กลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจเลยทีเดียวครับ เมื่อล่าสุดทางคุณ Hironobu Sakaguchi ผู้สร้างเกม Final Fantasy ได้ออกมาเผยถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ “เกมญี่ปุ่นมีคุณภาพตกลงไปจากเดิม”
ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 เกมญี่ปุ่นอย่าง Final Fantasy VII , Chrono Trigger หรือ Castlevania กลายเป็นเกมที่อยู่ในระดับ “ห้ามพลาด” แต่ในตอนนี้สถานการณ์กลับเปลี่ยนแปลงไปอย่าง Final Fantasy XIII ล้มเหลวในการทำยอดขายในขณะที่เกม RPG ตะวันตกอย่าง Skyrim กลับเติบโตขึ้นอย่างมาก โดยหลายคนอาจจะมองว่าการเล่าเรื่องแบบดั้งเดิมในรูปแบบเส้นตรงเป็นสิ่งที่น่าสนใจ แต่คุณ Sakaguchi กลับมองว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจาก “การเปลี่ยนแปลงอย่างมากในฮาร์ดแวร์ที่ใช้ในการเล่นเกมที่สร้างความยากลำบากให้กับนักพัฒนาชาวญี่ปุ่นที่จะทำตามได้”
“คอนโซลเฉพาะที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่น ช่วยให้นักพัฒนาชาวญี่ปุ่นเชี่ยวชาญด้านฮาร์ดแวร์ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเราสามารถถาม Nintendo หรือ Sony ได้โดยตรงเป็นภาษาญี่ปุ่น” คุณ Sakaguchi ให้สัมภาษณ์กับทาง IGN “นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเกมของญี่ปุ่นในตอนนั้นมีคุณภาพที่สูงกว่า ณ เวลานี้ และด้วยสาเหตุนี้ส่งผลให้เกมญี่ปุ่นถูกมองว่าสนุกมากขึ้น แต่เมื่อฮาร์ดแวร์พัฒนาได้ง่ายขึ้น สิ่งต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว”
Koji Igarashi โปรดิวเซอร์ของ Castlevania กล่าวเพิ่มเติมว่าประวัติศาสตร์อันยาวนานของวัฒนธรรมพีซีในฝั่งตะวันตกได้รับการปรับให้เข้ากับเทรนด์ฮาร์ดแวร์ที่จะตามมาในปี 2000 ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ยังคงดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้ “และด้วยสาเหตุนี้ทำให้นักพัฒนาชาวญี่ปุ่นไม่สามารถพึ่งพาความสามารถพิเศษในฐานะนักพัฒนาเกมคอนโซลได้อีกต่อไป เพราะพวกเขาต้องเชี่ยวชาญในการพัฒนาเกมพีซีด้วย”
นอกจากนี้คุณ Sakaguchi ยังพูดถึงปัญหาความแตกต่างด้านวัฒนธรรม เพราะในทางฝั่งตะวันตก เด็ก ๆ มักจะมีห้องนอนแยกเป็นของตัวเองตั้งแต่เล็ก ๆ แต่ในทางตรงกันข้าม ฝั่งญี่ปุ่นนั้นเด็ก ๆ ชาวญี่ปุ่นยังต้องนอนห้องเดียวกับพ่อแม่ ซึ่งจุดนี้ก็ส่งผลถึงการเข้าถึงเกม รวมไปถึงประสบการณ์การเล่นเกมที่แตกต่างไปจากเด็กฝั่งตะวันตกที่มีห้องของตนเองอย่างเห็นได้ชัดเจน
เรียกได้ว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวครับ ผู้อ่านมีความเห็นอย่างไรก็มาคอมเมนต์แสดงความเห็นกันได้เลยนะครับ
