สื่อนอกออกมาวิเคราะห์สาเหตุที่ยอดขาย Final Fantasy VII Rebirth ตกฮวบ!
แถมผู้พัฒนาเกมยังไม่เปิดเผยยอดขายให้เราได้ทราบกัน
บริษัทเกมมักจะชอบโฆษณาความสำเร็จของตัวเองซึ่งเป็นเรื่องปกติเป็นอย่างมาก โดยปีที่แล้ว Square Enix ยักษ์ใหญ่เกมญี่ปุ่นได้ออกมาประกาศยอดขายของ Final Fantasy XVI ที่ทะลุ 3 ล้านชุด ภายใน 1 สัปดาห์หลังวางจำหน่าย ซึ่งการเปิดเผยดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขาประกาศความผิดหวังกับยอดขายของ Forspoken ซึ่งนำไปสู่การยุบสตูดิโอพัฒนาเกม
แม้ว่า Final Fantasy VII Rebirth จะได้รับเสียงชื่นชมจากเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ และโลกกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยสิ่งที่ต้องทำ แต่รายงานเบื้องต้น (แต่ไม่เป็นทางการ) ชี้ว่ายอดขายแบบแผ่นในทั้งสหราชอาณาจักรและญี่ปุ่น กลับตามหลัง
สาเหตุที่ยอดขาย Final Fantasy VII Rebirth ไม่ปัง
“หลาย ๆ ปัจจัยอาจส่งผลต่อยอดขายที่รายงาน ประการแรก คือยอดซื้อสื่อบันทึกแบบแผ่น (Physical Media) ในอุตสาหกรรมเกมลดลงโดยทั่วไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยผู้เล่นส่วนใหญ่หันไปเล่นเกมดิจิทัลกันเยอะมาก (Digital Download)” เว็บไซต์ xfire อธิบาย “อันที่จริงแล้วเกมจำนวนมากเปิดตัวเฉพาะแบบดิจิทัลรวมถึงเกมยอดเยี่ยมแห่งปีที่แล้วอย่าง Baldur’s Gate 3 (แม้ว่าเกมนี้จะวางจำหน่ายแบบแผ่นในภายหลังก็ตาม) Alan Wake 2 เป็นเกมที่ได้รับคำชมเชยอีกเกม และ Helldivers 2 หนึ่งในเกมยอดนิยมขณะนี้ก็เป็นแบบดิจิทัลล้วนเช่นกัน การเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้นนี้อาจอธิบายยอดขายแบบแผ่นที่ต่ำลงได้บางส่วน นอกจากนี้ ฐานผู้เล่น PlayStation 5 ที่มีขนาดเล็กกว่าเมื่อเทียบกับ PlayStation 4 ในช่วงวางจำหน่าย Final Fantasy VII Remake อาจส่งผลต่อกลุ่มเป้าหมายที่อาจซื้อเกม Rebirth ได้”
อย่างไรก็ตามทาง xfire ได้ออกมาอธิบายเพิ่มเติมว่าเหตุผลข้างต้นเหล่านี้ดูจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ เมื่อคุณลองพิจารณาประสิทธิภาพการขายของ Final Fantasy XVI ซึ่งวางจำหน่ายให้กับผู้เล่นน้อยกว่าในปีที่แล้ว แถมยังวางจำหน่ายช่วงเดียวกับ The Legend of Zelda: Tears of the Kingdom และ Diablo 4 แถมยังเจอกับกระแสต่อต้านอีกด้วย
อีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อยอดขายของ Final Fantasy VII Rebirth คือ ความรู้สึกคิดถึงในอดีต (Nostalgia) ที่หมดไปแล้ว โดยในปี 2020 เกม Final Fantasy VII Remake ได้รับประโยชน์จากความรู้สึกคิดถึงอดีตในช่วงเวลาของโรคระบาด และฐานผู้เล่นจำนวนมากบน PS4 แต่มันกลับกลายเป็นการสร้างเกมใหม่ที่เหมือนกับ Final Fantasy VII ต้นฉบับเกือบทั้งหมด ก่อนที่จะเปลี่ยนเนื้อเรื่องไปในตอนท้าย ซึ่งอาจทำให้ผู้เล่นที่ต้องการเล่นเกมตามเนื้อเรื่องของเกมปี 1997 ในรูปแบบใหม่เบื่อหน่ายและไม่อยากเล่นภาคต่อ ซึ่งการเบี่ยงเบนไปจากต้นฉบับรวมกับเวลาเล่นเกมภาคต่อที่ต้องรอคอยมาอย่างยาวนานอาจทำให้ผู้เล่นที่สนใจ ล้มเลิกความคิดที่จะเล่น
สุดท้ายแล้วแม้ว่า Square Enix จะพยายามแจกเกมภาคแรกฟรีเป็นโบนัสสำหรับการพรีออเดอร์ แต่มันก็ยังเป็นเกมที่ใช้เวลานานในการเล่น สำหรับผู้เล่นที่มองหาเกมที่ไม่ต้องใช้เวลามากในการเล่นก็คงไม่ถูกใจอย่างแน่นอน โดยอดีตประธาน PlayStation อย่าง Shawn Layden เคยชี้จุดสำคัญเกี่ยวกับเกมสมัยใหม่ที่กำลังจะยาวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญว่าแท้ความจริงแล้วโดยเฉลี่ยตนชอบเกมที่มีระยะเวลาการเล่นประมาณ 15 – 20 ชั่วโมงเท่านั้น เพราะว่ากลุ่มเป้าหมายหรือผู้เล่นนั้นมีความชื่นชอบในเกมไปจนถึงความอดทนที่ต่างกัน ดังนั้นในตอนนี้เขาก็ไม่ได้มีความต้องการที่อยากจะเล่นเกมที่มีความยาวทะลุ 80 ชั่วโมงอีกต่อไป ยิ่งตนเองมีอายุมากขึ้นภาระก็มากจนไม่มีเวลาพอให้เล่นแล้ว
สุดท้ายแล้วยอดขายที่ตกลงนั้นเป็นเพราะอะไร คงมีแต่ทาง Square Enix เท่านั้นที่รู้ครับ ในขณะเดียวกัน Final Fantasy VII Rebirth เกมภาคต่อของ Final Fantasy VII Remake ที่วางจำหน่ายตั้งแต่ 29 ก.พ. 2024 บน PlayStation 5 ผู้เล่นจะได้ติดตามการผจญภัยของ Cloud และผองเพื่อนเพื่อตามล่า Sephiroth บนแผนที่ที่มีสเกลใหญ่ขึ้น พร้อมสำรวจประวัติเบื้องหลังของตัวละครต่าง ๆ เกมมีทั้งหมด 2 แผ่น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะว่าการผจญภัยในครั้งนี้จะยิ่งใหญ่กว่าเดิมแน่นอน!
