5 เหตุผลที่ทำให้เกมเมอร์ (Gamer) รุ่นใหม่ไม่สนใจฉากวาบหวิวในสื่อบันเทิง
ผลสำรวจชี้ เด็กยุคใหม่ไม่สนใจฉากวาบหวิวในสื่อบันเทิง เป็นเพราะอะไร

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ (Gamer) ทุกท่าน หลายคนที่เป็นผู้ใหญ่ก็น่าจะทราบกันดีว่าฉากวาบหวิว หรือเลิฟซีนนั้นก็เป็นหนึ่งในฉากยอดนิยมประจำสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ อนิเมะ นิยาย หรือละครทีวี แม้แต่วิดีโอเกมที่เราเล่น ๆ กัน เกม AAA ที่มีเนื้อเรื่องก็มักจะมีฉากวาบหวิวสอดแทรกเข้ามาบ้างในบางเกม แต่จากผลสำรวจในการประชุม D.I.C.E. Summit ครั้งล่าสุดกลับไม่เป็นแบบนั้น โดยคุณ Sharon Tal Yguado อดีตผู้บริหารโทรทัศน์ที่ผันตัวมาเป็นผู้ก่อตั้งสตูดิโอเกม และ คุณ Bhaumik รองประธานฝ่ายความเป็นพลเมืองและความร่วมมือของ Roblox ได้พูดคุยในหัวข้อ “สิ่งที่วัยรุ่นต้องการ” โดยนำเสนอข้อมูลจากการวิจัยต่าง ๆ มารวมกันจนได้ข้อสังเกตดังนี้
5 เหตุผลที่ทำให้เกมเมอร์รุ่นใหม่ไม่สนใจฉากวาบหวิวในสื่อบันเทิง
1. โตมาในยุคที่เข้าถึงสื่อได้ทุกรูปแบบ

เด็กรุ่นใหม่เติบโตมากับยุคที่มีอินเทอร์เน็ตและสื่อบันเทิงหลากหลายรูปแบบให้เข้าถึง พวกเขาเติบโตมากับโซเชียลมีเดียที่พบเจอภาพวาบหวิวได้เป็นปกติ รวมไปถึงการจะหาสื่อผู้ใหญ่มาดูก็เป็นเรื่องง่ายไปแล้วในยุคนี้ ทำให้ความตื่นเต้น ความสนใจในด้านนี้ลดต่ำลงเพราะถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป ซึ่งจะแตกต่างกับสมัยก่อนที่การเข้าถึงสื่อบันเทิงผู้ใหญ่นั้นมีการเข้าถึงที่ยากมาก รวมกับค่านิยมต่าง ๆ ที่ทำให้ไม่ได้พบเห็นเรื่องวาบหวิวได้ง่าย ๆ ดังนั้นคนรุ่นใหม่จึงมองว่าสื่อบันเทิงทุกชนิดมีวัตถุประสงค์ของมัน ถ้าสื่อนั้นคือเกมก็ควรจะสร้างความบันเทิงให้กับผู้เล่นในฐานะเกม การใส่ฉากวาบหวิวเข้าไปอาจทำให้ลดทอนคุณค่าของเกมลงไป แต่ถ้าอยากจะเสพสื่อผู้ใหญ่จริง ๆ ก็ควรจะไปใช้สื่อผู้ใหญ่ที่ไม่ใช่เกมมากกว่าครับ
2. ในใจมีสิ่งที่ต้องการมากกว่าเรื่องความรักเชิงชู้สาว

คุณ Sharon Tal Yguado กล่าวถึงงานวิจัยจากศูนย์ UCLA’s Center for Scholars and Storytellers ซึ่งระบุว่า การที่ผู้ใหญ่มองว่าเด็กยุคนี้เน้นทำตามกระแสและเสพติด Tiktok นั้นเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องซะทีเดียว เพราะในใจลึก ๆ แล้วกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ค่าความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นหลัก พวกเขามีความเมตตาต่อผู้อื่น ต้องการการยอมรับ ดูแลสุขภาพ ใส่ใจเรื่องมิตรภาพระหว่างเพื่อน และโหยหาการเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณ ซึ่งเรื่องความรักและความสัมพันธ์เชิงชู้สาวนั้นไม่ได้อยู่ในตัวเลือกอันดับต้น ๆ เห็นได้ชัดว่าคนยุคใหม่ใส่ใจเรื่องความสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามน้อยลงกว่าเมื่อก่อน
3. แนวคิด “Nomance” กำลังได้รับความนิยม

แนวคิด Nomance คือแนวคิดการลดความสำคัญของความรักและเรื่องเพศในสื่อ แนวคิดนี้มองว่าการแสดงออกเรื่องเพศนั้นค่อนข้างทำลายบรรยากาศภายในภาพยนตร์ ละคร หรือวิดีโอเกม จึงต้องการตัดฉากโรแมนติกเหล่านี้ออกไปจากสื่อ งานวิจัยของ UCLA พบว่าในปี 2023 มีวัยรุ่น 51.5% ที่ต้องการให้เนื้อหาสื่อเน้นเรื่องมิตรภาพมากกว่าความรัก แถมยังเพิ่มขึ้นอีกในปี 2024 เป็น 63.5% แถมยังมีวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยเลยที่มองว่าเรื่องความรักและเพศนั้นไม่จำเป็นต่อการดำเนินเรื่องของภาพยนตร์หรือซีรีส์ครับ
4. โควิดทำให้เกิด “Generation Introvert”

เรื่องนี้อาจไม่มีการอ้างอิงใด ๆ ในเชิงของงานวิจัยหรือการสำรวจ แต่ผู้คนทั่วไปต่างเชื่อว่าวัยรุ่นยุคใหม่ได้รับอิทธิพลจากเหตุการณ์ COVID-19 ระบาดหนักทั่วโลก ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องเก็บตัวอยู่ในบ้านและกระตุ้นให้เกิด Generation Introvert ซึ่งส่งผลให้วัยรุ่นเกิดความเคยชินกับการใช้ชีวิตภายในบ้าน ไม่จำเป็นต้องออกไปไหน ไม่จำเป็นต้องพบปะผู้คนหรือสร้างปฏิสัมพันธ์กับใคร จึงทำให้เกิดการพูดคุยระหว่างเพศตรงข้ามในชีวิตจริงน้อยลงไปด้วย ซึ่งงานวิจัยอื่น ๆ ก็ยังพบอีกว่าวัยรุ่นยุคใหม่มีเพศสัมพันธ์น้อยลงกว่าในอดีตจริง ๆ จึงไม่แปลกที่เขาจะไม่ต้องการฉากวาบหวิวในวิดีโอเกมด้วย
5. มีช่วงเหงา แต่ต้องการเพื่อนมากกว่า

จากการเก็บข้อมูลก็พบว่าเด็กวัยรุ่นในยุคนี้ต่างมีความรู้สึกโดดเดี่ยว โดยคิดเป็น 73% ของวัยรุ่นอายุ 16-24 ปี นั้นมีความรู้สึกเหงาอยู่บ่อยครั้ง แถมยังพัฒนาไปถึงความรู้สึกเศร้าและหมดหวังได้อีกด้วย ถึงแม้ว่าจะมีหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของโลก ภูมิอากาศ การเมือง รวมไปถึงจนการเห็นคนอื่นประสบความสำเร็จในหน้าฟีดของโซเชียลมีเดียอาจทำให้วัยรุ่นยุคใหม่เกิดความเครียดและเปรียบเทียบกับตัวเองได้ง่าย แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังให้ความสำคัญกับด้านอื่น ๆ มากกว่าความสัมพันธ์เชิงชู้สาวแม้ว่าจะรู้สึกเหงาก็ตาม จากรายงาน Teens and Screens ในปี 2024 ก็พบว่าวัยรุ่นต้องการเนื้อหาในสื่อเกี่ยวกับ “มิตรภาพและสังคม” มากกว่า “เนื้อหาที่ไม่มีเรื่องเพศหรือโรแมนติก” ครับ
และนี่คือ “5 เหตุผลที่ทำให้เกมเมอร์รุ่นใหม่ไม่สนใจฉากวาบหวิวในสื่อบันเทิง” ตรงกับสิ่งที่เพื่อน ๆ คิดไหมครับ ถ้าเกิดว่าใครเป็นวัยรุ่นยุคใหม่ที่อายุระหว่าง 16-24 ปี แล้วเห็นว่าการสำรวจครั้งนี้ไม่ตรงกับความต้องการของตัวเองก็ลองคอมเมนต์กันได้นะครับ อย่างไรก็ตามการสำรวจและงานวิจัยนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทยนะครับ บ้านเราก็ยังมีค่านิยมและวัฒนธรรมที่แตกต่างกับต่างชาติค่อนข้างเยอะ ถ้าจะไม่ตรงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรครับ 🙂