รีวิวรีวิว / พรีวิวเทคโนโลยี

[รีวิว] iQOO 13 5G เกมมิ่งโฟนสุดแรงที่เกมเมอร์จะต้องหลงรัก

โดดเด่นครบทุกด้านที่เกี่ยวกับการเล่นเกม

iQOO 13 5G เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนรุ่นแรกในวงการที่มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite ตัวแรงที่สุด ณ ตอนนี้ ร่วมด้วยชิปกราฟิก Q2 เพิ่มประสิทธิภาพด้านการแสดงผลให้ภาพคมชัดและลื่นไหล แต่ความน่าสนใจของรุ่นนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่ประสิทธิภาพของชิปเท่านั้น สิ่งที่ทำให้ iQOO 13 โดดเด่นคือราคาที่จับต้องได้ เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงอื่น ๆ ที่ใช้ชิปเซ็ตรุ่นเดียวกัน

iQOO 13 5G มีสองสี ขาว Legend และ ดำ Alpha โดยราคาจะอยู่ที่

  • แรม 12GB รอม 256GB ราคา 27,900 บาท
  • แรม 16GB รอม 512GB ราคา 30,900 บาท

tig-iqoo-13-review

นอกจากประสิทธิภาพระดับสูง iQOO 13 5G ยังมาพร้อมกับการออกแบบที่ครบครัน ตอบโจทย์ทุกความต้องการในราคาที่แข่งขันได้อย่างเหลือเชื่อ แม้ว่า iQOO จะเป็นแบรนด์ย่อยของ vivo ที่มุ่งเน้นกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการความคุ้มค่า แต่ก็ไม่ได้ลดทอนคุณภาพของการรุ่นนี้ลงแต่อย่างใด อีกทั้งยังมีการรองรับซอฟต์แวร์ในระยะยาว เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจในความคุ้มค่าของการใช้งาน

tig-iqoo-13-review

และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือความสามารถในการเล่นเกมของ iQOO 13 5G ที่มีการอัดฟีเจอร์มาให้ครบครัน และที่เราให้ความสนใจมากที่สุดคงหนีไม่พ้นการปรับแต่งการแสดงผลภายในเกมทำให้สามารถเพิ่มเฟรมเรทจากเดิมที่ตัวเกมมีให้ โดยดันเฟรมเรทที่มีให้ได้สูงสุดถึง 144Hz ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น พร้อม Ultra Game Mode ที่รวบรวมเครื่องมือในการติดตามประสิทธิภาพของตัวเครื่องในการเล่นเกมได้ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงค่าเฟรมเรท ณ ขณะนั้น หรือจะเป็นการปรับโหมดการแสดงผลความละเอียดของภาพภายในเกมที่ถูกยกระดับขึ้นอีกขั้น ว่าแต่จะมีอะไรที่น่าสนใจอีกบ้างเราไปหาคำตอบกันเลย

Design

iQOO 13 5G ยังคงใช้ดีไซน์ที่คล้ายกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง iQOO 12 ความแตกต่างระหว่างสองรุ่นนี้ถือว่าเล็กน้อย เช่น การจัดวางกล้องที่เปลี่ยนไป แต่ยังคงใช้แนวคิดการออกแบบกล้องหน้าแบบ Island ที่ใกล้เคียงกัน

tig-iqoo-13-review

อย่างไรก็ตาม iQOO 13 5G ได้ยกระดับเรื่องความทนทานขึ้นมาอีกขั้น โดยเปลี่ยนจากมาตรฐาน IP64 ใน iQOO 12 มาเป็น มาตรฐาน IP68 และ IP69 ในรุ่นนี้ ทำให้ตัวเครื่องสามารถกันน้ำและฝุ่นได้อย่างเต็มที่

tig-iqoo-13-review

iQOO 13 5G ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนแบบ กระจกสองด้าน โดยใช้กระจก Schott Xensation Alpha ที่ด้านหน้า กระจกด้านหลังแบบด้าน และกรอบด้านข้างที่ทำจากอะลูมิเนียม ซึ่งกรอบด้านข้างมาพร้อมพื้นผิวมันเงา ขณะที่ฝาหลังให้สัมผัสแบบด้านที่ไม่เก็บรอยนิ้วมือ

tig-iqoo-13-review

ตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Alpha (ดำ) และ Legend (ขาว) ซึ่งมาพร้อมกับ BMW M โดยเฉพาะสำหรับเวอร์ชัน Legend ที่เรานำมาทดสอบ

ซึ่งสีขาว Legend อันได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถแข่ง BWM M Series โดยเฉพาะลายเส้นสามสีที่เป็นเอกลักษณะฝาหลังทําจากกระจกสีขาวแบบด้านให้สัมผัสที่เรียบเนียนและดูหรูหรา

tig-iqoo-13-review

แม้จะดูหรูหรา แต่ตัวเครื่องค่อนข้างลื่นเมื่อถือในมือโดยไม่มีเคส ฝาหลังที่เนียนเรียบช่วยป้องกันรอยนิ้วมือได้ดี แต่กรอบด้านข้างกลับดูดรอยนิ้วมือได้ง่าย แม้จะช่วยเพิ่มการยึดเกาะได้บ้างก็ตาม

tig-iqoo-13-review

หนึ่งในฟีเจอร์ที่ไม่เหมือนใครของ iQOO 13 5G คือ Monster Halo Light ซึ่งเป็นไฟ RGB ที่ล้อมรอบกล้องหลัง ไฟนี้จะสว่างขึ้นเมื่อเปิดเครื่องหรือชาร์จแบตเตอรี่ และยังสามารถแสดงการแจ้งเตือนเรียลไทม์สำหรับสายเรียกเข้าและข้อความ หรือแม้กระทั่งการเล่นเกม

tig-iqoo-13-review

อีกสิ่งที่น่าสังเกตคือ IR Blaster ที่ย้ายตำแหน่งมาอยู่ในส่วนกล้องหลัง แทนที่จะวางไว้ที่กรอบด้านบนเหมือนรุ่นก่อน

นอกจากนี้ iQOO 13 5G ยังมาพร้อมกับ NFC ที่ช่วยให้การใช้งานการจ่ายเงินแบบ cashless ได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องจับเครื่องในมุมที่เจาะจง เพราะสามารถใช้ทั่วทั้งตัวเครื่องเป็นตำแหน่งในการจ่ายกับเครื่องต้นทางได้

เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือที่ใช้ในรุ่นก่อนถูกเปลี่ยนจากระบบ Optical มาเป็น Ultrasonic ซึ่งให้ความเร็วและความแม่นยำมากกว่า โดยตำแหน่งการวางเซ็นเซอร์ก็อยู่ในจุดที่ใช้งานได้สะดวก

tig-iqoo-13-review

แม้ iQOO 13 5G จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงดีไซน์อย่างชัดเจน แต่การปรับปรุงในด้านการใช้งานจริง เช่น เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือ NFC รอบทิศทาง และมาตรฐานกันน้ำ IP68 และ IP69 ช่วยเพิ่มความสมบูรณ์แบบให้กับสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี

Display

iQOO 13 5G มาพร้อมกับหน้าจอที่ขยายขนาดเล็กน้อยจากรุ่นก่อน โดยมีขนาด 6.82 นิ้ว เพิ่มขึ้นจาก 6.78 นิ้ว ใน iQOO 12 และยังอัปเกรดความละเอียดเป็น 1,440 x 3,168 พิกเซล ทำให้ได้ภาพที่คมชัดยิ่งขึ้น

tig-iqoo-13-review

แน่นอนว่าอีกหนึ่งสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปนอกจากความละเอียดที่อัปเกรดขึ้นมาแล้ว การได้รับประสบการณ์ภาพที่ความละเอียดระดับ 2K 144Hz ย่อมดีกว่ารุ่นก่อนที่ 1.5K 144Hz ในแง่ของการนำไปใช้เพื่อรับชมสื่อต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นเกม

tig-iqoo-13-review

iQOO 13 5G ใช้หน้าจอ BOE Q10 8T LTPO OLED พร้อมขอบจอที่บางมากจนแทบมองไม่เห็น ทำให้ตัวเครื่องดูสวยงามในมือ นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Ultra Eyecare Display หน้าจอถนอมสายตาขั้นสูง ที่ช่วยลดแสงสะท้อนจากหน้าจอ ทำให้การมองเห็นกลางแจ้งชัดเจนและลดการเพ่งสายตาของผู้ใช้งาน

ในการทดสอบ เราพบว่าเมื่อเปิดโหมดเพิ่มความสว่าง (Brightness Boost) หน้าจอสามารถเพิ่มความสว่างได้สูงสุดถึง 1,800 nits ซึ่งนับว่าเหมาะสมและเพียงพอสำหรับการใช้งานกลางแจ้งในวันที่แดดจ้า ซึ่งโหมดการปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติถือว่าทำได้ฉลาดและสอดคล้องกับสภาพแวดล้อม

tig-iqoo-13-review

iQOO 13 5G มาพร้อมกับ โหมดการตั้งค่า Refresh Rate ดังนี้:

  • Standard: จำกัดการทำงานที่ 60Hz
  • High: รองรับสูงสุด 144Hz โดยผู้ใช้งานสามารถบังคับให้แอปพลิเคชันที่ต้องการ ใช้งาน 144Hz ได้
  • Auto: ปรับอัตรารีเฟรชตามสถานการณ์ โดยสามารถลดลงถึง 1Hz เมื่อหน้าจอไม่มีความต้องการตอบสนอง เช่น ในระหว่างการดูรูปภาพหรือการพักหน้าจอ
tig-iqoo-13-review

อย่างไรก็ตาม ในโหมด Auto เราพบข้อจำกัดบางอย่าง เช่น บน Opera จะถูกจำกัดที่ 90Hz และใน YouTube แม้จะรองรับ LTPO แต่ระบบไม่ได้แสดงผลตามเฟรมเรทที่รับชมอย่างที่ควรจะเป็น

tig-iqoo-13-review
tig-iqoo-13-review
tig-iqoo-13-review

หน้าจอของ iQOO 13 5G ไม่เพียงเพิ่มขนาดและความละเอียดให้โดดเด่นขึ้น แต่ยังมาพร้อมเทคโนโลยีที่รองรับการใช้งานกลางแจ้งได้ดีขึ้นและการปรับอัตรารีเฟรชเพื่อประหยัดพลังงาน แม้จะมีข้อจำกัดเล็กน้อยในบางแอป แต่โดยรวมถือว่าหน้าจอนี้ตอบโจทย์ทั้งด้านความสวยงามและประสิทธิภาพได้อย่างยอดเยี่ยม

Performance

iQOO 13 5G เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมกับขุมพลัง Snapdragon 8 Elite ของ Qualcomm ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากรุ่นก่อน ที่เคยอิงสถาปัตยกรรม ARM โดยตรง ชิปเซ็ตนี้ใช้เทคโนโลยีการผลิต 3nm และปรับแต่งเองทั้งหมด เพื่อท้าชนกับคู่แข่งอย่าง MediaTek Dimensity ที่เน้นโครงสร้างแบบ big-core

tig-iqoo-13-review

Snapdragon 8 Elite ใช้ Oryon แบบใหม่ 2 แบบ ได้แก่

  • Prime Oryon V2 Phoenix L จำนวน 2 คอร์ ซึ่งทำงานด้วยความเร็วสูงถึง 4.32GHz
  • Performance Oryon V2 Phoenix M อีก 6 คอร์ ทำงานที่ 3.53GHz

ด้านกราฟิก ชิปเซ็ตมาพร้อมกับ Adreno 830 ซึ่งใช้สถาปัตยกรรมใหม่แบบ slice design ที่ทำงานด้วยความเร็วสูงสุด 1.1GHz

tig-iqoo-13-review

นอกเหนือจาก Snapdragon 8 Elite แล้ว iQOO 13 ยังมาพร้อมกับ Supercomputing Q2 ที่พัฒนาขึ้นจากรุ่น Q1 ใน iQOO 12 ชิปตัวนี้ถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับการเล่นเกมโดยเฉพาะ เช่น

  • รองรับการ upscale ภาพให้มีความละเอียดสูงขึ้นในเกมอย่าง PUBG และ Genshin Impact
  • ปรับเพิ่มเฟรมเรทและลดอาการหน่วงหรือกระตุกเมื่อเล่นเกม
tig-iqoo-13-review

iQOO 13 5G มาพร้อมกับ RAM 16GB และที่เก็บข้อมูล 512GB โดยประเภทของที่เก็บข้อมูลเป็นแบบ UFS 4.1 ซึ่งให้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในด้านความเสถียรของการใช้งาน

มาดูที่การทดสอบ iQOO 13 5G แสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งในเครื่องที่แรงที่สุดในตลาด โดยใช้ Snapdragon 8 Elite อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยผลการทดสอบออกมาดังนี้

tig-iqoo-13-review
tig-iqoo-13-review
tig-iqoo-13-review

หนึ่งในจุดเด่นของ iQOO 13 5G คือการจัดการความร้อนที่น่าสนใจ แม้ Snapdragon 8 Elite จะค่อนข้างแรง แต่ตัวเครื่องสามารถคงประสิทธิภาพ CPU ไว้ได้เกือบจะสูงสุดตลอดการทดสอบแบบต่อเนื่อง แม้ว่าตัวเครื่องภายนอกจะร้อนขึ้นพอสมควร ร้อนจนถึงจุดที่จับแล้วรู้สึกได้ว่าไม่ใช่แค่ความอุ่นอีกต่อไป

tig-iqoo-13-review

ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการปรับปรุงจากการใช้งาน 7K Vapor Chamber ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว ที่มีขนาดท่อใหญ่พิเศษกว่า 7,000 ตารางมิลลิเมตร ใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้า 20% ทำให้แม้ความร้อนจะขึ้นสูงแต่ยังคงประสิทธิภาพการทำงานไว้ได้ และหากเลิกใช้งานแล้วตัวเครื่องยังสามารถระบายความร้อนออกจนกลับมาสู่สภาวะปกติได้ในเวลาไม่นาน

tig-iqoo-13-review
tig-iqoo-13-review

มาพูดถึงเรื่องของการเล่นเกมกันบ้าง iQOO 13 5G เป็นหนึ่งในเกมมิ่งโฟนที่เกมเมอร์ต้องชอบด้วยความที่มาพร้อมกับโหมดการปรับแต่งสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ จุดสำคัญอยู่ที่มี Ultra Game Mode ซึ่งรองรับฟีเจอร์หลากหลายไม่ว่าจะเป็น Game Super Resolution ที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์ภาพภายในเกม Game Frame Interpolation เพิ่มเฟรมเรทที่ได้ภายในเกมสูงสุด 144Hz รวมไปถึง Ray Tracing ช่วยยกระดับแสงเงาภายในเกม

tig-iqoo-13-review
tig-iqoo-13-review

แน่นอนว่าฟีเจอร์ทั้งหมดที่กล่าวมาไม่ได้พร้อมใช้งานกันในทุก ๆ เกม แต่มีเกมที่รองรับและเป็นเกมยอดนิยมที่พร้อมให้ใช้งานแล้วในตอนนี้มากกว่า 20 เกม รายชื่อเกมที่เกมเมอร์จะต้องคุ้นเคยอย่าง PUBG Mobile, Asphalt 9 Legends, eFootball 2024 และ Genshin Impact โดยการทดสอบเฟรมเรทออกมาเฉลี่ยอยู่ในระดับที่ตัวเกมสามารถทำได้เกือบตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็น 57-60 FPS หรือหากเพิ่มเป็นการใช้งานฟีเจอร์ Game Frame Interpolation จะขึ้นมาอยู่ที่ 141-144Hz ซึ่งนี่คือตัวเลขที่เฉลี่ยออกมาแล้วจากการเล่นเป็นเวลา 1 ชั่วโมงในแต่ละเกม

tig-iqoo-13-review

ฟีเจอร์ Monster Halo Light เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อทำให้ตัวเครื่องกลายเป็นเกมมิ่งโฟนเต็มตัว อย่างแสงไฟ RGB ที่เราสามารถปรับแต่งได้เมื่อทำบางอย่างภายในเกม หรือจะเป็นการเปิดใช้งานตลอดทั้งวันเพิ่มความแตกต่างของตัวเครื่องที่โดดเด่นจากรุ่นอื่น

tig-iqoo-13-review

iQOO 13 5G มาพร้อมกับลำโพงไฮบริดสเตอริโอคู่ โดยลำโพงหลักอยู่ที่ด้านล่างของตัวเครื่อง และอีกตัวหนึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งลำโพงและการโทร

tig-iqoo-13-review

ไม่ใช่แค่ดังเท่านั้น แต่เสียงที่ได้ยังมีคุณภาพที่ดีเกินคาด เพลงที่เล่นผ่านลำโพงให้เสียงที่ ครบทุกรายละเอียด พร้อมด้วย เสียงเบสที่จัดหนัก และ เสียงร้องที่คมชัด อย่างไรก็ตาม เมื่อปรับระดับเสียงไปที่สูงสุด อาจมีเสียงก้องเล็กน้อย แต่ก็ไม่กระทบกับประสบการณ์การฟังมากนัก

tig-iqoo-13-review

ลำโพงของ iQOO 13 5G เป็นหนึ่งในจุดเด่นที่ไม่ควรมองข้าม ด้วยระดับเสียงที่ดังสะใจและคุณภาพเสียงที่สมดุลทั้งในด้านเบสและความคมชัดของเสียงร้อง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการฟังเพลงหรือดูวิดีโอโดยไม่ต้องพึ่งหูฟัง

Software

iQOO 13 5G มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Funtouch 15 ที่โครงสร้างหลักมาจาก Android 15 ตั้งแต่ในกล่อง

tig-iqoo-13-review

iQOO ให้สัญญาว่าจะอัปเดตระบบปฏิบัติการ Android ให้รุ่นนี้ 4 เวอร์ชัน และการอัปเดตความปลอดภัยยาวนานถึง 5 ปี ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาที่นานพอสมควร เพื่อให้มั่นใจว่าตัวเครื่องจะยังได้รับการอัปเดตและใช้งานได้ดีในระยะยาว

tig-iqoo-13-review
tig-iqoo-13-review

เมื่อพูดถึงรูปลักษณ์และการใช้งาน Funtouch 15 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนักจาก Funtouch 14 หากคุ้นเคยกับเวอร์ชันก่อนหน้า จะสามารถใช้งานได้อย่างคล่องตัวตั้งแต่เริ่ม

ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจใน Funtouch 15

tig-iqoo-13-review

Live Transcribe: ฟีเจอร์ถอดความแบบเรียลไทม์ที่สามารถแปลงคำพูดเป็นข้อความทันที โดยยังเพิ่มความสามารถพิเศษ เช่น แจ้งเตือนเมื่อมีคนเอ่ยชื่อคุณในระหว่างการประชุม

tig-iqoo-13-review
tig-iqoo-13-review

AI Erase และ AI Enhancements:

  • AI Erase: ช่วยลบวัตถุที่ไม่ต้องการออกจากภาพ
  • AI Enhancements: ปรับแต่งคุณสมบัติบางอย่างของภาพ เช่น สีสันและความคมชัด เพื่อให้ภาพดูสวยงามยิ่งขึ้น
tig-iqoo-13-review

Circle to Search: ช่วยค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้นผ่านการวาดวงกลม

Camera

iQOO 13 5G มาพร้อมกล้องหลัง 50MP สามตัว และกล้องหน้า 32MP สำหรับการถ่ายเซลฟี่ น่าสังเกตว่าตัวเครื่องมีการปรับลดคุณสมบัติของกล้องซูมเมื่อเทียบกับ iQOO 12 รุ่นก่อนหน้า โดย iQOO 12 ใช้เซ็นเซอร์ 64MP และเลนส์ซูม Periscope 3x แต่ในรุ่นนี้ถูกแทนที่ด้วยเซ็นเซอร์ 50MP และเลนส์ซูม 2x แทน

tig-iqoo-13-review
tig-iqoo-13-review

อินเทอร์เฟซกล้องยังคงเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า โดยมีโหมดถ่ายภาพเรียงเป็นตารางที่ด้านล่าง และสามารถสลับเลนส์ได้อย่างง่ายดาย

  • tig-iqoo-13-review
  • tig-iqoo-13-review
  • tig-iqoo-13-review

นอกจากนี้ยังมี Humanistic Street Mode ซึ่งปรับแต่งภาพให้มีคอนทราสต์สูงและเพิ่มเอฟเฟกต์ vignette ทำให้ภาพถ่ายมีสไตล์ที่แตกต่างจากโหมดปกติ

  • tig-iqoo-13-review
  • tig-iqoo-13-review
  • tig-iqoo-13-review

กล้องของ iQOO 13 5G สามารถถ่ายภาพในแสงปกติได้อย่างดี ให้ช่วงไดนามิกกว้างและสีสันที่แม่นยำ ในสภาพแสงน้อยก็ให้ภาพที่ใช้ได้ดี

  • tig-iqoo-13-review
  • tig-iqoo-13-review
  • tig-iqoo-13-review

iQOO 13 5G รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K 60fps สำหรับเลนส์กล้องหลังทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นข้อดี ระบบกันสั่น OIS ทำงานได้ไม่แพ้ใคร ดีกว่า iQOO 12 รุ่นก่อนหน้า

  • tig-iqoo-13-review
  • tig-iqoo-13-review

Battery

iQOO 13 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ที่มีให้เลือก 2 รุ่น คือ 6150 mAh มีความโดดเด่นในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการโทร, เล่นเว็บ, สตรีมวิดีโอ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเล่นเกม ที่สามารถใช้งานได้นานมาก จนเห็นได้ชัดว่า Snapdragon 8 Elite เป็นชิปเซ็ตที่มีประสิทธิภาพด้านการประหยัดพลังงานสูง

tig-iqoo-13-review

ความทนทานของแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าไม่ได้มาจากความจุที่เพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังอาจมาจาก หน้าจอ LTPO OLED รุ่นใหม่ ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานได้เป็นอย่างดี

ระบบชาร์จเร็วใน iQOO 13 5G ยังคงใช้เทคโนโลยี FlashCharge รองรับกำลังไฟสูงสุด 120W แม้ว่าการเพิ่มความจุแบตเตอรี่จะทำให้เวลาในการชาร์จเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ใช้เวลาเพียง ประมาณ 30 นาที ในการชาร์จเต็ม 100% ซึ่งยังคงเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ชาร์จเร็วที่สุดในระดับเดียวกัน

สำหรับใครที่กังวลเรื่องการเสื่อมของแบตเตอรี่ iQOO 13 5G มีตัวเลือกให้ปิดการชาร์จเร็วและเปิดโหมด Optimized Battery Charging ที่ช่วยปกป้องแบตเตอรี่จากการชาร์จเกินและเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ โดยระบบจะเปิดการชาร์จเร็วเฉพาะในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น

ฟีเจอร์พิเศษ Bypass Charging ซึ่งช่วยป้องกันแบตเตอรี่จากความร้อนหรือการเสื่อมระหว่างใช้งานเครื่องในขณะที่เสียบสายชาร์จ โดยระบบจะปิดการชาร์จแบตเตอรี่และใช้พลังงานจากสายชาร์จโดยตรง ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์มากสำหรับการเล่นเกมหรือใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน

iQOO 13 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการเล่นเกม ด้วยแบตเตอรี่ที่มีความจุสูง ประสิทธิภาพการจัดการพลังงานและการชาร์จเร็ว พร้อมฟีเจอร์ที่ช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ในระยะยาว

Conclusion

tig-iqoo-13-review

หนึ่งในจุดที่น่าประทับใจที่สุดคือ ประสิทธิภาพการทำงานที่ต่อเนื่อง โดย iQOO 13 5G สามารถจัดการกับการทำงานหนักเป็นเวลานานได้ดี ซึ่งบ่งบอกว่าสามารถรองรับการเล่นเกมหนัก ๆ ต่อเนื่องได้อย่างไม่มีปัญหา นอกจากนี้ยังมาพร้อม การชาร์จเร็ว ซึ่งทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้โดดเด่นขึ้นมาในตลาด

ด้วยประสิทธิภาพที่รอบด้านและฟีเจอร์ที่ครบครัน iQOO 13 5G ถือเป็นตัวเลือกในหมวดสมาร์ทโฟนระดับนี้ แม้จะมีจุดอ่อนเล็กน้อยในด้านการถ่ายภาพตอนกลางคืน แต่จุดแข็งอื่น ๆ เช่นชิปเซ็ตทรงพลังและการใช้งานต่อเนื่อง ทำให้รุ่นนี้โดดเด่นในหลายมิติ ด้วยราคา 30,900 บาท

จุดเด่น

  • การป้องกันน้ำและฝุ่นที่พัฒนาเป็นมาตรฐาน IP68/IP69
  • ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite ที่แรงที่สุดในตลาด ณ ตอนนี้
  • หน้าจอรองรับการแสดงผล 2K 144Hz
  • Ultra Game Mode ช่วยยกระดับประสบการณ์ในการเล่นเกม
  • 7K Vapor Chamber ช่วยระบายความร้อนทำให้ใช้ต่อเนื่องได้ยาวนาน
  • แบตเตอรี่อึดทนนาน และรองรับการชาร์จเร็ว 120W
  • ลำโพงเสียงดังและคุณภาพเสียงครบถ้วน
  • กล้องทำงานได้ดีในสภาพแสงเพียงพอ พร้อม AI ช่วยเสริมแกร่ง
  • การันตีอัปเกรดระบบ Android 4 เวอร์ชันและอัปเดตความปลอดภัยยาวนานถึง 5 ปี

จุดสังเกต

  • ในแง่ของคุณภาพการถ่ายรูปเชิงลึกยังทำออกมาได้ไม่ดี โดยเฉพาะในที่แสงน้อย

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง iQOO ประเทศไทย ที่ได้ทำการส่ง iQOO 13 5G มาให้เราทำการทดสอบกัน สามารถหาซื้อได้แล้วตามร้านค้าชั้นนำและช่องทางออนไลน์ สนนราคาที่ 30,900 บาท

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมและสั่งซื้อสินค้าได้ที่ : https://www.iqoo.com/th/products/iqoo-13

Artherlus

แค่คนทั่วไปที่หลงใหลในวงการไอที
Back to top button