[รีวิว] The Callisto Protocol – คุกอวกาศมรณะ เชื้อไวรัสมหากาฬ

The Callisto Protocol เป็นเกมเอาตัวรอดที่มีเนื้อหาอยู่ในโลกอนาคตปี 2320 บนดวงจันทร์ของดาวพฤหัสบดีที่มีการก่อตั้งสำนักงานวิจัยอยู่ กระทั่งเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้สัตว์ประหลาดไล่ฆ่าผู้คน และผู้เล่นก็จะต้องหนีออกจากคุกนรกแห่งนี้พร้อมตามหาเบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมด โดยเกมเพลย์มีการผสมผสานระหว่างความเป็นแอ็กชั่น ความน่ากลัว และโลกที่ชวนให้เราดำดิ่งไปสู่ความสยองขวัญรูปแบบใหม่

ในวันนี้ผู้เขียนได้เข้าผผจญภัยในคุกมรณะ ณ The Callisto Protocol เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และก็ไม่พลาดที่จะนำรีวิวมาให้ได้อ่านกันครับ

อนึ่ง… การรีวิวนี้เกิดขึ้นบน PS5 ระหว่างวันที่ 1-4 ธันวาคม 2565 หากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้า ข้อสังเกตบางข้ออาจมีการแก้ไขเรียบร้อยแล้วก็เป็นได้

ผจญภัยในดาวมรณะแบบสมจริง และไม่มีสะดุด

ต้องขอบอกเลยว่า The Callisto Protocol เป็นอีกหนึ่งเกมที่จะยกตำแหน่ง “เกมสยองขวัญกราฟิกงามแห่งปี 2023” ให้เป็นอย่างมาก โดยส่วนตัวของผู้เขียนมองว่าเกมนี้เป็นอีกหนึ่งเกมที่ถูกสร้างรายละเอียดของกราฟิกออกมาได้น่าประทับใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นโมเดลหน้าตาของตัวละครภายในเกมที่มีบทบาทสำคัญเมื่อเวลาที่กล้องซูมเข้าไปดูใกล้ ๆ ผู้เขียนรู้สึกว่ามีความคล้ายกับมนุษย์จริง ๆ อยู่พอสมควร รวมไปถึงพื้นผิวของโมเดลต่าง ๆ ภายในเกมไม่ว่าจะเป็น พื้นผิวของชุด , พื้นผิวของสิ่งปลูกสร้าง , พื้นผิวของศพ และอื่น ๆ ที่ทำออกมาได้สวยงามสมจริง

ในขณะเดียวกันเนื่องด้วยผู้เขียนได้ทดสอบเกมนี้บนเครื่องเล่นเกม PlayStation 5 ทำให้ผู้เขียนพบว่าความลื่นไหลในการเล่นเกมนี้อยู่ในระดับที่ดีมาก ๆ ไม่มีอาการกระตุกเลยแม้แต่น้อย ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่สำคัญมาก ๆ เพราะในเกมนี้ผู้เล่นจำเป็นที่จะต้องหลบหลีกการโจมตีของศัตรูและใช้การโจมตีสวนกลับ ซึ่งหากมีอาการกระตุกเพียงนิดเดียวโอกาสที่ผู้เล่นจะหลบการโจมตีไม่พ้นก็มีสูงมากซึ่งส่งผลต่อการเล่นเกมโดยตรง อีกทั้งตลอดการเล่นเกมนี้ผู้เขียนยังไม่เจอปัญหาเกมแครช หรือเกมหลุดแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามจุดที่ผู้เขียนค่อนข้างให้ความสนใจก็คือ ภายในเกมนี้จะมีหลาย ๆ ฉากที่ค่อนข้างมืด และจะมีแสงไฟกระพริบอยู่พอสมควร ฉะนั้นผู้เล่นบางคนที่มีอาการแพ้แสงหรือมีอาการแพ้การกระพริบของแสงแบบนี้อาจจะมีอาการมึนหัวและเล่นได้ยากพอสมควรครับ

เกมเพลย์เลือดสาดสะใจ ถูกใจสายสยองขวัญดิบเถื่อนแน่นอน

สิ่งแรกที่ผู้เขียนต้องบอกก่อนว่าเกมนี้เป็นเกมที่สร้างโดยผู้พัฒนาเกม Dead Space ทำให้เกมนี้ยังมีกลิ่นอายจากเกมเดิมที่พวกเขาเคยพัฒนาอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของสัตว์ประหลาดต่าง ๆ รูปแบบของปืน หรือแม้กระทั่งเรื่องราวบางส่วน ฉะนั้นในส่วนของเกมเพลย์นั้นผู้เล่นจะได้เจอกับความสะใจเลือดสาดชนิดว่าใครกลัวเลือดต้องปาจอยแน่นอน

เกม The Callisto Protocol เป็นเกมที่เน้นให้ผู้เล่นเข้าโจมตีในระยะประชิดเป็นหลัก ผู้เล่นจะต้องคอยหลบการโจมตีของศัตรูจากนั้นก็โจมตีสวนกลับด้วยอาวุธระยะประชิดประจำตัวอย่างไม้กระบองไฟฟ้า Baton ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่แค่ผู้เล่นที่จะโจมตีสวนกลับศัตรูได้ เพราะศัตรูก็สามารถป้องกันการโจมตีของเราและโจมตีสวนเราได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามไม้กระบองไฟฟ้าไม่ใช่อุปกรณ์เดียวที่ผู้เล่นสามารถใช้งานได้ภายในเกมนี้ ผู้เล่นมีโอกาสได้ใช้ปืนซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งอาวุธในการต่อสู้กับพวกกลายพันธุ์ รวมไปถึงยังมีถุงมือที่ทำให้ผู้เล่นใช้ยึดจับศัตรูหรือสิ่งของในระยะไกลพร้อมปามันไปไกล ๆ ได้ ทำให้ผู้เล่นสามารถผสมผสานการใช้อุปกรณ์ทั้ง 3 อย่างนี้เข้าด้วยกัน เกมนี้จึงกลายเป็นเกมสยองขวัญที่ให้ความรู้สึกแอ็กชั่นอยู่พอสมควร

สำหรับในแง่มุมของเลือดสาดก็ต้องยอมรับเลยว่าเกมนี้ทำได้ถึงใจถึงไส้ถึงพุงจริง ๆ ครับ เพราะภายในเกมผู้เล่นจะได้เห็นศพที่อวัยวะฉีกขาดแบบเต็ม ๆ รวมไปถึงเห็นเครื่องใน (แม้ว่าจะไม่ชัดเจนเท่าไหร่) อีกทั้งในการโจมตีของผู้เล่นก็จะได้เห็นเลือดที่สาดกระเซ็นเต็มจอไปหมด รวมไปถึงฉากตายของตัวละครพระเอกของเรา ก็เรียกได้ว่าทำออกมาได้สะใจผู้ที่เสพย์ติดความสยองขวัญชนิดที่ว่ายิ่งเห็นแขนขาดหัวขาดก็ยิ่งกรี๊ดแตกจะต้องประทับใจอย่างแน่นอน 

การใส่หูฟังคือการเพิ่มระดับความสยองขวัญแบบสุด ๆ

The Callisto Protocol เป็นเกมที่ทางผู้พัฒนายืนยันว่า “หากใส่หูฟังเล่นเกมจะเพิ่มประสบการณ์การเล่นเกมที่สูงมาก ๆ” แน่นอนว่าผู้เขียนก็ไม่พลาดที่จะทดลองใส่หูฟังและะเอาชีวิตรอดภายในเกมนี้ ซึ่งผลที่ออกมาก็เรียกได้ว่า “สุดยอดไปเลย!”

ในขณะที่ไม่ใส่หูฟังนั้นผู้เล่นจะได้ยินเสียงทั้งหมดผ่านลำโพงโทรทัศน์ หรือลำโพงอื่น ๆ ที่ผู้เล่นใช้งาน รวมไปถึงจะมีการใช้เสียงออกมาจากจอย DualSense อีกด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อผู้เล่นใส่หูฟังเข้าไป เสียงที่ผู้เล่นได้ยินนั้นจะมีความละเอียดค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นเสียงฝีเท้าของทุกสิ่งรอบตัว เสียงหายใจที่แผ่วเบา เสียงเสื้อผ้าขูดกับสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ รวมไปถึงเสียงมีระยะใกล้-ไกลอย่างชัดเจน ซึ่งหากผู้เล่นคนใดต้องการยกระดับความสยองขวัญขอแนะนำให้ใส่หูฟังเล่นรับรองว่าสะใจแน่นอนครับ 

องค์ประกอบเสริมอีกเพียบที่จะช่วยให้การผจญภัยสนุกมากยิ่งขึ้น 

นอกเหนือจากองค์ประกอบหลัก ๆ ด้านบนที่ผู้เขียนได้ระบุไปแล้ว ภายในเกมนี้ยังมีองค์ประกอบที่น่าสนใจให้ผู้เล่นได้ใช้งานอีกพอสมควร โดยเฉพาะในเรื่องของจอย DualSense ที่บอกได้เลยว่าใช้งานได้คุ้มค่าสะใจมาก ๆ โดยเฉพาะระบบ Haptic Feedback ที่สั่นจนคุ้มค่าราคาจอยมาก ๆ โดยเริ่มต้นสั่นตั้งแต่การเลือกเมนูหน้าจอไตเติ้ล รวมไปถึงยังมีการใช้เสียงจากลำโพงของจอยอีกด้วย

ในส่วนของการตั้งค่าช่วยเหลือการเล่นเกมบอกได้เลยว่ามีตัวเลือกให้ผู้เล่นได้ใช้งานจำนวนมาก โดยนอกเหนือจากผู้เล่นที่มีความต้องการพิเศษแล้ว ยังมีตัวเลือกสำหรับผู้เล่นที่อาจจะไม่เชี่ยวชาญการเล่นเกมแอ็กชั่น ก็มีระบบอัตโนมัติให้ใช้งานด้วย เช่น การหลบหลีกอัตโนมัติ , การเล็งเป้าอัตโนมัติ , การโจมตีต่อเนื่อง รวมไปถึง กด Quick Time Event ง่ายขึ้น หรือจะให้ช่วยกดออโต้ไปเลยก็ได้ ทำให้การเล่นเกมนี้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าหากผู้เล่นท่านใดชื่นชอบความท้าทายก็สามารถปิดตัวช่วยเหล่านี้และผจญภัยด้วยมือของตนเองได้เช่นกัน

นอกจากนี้ตัวเกมยังมีระบบอัปเกรดอาวุธให้เราได้ใช้งานด้วย ฉะนั้นตัวละครของผู้เล่นก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เมื่อดำเนินเรื่องราวไปเรื่อย ๆ ทำให้การเล่นเกมนี้ท้าทายมากขึ้น แต่ก็ไม่ยากจนเกินไปครับ

สรุปรีวิว

The Callisto Protocol เป็นเกมเอาชีวิตรอดสยองขวัญที่มีส่วนผสมของแอ็กชั่นอยู่ในระดับหนึ่ง โดยเกมนี้มาพร้อมกราฟิกที่สวยงาม , เกมเพลย์ไหลลื่น (บน PS5) อีกทั้งเกมนี้ยังมีกลิ่นอายของเกม Dead Space อยู่พอสมควร หากผู้อ่านคนใดกำลังมองหาเกมสยองขวัญเลือดสาด ก็มาเล่นเกมนี้ได้เลยครับ

ส่วนตัวผู้เขียนขออนุญาตให้คะแนนเป็น 2 แบบแล้วกันครับ โดยในมุมของผู้เล่นที่ชอบเกมสยองขวัญเลือดสาด ไม่ซีเรียสว่าเกมจะต้องมีระบบใหม่ ๆ ให้ตื่นเต้นมากเท่าไหร่ ผู้เขียนให้คะแนนอยู่ที่ 8.5 เต็ม 10 แต่ในขณะดียวกันหากมองในแง่ของผู้เล่นที่ต้องการพบเจออะไรใหม่ ๆ หรือไม่ชอบที่เกมมีความคล้ายคลึงกับ Dead Space มากเกินไป คะแนนจะอยู่ที่ 7 เต็ม 10 ครับ ซึ่งผู้เขียนขอย้ำว่า รีวิวนี้ รวมถึงคะแนนนี้เป็นมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น แฟนเกมคนอื่น ๆ อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันก็ได้ครับ

จุดเด่น

• กราฟิกสวยงาม เลือดสาด ฉากตายดุดันสะใจ
• Jump Scare อยู่ในระดับดี สะดุ้งได้หลายจุด
• ตัวเลือกช่วยเหลือค่อนข้างดี

ข้อสังเกต

• ชั่วโมงการเล่นถือว่าสั้น (เล่นธรรมดาประมาณ 10 ชั่วโมง หรือน้อยกว่าก็จบแล้ว)
• ยังไม่มีอะไรแปลกใหม่ให้ได้ตื่นเต้นเท่าไหร่
• แอบคล้าย Dead Space อยู่มากเกินไป

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Krafton​  ที่เอื้อเฟื้อเกมดีๆ เกมมันส์ๆ มาให้พวกเราได้รีวิวกันในครั้งนี้ด้วยนะครับ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…

เว็บไซต์ทางการ : https://callisto.sds.com

ภาพ Screenshots เพิ่มเติม