ข่าวคอนโซล / พีซี

ผู้พัฒนา Street Fighter 6 พูดคุยถึง DLC M. Bison และตัวละครรับเชิญครั้งแรกของซีรีส์

ทีมงานสนุกกับการสร้างตัวละคร Terry และ Mai ให้เข้ากับตัวละครของเกม SF6 อย่างมาก

เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อที่แฟรนไชส์เกมต่อสู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์อย่าง Street Fighter จะไม่เคยมีตัวละครรับเชิญมาก่อนแม้แต่ Kratos จาก God of War ยังเคยปรากฏตัวใน Mortal Kombat, ปรมาจารย์ Yoda ก็เคยไปอยู่ใน Soul Calibur และเกม Super Smash Bros. Ultimate ตอนนี้ก็มีตัวละครที่มาจากนอกซีรีส์มากกว่าตัวละครภายในซีรีส์ตัวเองเสียอีก

แต่สำหรับตัวละคร Terry Bogard จาก Fatal Fury (ซึ่งก็ได้ไปอยู่ใน Smash ก่อนหน้านี้ด้วย) เขาจะเป็นตัวละครคนแรกจากแฟรนไชส์อื่นที่จะมาเป็นตัวละครที่เล่นได้ในซีรีส์ Street Fighter

ข่าวนี้ประกาศในงาน Summer Game Fest 2024 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปิดเผยซีซั่น 2 ของ Street Fighter VI นอกเหนือจากการกลับมาของ Elena จาก Street Fighter III และ M. Bison ตัวร้ายประจำของซีรีส์ ซีซั่นที่สองของเกมนี้เราจะได้เห็น Terry Bogard และนินจาสาว Mai Shiranui เข้าร่วมเกมด้วย ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือกับ SNK ที่เริ่มต้นขึ้นครั้งแรกในงาน Evo 2022 ซึ่งเป็นการกลับมาของงานแข่งขันเกมต่อสู้หลังจากยุคของโรคระบาดผ่านพ้นไป ซึ่งคุณ Toshiaki “Shinkiro” Mori และ Eisuke Ogura นักวาดภาพประกอบเกมต่อสู้ ได้สร้างภาพ “ยินดีต้อนรับกลับ” ที่ประกอบด้วยตัวละครจากทั้ง Street Fighter และ Fatal Fury มาประชันหน้ากัน

“มันเป็นที่นิยมมากและน่าตื่นเต้นจริงๆ” Takayuki Nakayama ผู้กำกับ Street Fighter 6 และ Shuhei Matsumoto โปรดิวเซอร์ ซึ่งตอนนี้เป็นตัวแทนของแฟรนไชส์ ให้สัมภาษณ์กับทีมงาน Kotaku ที่ Summer Game Fest ซึ่งทีมงานจากทั้งสองบริษัทได้พูดคุยกันต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และในที่สุดก็ตัดสินใจที่จะนำ Terry ซึ่งเป็นเหมือน Ken ของฝั่ง SNK มาสู่แฟรนไชส์คู่แข่ง ก่อนจะคุยกันถึงการสร้างตัวละครจากภายนอกจักรวาล Street Fighter นั้นเป็นอย่างไร?

“เมื่อต้องนำตัวละครรับเชิญที่ไม่ใช่ของค่าย Capcom หรือไม่ใช่ Street Fighter มาใส่ในเกม แน่นอนว่า เราต้องเคารพ IP และตัวละครเหล่านั้น และทำให้แน่ใจว่าแฟนๆ ของตัวละครเหล่านั้นจะชอบมัน” พวกเขากล่าว ในขณะที่ Terry และ Mai จะไม่แหกกฏไปจากกลุ่มตัวละครที่มีอยู่แล้ว ซึ่งจุดประสงค์ของการร่วมมือกันในครั้งแรกคือการนำบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์และสไตล์การต่อสู้ของพวกเขามาด้วย

ตัวอย่างเกมเพลย์ของ Terry Bogard จากเกม King of Fighters XV

Nakayama และ Matsumoto เลี่ยงที่จะตอบเมื่อถูกถามถึงรายละเอียดว่าสไตล์และท่าโจมตีของพวกเขาอย่างไร แต่เน้นย้ำว่าทีมงานมีไอเดียที่น่าตื่นเต้นอยู่แล้ว “Fatal Fury เป็นซีรีส์ที่มีมาอย่างยาวนานของ SNK ตัวละครอย่าง Terry ยังปรากฏตัวในเกมอื่นๆ เช่น King of Fighters ด้วยซึ่งเป็นซีรีส์ที่ดำเนินมานานเช่นกัน ทีมงานที่ทำ Street Fighter 6 ล้วนเป็นแฟนตัวยงของเกมต่อสู้ รวมถึงเกมอย่าง Fatal Fury และ King of Fighters พวกเขามีหลายสิ่งที่ต้องการนำมาใส่ในเกม สิ่งที่พวกเขาคิดว่าแฟนๆ ของ Terry และ Mai จะชอบ และนั่นคือสิ่งที่พวกเขากำลังทุ่มเทกันอย่างมาก”

แต่ก่อนที่ Terry และ Mai จะมาถึงในช่วงปลายปีนี้ ผู้เล่นจะได้สัมผัสกับ M. Bison หัวหน้าองค์กรอาชญากรรมที่เป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ มาตั้งแต่ Street Fighter II โดยในภาคที่แล้ว Ryu ได้สังหารเขาลงได้ในตอนท้าย แต่ก็เป็นไปตามที่ทุกคนคาดไว้ เขากลับมาแล้วและดูแปลกกว่าเดิม ชุดสุดโทรมของเขา ซึ่งตัดกับชุดเครื่องแบบทหารแบบดั้งเดิมของเขา ทำให้เขาได้รับฉายา “Bison จรจัด” จากบางคน และท่าโจมตีที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ก็ดูเหมือนจะโกงเกินไป

ตัวอย่างเกมเพลย์ของ M. Bison จากเกม SF6

“ในแง่ของเรื่องราวของเขาและสาเหตุที่เขาดูเป็นแบบนี้ คุณจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเมื่อคุณเล่นโหมด Arcade และพบเขาในโหมด World Tour” Nakayama และ Matsumoto กล่าว ในขณะที่นี่เป็นการกลับมาของเขาในซีรีส์ ท่าโจมตีใหม่ของ M. Bison ยังเป็นการกลับมาของความสามารถเก่าๆ ในรูปแบบใหม่ หนึ่งในนั้นคือ Ultra Combo ของเขาจาก Street Fighter IV ซึ่งตอนนี้กลายเป็น Super Art ใน Street Fighter 6 ในขณะที่ท่าอื่นๆ มีที่มาจากเรื่องราวและเล่ห์เหลี่ยมของบอสอาชญากรรม ซึ่งรวมถึงท่าที่วาง Psycho Mine ไว้บนคู่ต่อสู้ ซึ่งจะระเบิดหาก M. Bison ไม่โดนโจมตีเป็นระยะเวลาหนึ่ง

“มันเพิ่มแง่มุมของเกมจิตวิทยาในการเล่นของเขา และบังคับให้คู่ต่อสู้เล่นในรูปแบบแปลกไปจากที่เคย” พวกเขากล่าวขณะอธิบายความสามารถ Psycho Mine ที่เปลี่ยนเอฟเฟกต์และคอมโบการโจมตีของ M. Bison ในขณะที่มันทำงานอยู่ด้วย ทำให้จังหวะของการต่อสู้เปลี่ยนไปเช่นกัน เขายังเป็นนักสู้แบบ Hybrid Charge และ Command Input ซึ่งหมายความว่าความสามารถบางอย่างของเขาต้องใช้การกดปุ่มค้างไว้ ในขณะที่บางท่าก็เป็นเพียงลำดับง่ายๆ ตัวอย่างเช่น การโจมตี Double Knee Press อันโด่งดังของเขาตอนนี้จะเป็นการโจมตีแบบ “Fireball Motion” ซึ่งอาจทำให้เขาน่าสนใจสำหรับผู้เล่นใหม่มากขึ้น

นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยมของเกม หลังจากการเปิดตัวที่น่าผิดหวังของ Street Fighter V ซึ่งเต็มไปด้วยข้อร้องเรียนและโหมดที่ไม่สมบูรณ์ Street Fighter VI เป็นการกลับมาสู่รูปแบบเดิมทั้งในด้านพื้นฐานและอารมณ์เชิงบวกในหมู่แฟนๆ แม้ว่าจะเป็นเกมต่อสู้ที่มีรากฐานมาจากประวัติศาสตร์อันยาวนานของเกม Arcade และการแข่งขันแบบตัวต่อตัว แต่ Street Fighter ในยุคปัจจุบันก็เป็นแพลตฟอร์ม Live Service เช่นเดียวกับเกมอื่นๆ โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Akuma ก็ได้เข้าร่วมเกมไปเช่นกัน

ตัวอย่างเกมเพลย์ของ Akuma จากเกม SF6

Nakayama และ Matsumoto ชี้ให้เห็นถึงข้อมูลทั้งหมดที่พวกเขารวบรวมจากผู้เล่นที่พวกเขาทดลองกับอีเวนต์ออนไลน์เพื่อช่วยให้เกมพัฒนาขึ้น “เราเปิดเผยข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่ามีการแข่งขันประมาณ 2 หมื่นล้านครั้งเกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งน่าประหลาดใจมาก” พวกเขากล่าว “เมื่อเราจัดอีเวนต์ Raid Boss กับ Akuma ใน Battle Hub มันได้รับความนิยมอย่างมาก ทำให้เราตระหนักว่ามีโอกาสมากขึ้นในการทำให้ผู้คนตื่นเต้นกับกิจกรรมแบบนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการสำรวจในอนาคตอันใกล้”

ต่อมาทีมงานก็ให้สัมภาษณ์ถึงการดูว่าผู้เล่นชอบและไม่ชอบอะไรนั้นง่ายกว่าที่เคย และพวกเขาไม่เคยรู้สึกว่ามีข้อมูลมากเกินไป หรือพวกเขาอยากจะกลับไปสู่ยุคที่นักพัฒนาไม่ได้รับฟีดแบ็กและพฤติกรรมของชุมชนมากเลย “มันน่าตื่นเต้นมากที่ได้เห็นทุกคนสนุกกับการเล่นเกมและดูว่าผู้คนสนใจอะไร”

Street Fighter 6 dev talk about bison and guest character 04

สิ่งหนึ่งที่ผู้เล่นบางคนไม่สนุกด้วยตลอดมาคือโมเดล Microtransaction ที่รุนแรงของเกม Street Fighter 6 ซึ่งบางครั้งความไม่พอใจก็ปะทุขึ้นเมื่อ Capcom ขอให้ผู้เล่นจ่ายเงินสำหรับบางสิ่งที่พวกเขารู้สึกว่ามันน้อยเกินไป เช่น ชุดสีต่างๆ นอกจากนี้ยังไม่มีวิธีจ่ายเงินในจำนวนที่แน่นอนสำหรับการซื้อสินค้าในเกมจำนวนมาก เนื่องจากผู้เล่นต้องซื้อ Fighter Coins ในจำนวนที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งมักจะทำให้พวกเขามีเงินพรีเมียมเหลือเป็นเศษๆ อยู่

“คนดูเหมือนจะสนใจคอนเทนต์ที่ซื้อได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวละครใน Fighting Ground Mode” พวกเขากล่าว “และเราเห็นความสนใจอย่างมากต่อสิ่งนั้น ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่เราจะพิจารณาต่อไปและดูว่ามีอะไรใหม่ๆ ที่เราสามารถทำได้ แต่ในแง่ของระบบ มันอาจจะยังคงต้องเป็นแบบนี้ต่อไป”

เมื่อลองทำความเข้าใจจากคำตอบของทีมงานแล้ว ก็ทำให้เข้าใจได้ว่ามันก็เหมือนกับระบบ Micro Transaction ในเกมอื่นๆ นั่นแหละ ซึ่งก็คือ แม้ว่าจะมีคนเกลียดมัน แต่ก็มีคนซื้อมันมากพอที่จะทำให้ระบบนั้นดำเนินได้ต่อไป

ที่มา
Kotaku
Back to top button