7 เหตุผลทำไมผู้เล่นส่วนใหญ่ถึงไม่ชอบเกมโคลน (Clone)
เกมไหนดัง ต้องมีเกมคล้ายกันเกิดใหม่มาแข่งเสมอ บางเกมก็ดี บางเกมก็แย่

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ทุกท่าน ทุกครั้งที่มีเกมฮิต เกมแนวใหม่ หรือกระแสเกมไหนมาแรง เรามักจะเห็นเกมหน้าใหม่ที่ดูคล้ายกันอย่างน่าสงสัย โผล่ตามมาเสมอ ซึ่งเกมเหล่านี้มักถูกเรียกว่า “เกมโคลน (Clone)” หรือเกมที่ทำเลียนแบบเกมต้นฉบับ ไม่ว่าจะเป็นในด้านกราฟิก ระบบการเล่น ธีม ไปจนถึงอารมณ์โดยรวมของเกม จุดประสงค์หลักของเกมโคลนคือการเกาะกระแสความสำเร็จของเกมต้นแบบ เพื่อดึงดูดกลุ่มผู้เล่นเดิมมาเล่นเกมตัวเอง อย่างไรก็ตาม แม้จะมีบางเกมที่พัฒนาต่อยอดและประสบความสำเร็จได้ แต่ภาพรวมของเกมโคลนกลับมักถูกผู้เล่นมองในแง่ลบเสมอ บทความนี้จะพาไปสำรวจว่า เพราะอะไรผู้เล่นส่วนใหญ่ถึงไม่ชอบ “เกมโคลน” ตั้งแต่ยังไม่ได้ลองเล่นด้วยซ้ำ
1. รู้สึกว่าขาดจิตวิญญาณและไร้ความตั้งใจจริง

หนึ่งในเหตุผลแรกที่ทำให้ผู้เล่นจำนวนมากไม่ชอบเกมโคลน ก็คือ “ความรู้สึกที่มันไร้จิตวิญญาณ” เกมที่ดูเหมือนแค่ลอกเลียนแบบ ไม่ได้สร้างจากความตั้งใจหรือแรงบันดาลใจที่แท้จริง มักจะถูกมองว่าเป็นแค่โปรเจกต์เชิงพาณิชย์ที่หวังจะโกยกำไรจากกระแสความนิยมของเกมต้นฉบับ ยิ่งถ้าระบบหรือฉากต่าง ๆ ถูกคัดลอกมาแบบแทบไม่เปลี่ยนอะไรเลย ผู้เล่นก็จะรู้สึกว่าเกมนี้ไม่มีความจริงใจ ไม่มีหัวใจ ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้หลายคนตัดสินใจไม่แตะเกมนั้นตั้งแต่แรกเห็นจากการดูวิดีโอตัวอย่างครับ
2. ต้นฉบับทำได้ดีกว่าแทบทุกด้าน

เมื่อเกมหนึ่งพยายามลอกเลียนเกมต้นฉบับอย่างชัดเจน สิ่งแรกที่ผู้เล่นจะทำก็คือ “เปรียบเทียบ” และแน่นอนว่าต้นฉบับที่ประสบความสำเร็จมักมีคุณภาพในหลายด้านที่ยากจะลอกเลียน ไม่ว่าจะเป็นระบบการเล่นที่ลงตัว งานภาพที่มีเอกลักษณ์ การออกแบบฉากที่ลึกซึ้ง หรือการเล่าเรื่องที่ตราตรึงใจ เกมโคลนหลายเกมจึงตกม้าตายเพราะทำได้แค่ “คล้าย” แต่ไม่สามารถสู้ต้นฉบับได้ในรายละเอียด ผู้เล่นจึงรู้สึกว่า “แล้วจะเล่นเกมนี้ทำไม ในเมื่อเกมต้นฉบับทำได้ดีกว่าในแทบทุกด้าน” และเลือกกลับไปเล่นของจริงแทนอย่างไม่ลังเล
3. ไม่มีจุดยืนของตัวเอง

ถึงแม้จะเป็นเกมโคลน แต่ถ้ามี “จุดยืนของตัวเอง” หรือสร้างสิ่งใหม่ที่แตกต่าง ก็ยังพอจะได้รับความสนใจจากผู้เล่นได้อยู่บ้าง ทว่าเกมโคลนส่วนใหญ่กลับพลาดตรงนี้ เพราะมุ่งเน้นแค่จะเลียนแบบ โดยลืมใส่สิ่งที่ทำให้เกมนั้นมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ผลลัพธ์คือเกมที่รู้สึกว่า “เหมือนจะเคยเล่นมาแล้ว” แต่ไม่ได้ให้อะไรใหม่เลย ผู้เล่นจึงไม่รู้สึกตื่นเต้น ไม่อยากลงทุนเวลา และมองว่าเกมนั้นไร้ตัวตน ไม่มีความน่าสนใจแม้แต่น้อย ต่างจากเกมที่แม้จะได้รับแรงบันดาลใจจากต้นฉบับ แต่สามารถนำเสนอแนวคิด ระบบ หรือสไตล์เฉพาะตัวออกมาได้อย่างชัดเจน
4. เกมโคลนส่วนมาก “ไม่เสร็จ” หรือทำมาหลอกขาย

อีกปัญหาหนึ่งที่ทำให้เกมโคลนถูกมองในแง่ลบก็คือ ความรู้สึกว่า “เกมพวกนี้มักไม่เสร็จดี” หรือแย่กว่านั้นคือ “ทำมาหลอกขาย” โดยเฉพาะในยุคที่ระบบ Early Access ระบาด และใครก็สามารถวางขายเกมบนแพลตฟอร์มได้ง่ายขึ้น ทำให้มีเกมจำนวนไม่น้อยที่โผล่มาพร้อมหน้าตาคล้ายเกมดัง แต่ระบบภายในกลับไม่พร้อม บั๊กเยอะ เกมเพลย์ไม่สมดุล หรือเนื้อหาไม่ครบจนรู้สึกว่าโดนหลอก ผู้เล่นที่เคยเจอประสบการณ์แย่ ๆ แบบนี้จะเกิดอคติโดยอัตโนมัติทันทีที่เห็นเกมหน้าตาโคลน ๆ ว่า “สงสัยจะก๊อปมาขายเร็ว ๆ เอาตังค์อย่างเดียว”
5. ความเบื่อหน่ายของตลาด (Oversaturation)

เมื่อใดก็ตามที่มีแนวเกมฮิตขึ้นมาในตลาด เรามักจะเห็นเกมแนวเดียวกันผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ไม่ว่าจะเป็น Battle Royale, Auto Chess, หรือแนว Soulslike ที่มีให้เล่นจนเลือกไม่ถูก ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “Oversaturation” หรือความอิ่มตัวของตลาด ซึ่งทำให้ผู้เล่นรู้สึกเบื่อหน่าย แม้เกมใหม่บางเกมจะมีคุณภาพดี แต่เพราะมาในช่วงที่มีเกมแนวเดียวกันเต็มไปหมด ก็ยากที่จะสร้างความสนใจได้จริง ผู้เล่นจำนวนมากถึงกับเมินเกมไปตั้งแต่หน้าปก พร้อมตั้งคำถามว่า “อีกแล้วเหรอ?” แทนที่จะรู้สึกตื่นเต้นกับเกมใหม่ นี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้เกมโคลนมักไปไม่รอดในตลาดที่คนเริ่มอิ่มแล้ว
6. แฟนเกมรักต้นฉบับมากเกินไป (Fan Loyalty)

บางครั้งเหตุผลที่เกมโคลนถูกต่อต้านก็ไม่ได้มาจากคุณภาพของเกมเอง แต่อยู่ที่ความจงรักภักดีของแฟนเกมต้นฉบับ ที่ยึดติดกับความทรงจำ ความรู้สึก หรือประสบการณ์ที่เกมต้นฉบับมอบให้ไว้จนกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในใจ เมื่อมีเกมใหม่ที่ดูเหมือนจะมาลอกหรือท้าทายต้นฉบับ พวกเขาก็จะต่อต้านทันทีโดยอัตโนมัติ ยิ่งถ้าเกมโคลนมีการโฆษณาหรือโปรโมตในเชิงเปรียบเทียบ เช่น “เหนือกว่า Dark Souls” หรือ “Diablo เวอร์ชันดีกว่าเดิม” ก็จะยิ่งโดนกระแสตีกลับแรงเป็นพิเศษ เพราะสำหรับแฟนเดนตายแล้ว ไม่มีใครแทนที่เกมต้นฉบับได้เลย
7. การสื่อสารและภาพลักษณ์ตอนเปิดตัว

การเปิดตัวเกมคือช่วงเวลาสำคัญที่จะสร้างภาพจำแรกให้กับผู้เล่น แต่เกมโคลนจำนวนมากกลับล้มเหลวตรงจุดนี้ เพราะการนำเสนอที่ขาดความชัดเจน หรือเผลอทำให้เกมดูเหมือนพยายามลอกเลียนแบบมากเกินไป ทั้งงานภาพ ตัวละคร ระบบ หรือแม้แต่โลโก้ ส่งผลให้ผู้เล่นตีตราทันทีว่า “นี่มันแค่เกมโคลน” โดยยังไม่ทันได้สัมผัสเกมเพลย์จริง ๆ เลย ในบางกรณี ทีมพัฒนายังสื่อสารผิดพลาด เช่น ใช้คำโฆษณาเวอร์เกินจริง หรือสื่อสารจุดขายไม่ชัดเจน ทำให้เกมดูเหมือนแค่พยายามเกาะกระแส มากกว่าจะนำเสนออะไรใหม่ ๆ นี่จึงกลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เกมโคลนหลายเกม “พังตั้งแต่ยังไม่เริ่ม”
แม้การได้รับแรงบันดาลใจจากเกมต้นฉบับจะไม่ใช่เรื่องผิด แต่หากไม่มีการพัฒนา สร้างจุดยืน หรือเพิ่มคุณค่าใหม่ให้กับตัวเกม โอกาสที่เกมโคลนจะถูกผู้เล่นเมินก็ยิ่งสูงขึ้น การโคลนไม่ใช่ทางลัดสู่ความสำเร็จ แต่เป็นดาบสองคมที่อาจทำให้เกมถูกลืม หรือถูกตีตราว่าไม่มีอะไรน่าจดจำ สุดท้ายแล้ว ผู้เล่นไม่ได้ต้องการแค่ของเลียนแบบที่หน้าตาดี แต่ต้องการประสบการณ์ที่มีความหมายและแตกต่างอย่างแท้จริงครับ