ข่าวธุรกิจเกม

ผู้พัฒนาเกมมือถือแดนปลาดิบเริ่มหันมาพัฒนาลงคอนโซลและพีซีแล้ว

หลังตลาดเกมมือถือพบปัญหาแย่งชิงตลาดกันอย่างหนัก

ทุกคนคงทราบแล้วว่าตลาดเกมที่บูมที่สุดในตอนนี้ก็คือตลาดเกมมือถือ เนื่องจากมือถือเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ทุกคนมีอยู่กับตัว แถมยังพกพาไปไหนด้วยตลอด โดยเกมมือถือเหล่านี้มักจะอยู่ได้ด้วยระบบกาชาที่ทำให้ผู้เล่นต้องเสียเงินในการเล่นเรื่อย ๆ มากกว่าการซื้อเกมมาเล่นเพียงครั้งเดียวแล้วจบไป

ตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมาตลาดเกมมือถือเติบโตอย่างรวดเร็ว เกมบนสมาร์ทโฟนได้แทรกซึมอยู่ในชีวิตของผู้คนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้บริษัททั้งหลายเห็นวิธีการทำเงินมหาศาลจากเกมมือถือ อย่างไรก็ตามล่าสุดมีรายงานเข้ามาว่าผู้พัฒนาเกมมือถือในญี่ปุ่นเริ่มพัฒนาเกมลงคอนโซลและพีซี พร้อมกับกำลังถอยห่างจากตลาดเกมมือถือทีละเล็กทีละน้อย

สาเหตุที่ทำให้บริษัทพัฒนาเกมเหล่านี้เริ่มหันกลับมาหาเกมพีซีและคอนโซลมากขึ้น ก็เพราะว่า ณ ตอนนี้ตลาดเกมมือถือพบปัญหาแย่งชิงตลาดกันอย่างหนัก โดยเกมฮิตที่เปิดให้บริการมาอย่างยาวนานก็ยังคงครองตลาดได้ด้วยฐานผู้เล่นจำนวนมาก ในขณะที่เกมเปิดใหม่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแย่งชิงฐานผู้เล่นเหล่านั้นมาได้

image 1069

ส่วนตัวผู้เขียนมองว่าการเล่นเกมก็คล้ายกับการลงทุน เมื่อผู้เล่นได้ทุ่มทุนของตนเองลงไปกับเกมใดเกมหนึ่งแล้ว (ซึ่งแน่นอนว่าหลาย ๆ คนไม่ใช่แค่หลักร้อย หรือหลักพัน แต่เป็นหลักหมื่น หรือแสนก็มี) ทำให้การที่พวกเขาจะยอมทิ้งเกมที่ลงเงินไปแล้วเพื่อมาเล่นเกมใหม่นั้นเป็นไปได้ยากมาก ๆ ซึ่งถ้าจะเป็นอย่างนั้นได้ก็คงต้องใช้เวลายาวนานพอสมควร (หรือพวกเขาก็ต้องยอมขายไอดีไป) โดยตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในตอนนี้ก็คือ Genshin Impact , Pokémon GO รวมไปถึง Ragnarok M: Eternal Love ที่หลาย ๆ คนยังคงเล่นตั้งแต่วันที่เกมเปิดวันแรก

เว็บไซต์ yahoo.com ได้เผยว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา LINE: Disney Tsum Tsum , Monster Strike , Pokémon GO , Puzzle & Dragons และ Fate/Grand Order ยังคงครอง Top 10 บนตลาดเกมมือถือญี่ปุ่นมาโดยตลอด อีกทั้งจากข้อมูลของเครื่องมือวิเคราะห์แอปพลิเคชั่นเกม “iGage” ที่จัดทำโดย Game Age Research Institute จำนวนเกมที่ติดอันดับ 500 อันดับแรกอย่างน้อย 1 ครั้งคือเป็นเกมที่เปิดตัวในปี 2020 จำนวน 176 เกม เกมปี 2021 จำนวน 159 เกมและ เกมปี 2022 จำนวน 135 เกม ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเกมยุคใหม่นั้นติดโผ 500 เกมฮิตน้อยลงเรื่อย ๆ และมีแนวโน้มที่จะเป็นแบบนี้ต่อไป

แน่นอนว่าการครองตำแหน่งเกมแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในชาร์ตเพลงฮิต , ภาพยนตร์บ็อกซ์ออฟฟิศ , หนังสือขายดี หรือแม้แต่เกมพีซีและคอนโซล ที่จะมีการผลัดมือให้พื้นที่สำหรับเกมใหม่ ๆ ได้มีโอกาสในการขึ้นครองตำแหน่งอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเกมที่ได้รับความนิยมในแต่ละปีจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ และผู้พัฒนาเกมก็ได้รับรายได้จากการขายเกม + ส่วนขยายต่าง ๆ หรือ DLC อีกด้วย

อีกองค์ประกอบหนึ่งที่ทำให้หลาย ๆ ผู้พัฒนาเกมต้องถอยทัพก็เพราะว่าจากการสำรวจราคาตลาดของอุตสาหกรรมแล้ว การที่เราจะพัฒนาเกมสมาร์ทโฟนระดับบิ๊กได้ จะต้องใช้เงินอย่างน้อย 1 พันล้านเยน (มากกว่า 250 ล้านบาท) นั่นแปลว่าหากปล่อยเกมออกมาแล้วเกิดไม่ฮิต หรือไม่มีคนสนใจมากพอ ก็เสี่ยงที่จะขาดทุนเอาง่าย ๆ เช่นกัน

ซึ่งจากสถานการณ์ข้างต้นเราก็พอที่จะสรุปได้ว่า “ตลาดมันใหญ่ แต่มีพื้นที่ให้เกมใหม่เล็ก” ทำให้ในตอนนี้เหล่าผู้พัฒนาเกมจึงหันมาทางพีซีและคอนโซลมากขึ้นนั่นเอง

ที่มา
yahoo.co.jp

Youryu

นักผจญเกมที่ไม่จำกัดประเภทและแพล็ตฟอร์ม
Back to top button