzle – แก้ไขปัญหาได้ดี มองเห็นปัญหาเล็กๆ ที่คนอื่นมองไม่เห็น
เกม Puzzle ถ้าแปลตรงตัวเลยก็คือเกมไขปริศนา ไม่ว่าจะเป็นเกมประเภทเรียงเพชรอย่าง Candy Clush, Tsum Tsum อะไรพวกนี้ถือเป็นเกมแนว Puzzle ทั้งสิ้น ซึ่งถ้าคุณได้เล่นเป็นประจำ มันจะเป็นการฝึกสมองให้คิดและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีระบบ เกม Puzzle บางชนิดก็ทำออกมาในแนวที่ดูซีเรียส เช่น The Room เป็นต้น ซึ่งเราต้องใช้ความช่างสังเกต รู้จักการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ประมวลผลข้อมูลที่ได้มาเพื่อนำไปใช้ต่อ ซึ่งก็ทำให้ผู้เล่นเกมแนวนี้มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาได้ดีกว่าคนอื่นๆ เพราะพวกเขาคุ้นชินกับปัญหา รู้จักมองหาสิ่งที่คนอื่นไม่ทันได้เอะใจ เวลาเกิดปัญหาที่คนส่วนใหญ่แก้ไม่ได้ คนเหล่านี้ก็มักจะเป็นผู้เจอทางออกก่อนใครเพื่อนเสมอ
5. เกม Fighting – ช่างสังเกต ศึกษาพฤติกรรมผู้อื่น และรู้จักรอโอกาส
สำหรับคนที่ชื่นชอบเกม Fighting เล่นคลุกคลีกับมันเป็นระยะเวลานาน จะทำให้ติดนิสัยชอบสังเกตพฤติกรรมผู้อื่น ว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยายังไง จะทำอะไรเมื่อเราพูดแบบนี้ เราควรจะพูดอะไรหรือทำสิ่งไหนเพื่อให้อีกฝ่ายมีกริยาเป็นไปอย่างที่เราต้องการ พวกเขาจะมีความคิดอ่านต่อพฤติกรรมบุคคลมากกว่าคนปกติ เพราะสิ่งที่พวกเขาพบเจอในเกมคือการอ่านเกมคู่ต่อสู้ ว่าอีกฝ่ายจะออกท่าไหนมาโจมตี หรือลองหยั่งเชิงแล้วอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยายังไง ทำให้พวกเขาชอบการอ่านพฤติกรรมของคนรอบข้าง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดีและทำให้การปรับตัวเข้าหาผู้อื่นเป็นเรื่องง่าย เมื่อเรารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนยังไงเราก็รู้ว่าควรทำยังไงเพื่อที่จะไม่ให้ผิดใจกัน และอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุข นอกจากนี้สิ่งที่พวกเขามีคือการอดทนในการรอโอกาส เพราะเกม Fighting ถ้าเล่นกับคนเก่งจริงๆ แล้ว การบุกเข้าไปมั่วซั่วก็อาจจะทำให้โดนสวนกลับถึงตายได้ ดังนั้นการรอโอกาสอย่างใจเย็นก็ถือเป็นอีกหนึ่งพรสวรรค์ที่พวกเขาได้รับจากเกม Fighting และเมื่อพวกเขาเห็นโอกาสที่เหมาะสมก็ยังสามารถฉวยผลประโยชน์จากโอกาสนั้นมาได้อย่างแม่นยำอีกด้วย
6. เกม Battle Royale – มีความสามารถในการประเมินสถานการณ์ได้ดี
คนที่เล่นเกมแนวโดดร่มหรือ Battle Royale เป็นประจำมักจะมีความสามารถในการประเมินสถานการณ์ได้ดี เพราะเกมแนวโดดร่มจะต้องคิดตลอดเวลาว่าควรไปทางไหนดี วงจะบีบไปทางไหน ถ้าวงบีบไปทางอื่นจะบุกยังไง แล้วถ้าวงบีบมาทางเราจะป้องกันอย่างไร สิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากประสบการณ์ที่เล่นเกมแนว Battle Royale เป็นระยะเวลานานและสม่ำเสมอ รู้จักสังเกตภูมิประเทศรอบตัว สิ่งแวดล้อมรอบข้าง และประมวลผลออกมาเป็นผลลัพธ์ว่า ณ เวลานี้เราควรทำอะไรมากที่สุด และเกิดประโยชน์สูงสุด ในชีวิตจริงก็เช่นกัน มีหลายครั้งที่เราอาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่โอเค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องงานหรือความรัก การนำข้อมูลปัจจุบันมาประมวลผลด้วยหลักเหตุผลและหาทางออกคือสิ่งที่คนเล่นเกม Battle Royale มักจะมีความสามารถนี้ติดตัวและประมวลข้อมูลจากหลักเหตุผลได้ดีกว่าคนทั่วไปครับ
7. เกม MOBA – รู้หน้าที่ของตัวเอง เคารพหน้าที่ของคนอื่น
สำหรับคนที่เล่นเกม MOBA จะเข้าใจดีว่าเกมแนวนี้จำเป็นที่จะต้องมีการแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ว่าใครอยู่เลนไหน ใครเล่นตำแหน่งอะไรถึงแม้บางครั้งอาจจะได้เล่นตำแหน่งนั้นแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก แต่ในเมื่อได้เล่นตำแหน่งนี้แล้ว ก็ต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดถ้าไม่อยากแพ้ อีกทั้งเกม MOBA ยังไม่ใช่เกมที่เล่นคนเดียว แต่ต้องบังคับให้เล่นกันถึง 5 คน (บางเกมก็มีโหมด 3-3) ถ้าคนไม่มีทีมของตัวเองก็ต้องไปสุ่มหาคนอื่นที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเพื่อให้ทีมมันเต็ม การทำงานร่วมกับคนอื่นที่ไม่รู้จักจำเป็นอย่างมากที่จะต้องให้เกียรติซึ่งกันและกันถึงจะไปรอด เปรียบกับการทำงานในชีวิตประจำวันที่เราจะต้องเจอคนมากหน้าหลายตา เจอคนหลายประเภท หลายนิสัย บางคนเราก็ไม่ชอบเขาเท่าไหร่แต่ก็ต้องทำงานร่วมกัน การรับผิดชอบในสโคปหน้าที่ของตัวเองถือเป็นการทำงานร่วมกันเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพและไม่ล่วงเกินหน้าที่ของคนอื่น ให้เกียรติซึ่งกันและกัน นั่นคือจุดเด่นของคนที่เล่นเกม MOBA มาเป็นระยะเวลานานและเข้าใจบริบทของมันจริงๆ
เป็นยังไงกันบ้างครับ กับ “7 พรสวรรค์ที่ได้จากการเล่นเกมโดยที่คุณไม่รู้ตัว” ตรงกับสิ่งที่เพื่อนๆ คิดกันบ้างไหมล่ะครับ ขออนุญาตยกเว้นไว้อย่างหนึ่งนะครับว่า สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ จะไม่นับ “เกรียน” ที่เราเจออยู่ทั่วไปนะครับ เพราะเกรียนเหล่านี้เล่นเกมเอามันและไม่ได้เข้าถึงแก่นของเกมนั้นๆ จริง อีกทั้งกว่าจะส่งผลตามที่กล่าวมาจะต้องคลุกคลีอยู่กับมันเป็นเวลานานหลายสิบปี ต้องคลุกคลีอยู่กับมัน เข้าใจมัน ศึกษามันอย่างถ่องแท้ การเล่นเกมเพียงเพื่อผ่อนคลายเฉยๆ โดยที่ไม่ได้ใส่ใจกับมันก็จะได้เพียงแค่ความผ่อนคลายเท่านั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบุคคล ว่าเราจะลิมิตการเล่นเกมของเราให้อยู่ในระดับไหน บางคนก็ชอบที่จะผ่อนคลายเท่านั้น บางคนก็จริงจังมากเพราะไม่อยากแพ้ใคร ซึ่งแต่ละคนก็มีเหตุผลแตกต่างกันไปครับ แต่สิ่งที่ดีที่สุดในการเล่นเกมก็คือไม่เกรียนและไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้เล่นคนอื่น เพื่อที่สังคมเกมจะได้น่าอยู่ขึ้นและมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาคนทั่วไปครับ
