10 เกมภาคต่อชื่อดังที่สานต่อความปังให้กับแฟรนไชส์
ปรับปรุงรายละเอียดจนแฟนเกมต้องยกนิ้วให้
ในหลาย ๆ ครั้งเกมภาคต่อได้กลายเป็นสิ่งที่น่าผิดหวังให้กับผู้เล่น เพราะบางครั้งผู้พัฒนาเกมเข็นภาคต่อออกมาเพียงแค่ภาคแรกที่สร้างชื่อเสียง ทำให้ภาคต่อนั้นกลายเป็นบาดแผลของซีรีส์ไปโดยปริยาย ในทางกลับกันเกมภาคต่อหลาย ๆ เกมกลับทำหน้าที่เป็นเกมที่ต่อยอดความปังจากภาคแรกไปได้อย่างสวยงาม ในวันนี้เราจะพาทุกคนไปพบกับ 10 เกมภาคต่อที่ต่อยอดความปังให้แฟรนไชส์จนทำให้เกม IP ดังกล่าวนั้นปังปุริเย่แบบสุด ๆ
1. Borderlands 2
เกม Borderlands ภาคแรกเป็นการเริ่มต้นซีรีส์ FPS ที่สนุก แต่ก็มีบาดแผลมากมายไม่น้อย และต้องขอบคุณ Gearbox ที่เพิ่มงบประมาณในการพัฒนาเกมซีรีส์นี้เป็นจำนวนมาก โดยตัวเงินที่ได้มานี้ทางผู้พัฒนาเกมนำไปใช้ปรับปรุงการเล่าเรื่องของเกมให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้เล่นหลายคนประทับใจเป็นอย่างมากนั่นเอง ทำให้ Borderlands 2 กลายเป็นเกมที่แฟนเกมยกให้ว่าเกมดังกล่าวเป็นเกมที่ถูกพัฒนาและปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างมากจากภาคแรก
2. Fallout: New Vegas
ซีรีส์เกม Fallout อยู่ในตลาดเกมมาอย่างยาวนานแต่แฟน ๆ ส่วนใหญ่ที่ติดตามแฟรนไชส์มาระยะหนึ่งแล้วมักจะชื่นชมตรงกันว่า Fallout: New Vegas เป็นเกมที่ดีที่สุดในจักรวาลย้อนยุคในอนาคตหลังหายนะแฟรนไชส์นี้ โดย New Vegas ได้ยกระดับการเล่าเรื่องของซีรีส์นี้ให้สูง และแก้ไขปัญหาของเกมภาคก่อน ๆ ได้จนสามารถเบียดกับเกมชื่อดังของ Bethesda อย่าง Elder Scroll: Obsidian ไปได้อย่างสวยงาม
3. Mass Effect 2
เมื่อแฟน ๆ Mass Effect พูดถึงจุดสูงสุดของซีรีส์ที่พวกเขาชื่นชอบ โดยส่วนใหญ่พวกเขาจะพูดถึงภาคที่ 2 ของซีรีส์ ในขณะที่เกมแรกเป็นตัวกำหนดโทนของหนึ่งในเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่ตัวเกมก็ยังมีจุดบอดที่แฟนเกมหลายคนเสียดายอยู่ไม่น้อย และพอมาในเกม Mass Effect 2 เกมก็ได้รับการปรับปรุงด้านกราฟิกและการควบคุมที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น พร้อมมีการเพิ่มตัวละครใหม่ และเควสมากมายสำหรับเกม RPG ทำให้เกมนี้ถูกจดจำว่าเป็นเกมที่สร้างนิยามใหม่ของเกมระดับ AAA ไปเลยทีเดียว
4. Uncharted 2
ฮีโร่จอมโฉดผู้มีไหวพริบ และอนิเมชั่นที่ดูดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมัยนั้น มีเรื่องราวมากมายให้หลงรักในเกม Uncharted ต้นฉบับ อย่างไรก็ตามเขาได้มอบประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์ด้วยอนิเมชั่นและตัวละครที่ดียิ่งขึ้น ตามหลังจากเกมแรกผ่านไป Naughty Dog ได้ทำการยกระดับเกมนี้ขึ้นในภาคที่ 2 โดยทีมงานได้ มอบการผจญภัยที่ทำให้ภาพยนตร์ฮอลลีวูดชื่อดังในยุคนั้นยังต้องทึ่ง ในขณะที่คุณภาพของเกมภาค 2 กลายเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับซีรีส์นี้มาจนถึงปัจจุบัน
5. Red Dead Redemption 2
Red Dead Redemption ถือได้ว่าเป็นเกมที่ปฏิวัติเกม RPG จนกลายเป็นหนึ่งในเกม “ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล” และ Red Dead Redemption 2 ได้เป็นการย้ำเตือนความทรงจำของผู้เล่นว่าเกมนี้มันดีแค่ไหนแม้ห่างหายไปยาวนานถึง 8 ปี โดยในเกมภาคใหม่ได้มีการเพิ่มองค์ประกอบที่สมจริงซึ่งทำให้ผู้เล่นรู้สึกราวกับว่าพวกเขาอยู่ในป่าตะวันตก ในการนำเสนอโลกเปิดที่ซับซ้อนให้ทุกคนหลงใหลและคาดหวังจาก Rockstar ได้เพิ่มตัวละครและกราฟิกที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง ทำให้ Red Dead Redemption 2 มอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ไม่มีวันลืมได้ง่าย ๆ
6. Baldur’s Gate 3
ซีรีส์ Baldur’s Gate มีความโดดเด่นมาตลอดกาล แต่ในภาคที่ 3 ให้ความรู้สึกที่เรียกว่าในที่สุดก็มาถึงจุดสูงสุดของแฟรนไชส์นี้แล้ว โดยเกมนี้มีความสวยงามที่น่าประทับใจ พร้อมด้วยงานอาร์ตและอนิเมชั่นที่ดีแบบสุด ๆ โดยหลายคนมองว่าเกมดังกล่าวได้รวบรวมความมหัศจรรย์ของความรู้สึกในการเล่น Dungeons & Dragons กับเพื่อน ๆ ได้อย่างดีที่สุดอย่างปฏิเสธไม่ได้
7. Street Fighter II
เมื่อพูดถึงแฟรนไชส์เกมต่อสู้ ทุกคนคงทราบดีว่า Street Fighter ได้สร้างชื่อว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในโลก แน่นอนว่า Street Fighter II ได้เปิดตัวละครใหม่มากมายให้กับเกม Street Fighter ดั้งเดิม ซึ่งแต่ละตัวมีสไตล์การต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และยังเปิดตัวระบบคอมโบ ท่าโจมตีตามคำสั่งพิเศษ และการกำหนดค่าหกปุ่มเพื่อความซับซ้อนที่มากขึ้นในการต่อสู้ ทำให้เกมนี้กลายเป็นต้นแบบบเกมไฟติ้งชื่อดังอย่างปฏิเสธไม่ได้
8. Portal 2
เกม Portal ภาคแรกถือเป็นเกมไขปริศนาที่ทำออกมาได้ดีจนกลายเป็นเกมไขปริศนาที่ดีที่สุดตลอดกาลและเป็นหนึ่งในเกมเล่าเรื่องที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตามทางผู้พัฒนาก็ยังไม่หยุดการพัฒนา ได้ทำการอัปเกรดเกม Portal 2 จนทำให้เกมดังกล่าวกลายเป็นเกมที่เกือบจะสมบูรณ์แบบในหลายด้าน ตั้งแต่รูปแบบการเล่นไปจนถึงสภาพแวดล้อมและเรื่องราว แน่นอนว่าความโดดเด่นที่แท้จริงใน Portal 2 คือการแสดงของ Ellen McLain ซึ่งกลับมาในชื่อ GLaDOS ศัตรูตัวฉกาจด้าน AI, J.K. Simmons ที่มารับบทเป็น Cave Johnson และ Stephen Merchant รับบทเป็น Wheatley สหายลูกโลกผู้เคราะห์ร้าย ทางผู้พัฒนาเกมได้ใส่กลไกไขปริศนาใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับเกม Portal โดยยังคงใช้หลักฟิสิกส์แบบดั้งเดิม แนวเกมคลาสสิค และดนตรีที่ไพเราะ Portal 2 จึงเป็นหนึ่งในตัวอย่างเกมที่ดีที่สุดที่เคยมี
9. Half-Life 2
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ Valve ไม่ได้สร้างเกมอีกต่อไปแล้ว จึงทำให้เกม Half-Life 3 ที่หลายคนรอคอยนั้นหมดหวังไปด้วย ซึ่งกระแสการรอคอยเกมภาคต่อนั้นเกิดจากการประสบความสำเร็จของเกม Half-Life 2 โดยเกมดังกล่าวได้กลายเป็นหนึ่งในเกมที่มีอิทธิพลที่สุดตลอดกาล ซึ่งต้องเท้าความก่อนว่า Half-Life ได้นำเสนอนวัตกรรมใหม่ในรูปแบบ FPS ซึ่ง Half-Life 2 ได้ผลักดันให้ก้าวไปไกลยิ่งขึ้น โดยนำเสนอระบบฟิสิกส์ที่ปฏิวัติระบบเกมในยุคนั้นทำให้เกมดังกล่าวถูกพูดถึงมาโดยตลอด
10. The Witcher 3: Wild Hunt
The Witcher 3: Wild Hunt เป็นอีกหนึ่งเกมที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในเกม RPG แนวโอเพ่นเวิลด์ที่ดีที่สุดหรือดีที่สุดตลอดกาลก็ไม่ผิด โดยเกมนี้มีทั้งระบบเวทมนตร์ การเก็บเลเวล และพื้นที่เก็บของที่ซับซ้อนมากกว่าภาคก่อน ๆ และการเล่าเรื่องที่เข้มข้นซึ่งถือว่าเป็นหัวใจของเกมนี้เลยก็ว่าได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นเควสรอง การเล่าเรื่องที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อซึ่งเหนือกว่าภาคก่อน ๆ และการต่อสู้ที่ดีที่สุดของไตรภาค ทำให้ The Witcher 3: Wild Hunt เป็นหนึ่งในภาคต่อของวิดีโอเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล
ทั้งหมดนี้ก็คือ 10 เกมภาคต่อที่ต่อยอดความปังให้แฟรนไชส์ หากผู้อ่านคนใดมีเกมที่ประทับใจก็สามารถมาคอมเมนต์พูดคุยกันได้นะครับ
ที่มา : www.cbr