iPad มีขนาดให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ iPad Pro จอใหญ่ 13 นิ้ว ไปจนถึง iPad mini ขนาดเล็กกะทัดรัด 8.3 นิ้ว ซึ่งได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการอุปกรณ์พกพาสะดวก ขณะที่รุ่นยอดนิยมก็จะเป็น iPad Air ขนาด 10.9 นิ้ว และรุ่น 11 นิ้วใหม่ ส่วน iPad mini ก็ยังมีฐานแฟนที่ชื่นชอบขนาดหน้าจอ Liquid Retina 8.3 นิ้ว ซึ่งเป็นที่ต้องการในกลุ่มนักเรียน นักอ่าน รวมถึงผู้ที่ใช้ดูโซเชียลมีเดียบ่อย ๆ ด้วย
iPad mini 7 มีขนาดเล็ก เบา พกพาสะดวก จนกลายเป็นตัวเลือกของหลาย ๆ คน เหมาะสำหรับพกพาไปท่องเที่ยว หรือเป็นอุปกรณ์เสริมเพื่อใช้งานในชีวิตประจำวัน จนบางคนอาจคิดว่า Apple อาจหยุดผลิตไปเพราะเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้ชิป M ของ Apple แต่ Apple กลับพัฒนาโดยเปลี่ยนชิปจาก A15 Bionic เป็น A17 Pro ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นชิปเดียวกับใน iPhone 15 Pro แม้ว่าหน้าจอจะไม่ได้ถูกปรับปรุงให้แตกต่างจากรุ่นก่อน ว่าแต่จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้างเราไปหาคำตอบกันเลย !
Design
จากการได้ลองใช้งาน iPad mini 7 อย่างละเอียดและพบว่าแทบไม่ต่างจากรุ่นก่อนหน้า ซึ่งสำหรับถือว่าดีแล้ว เพราะการออกแบบนี้เป็นการผสมผสานที่ลงตัว ตัวเครื่องผลิตจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% มีความบางเพียง 6.5 มม. และหนักแค่ 293 กรัม เทียบกับ iPhone 16 Pro Max ที่หนัก 227 กรัมแล้ว iPad รุ่นเล็กสุดนี้หนักกว่าเพียง 66 กรัม สามารถถือแท็บเล็ตขนาด 7.69 x 5.3 นิ้วนี้ได้สบายในมือเดียว
ขอบหน้าจออาจจะดูหนาไปเล็กน้อยเมื่อเทียบกับมาตรฐาน iPad รุ่นใหม่ ๆ และแปลกใจเล็กน้อยที่กล้อง FaceTime ยังคงอยู่ที่ด้านข้างของจอด้านซ้ายหากใช้งานในแนวนอน ซึ่งนี่จะเป็นปัญหาแน่นอนหากต้องใช้งานวิดีโอคอล แตกต่างจาก iPad Pro รุ่นใหม่ที่มีการย้ายมาอยู่บริเวณขอบบนของจอตรงกลาง หากใช้งานในแนวนอน
ที่ขอบด้านข้างมีปุ่ม Touch ID ซึ่งทำหน้าที่เป็นปุ่มพาวเวอร์และปุ่มล็อกหน้าจอ นอกจากใช้ปลดล็อกเครื่องแล้วยังสามารถใช้ล็อกอินเข้าสู่บัญชีได้ ส่วนปุ่มปรับระดับเสียงจะอยู่ถัดลงมา โดยมีลำโพงคู่ที่แบ่งอยู่สองด้านของเครื่อง และพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จและเชื่อมต่อข้อมูล
ในภาพรวมการออกแบบของ iPad mini 7 ยังคงรูปแบบการพัฒนาภายนอกเอาไว้ไม่ต่างไปจากเดิมนัก ส่งผลให้ผู้ที่ใช้งานอยู่หรือต้องการเปลี่ยนมาใช้ ไม่ต้องปรับการใช้งานแต่อย่างใด
Display
ในปี 2021 ที่ Apple เปิดตัว iPad mini 6 นับเป็นความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ไม่เพียงเพราะการออกแบบใหม่ทั้งหมดที่ทำให้ตัวเครื่องมีความคล้ายคลึงกับ iPad Air 4 แต่ยังเพราะการสามารถใส่หน้าจอขนาดใหญ่ลงในตัวเครื่องที่มีขนาดเล็กกว่าได้อย่างลงตัว
นอกจากนี้ iPad mini 7 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีจอแสดงผลใหม่ อย่างหน้าจอ Liquid Retina ความละเอียด 326 ppi พร้อมแบ็คไลท์ LED ซึ่งให้สีสันที่สดใส ครอบคลุมสีได้กว้าง และยังรองรับ Apple Pencil อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการเคลือบกันแสงสะท้อนและช่วยลดรอยนิ้วมือ แม้ว่าความสว่างสูงสุดจะอยู่ที่ 500 nits ซึ่งถือว่าต่ำกว่ามือถือ Apple รุ่นอื่น ๆ ที่รองรับได้ถึง 2,000 nits ในบางสถานการณ์ แต่เนื่องจากเทคโนโลยีของหน้าจอนี้พัฒนามานานแล้ว จึงไม่คาดหวังว่าจะมีการอัปเดตเรื่องความสว่างมากในปี 2024
ประสบการณ์การใช้งาน iPad mini 7 บนหน้าจอขนาด 8.3 นิ้วยังคงแสดงผลได้สวยงามเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม ดูภาพยนตร์ ท่องเว็บ หรือดูภาพถ่าย แม้ว่าจะไม่ได้รองรับการแสดงผล 120Hz แต่นั่นไม่ใช่ปัญหากับการใช้งานจริง แม้จะแอบเสียดายแต่ไม่ได้เป็นเรื่องที่ร้ายแรงอะไรนัก
Software
iPad mini 7 มาพร้อมกับ iPadOS 18 ซึ่งมีฟีเจอร์ใหม่หลายอย่างที่พบใน iOS 18 เช่น Control Center ที่สามารถปรับแต่งได้, การออกแบบใหม่ของแอป Photos และฟีเจอร์ Math Notes ที่น่าสนใจ
นอกจากนี้ยังมี Apple Intelligence ซึ่งช่วยปรับแต่งงานเขียนให้ดียิ่งขึ้น, Siri ที่มีดีไซน์ใหม่ทั้งหมด และฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้ผู้ใช้ได้ข้อมูลการใช้งาน iPad อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ฟีเจอร์เหล่านี้แม้จะไม่เปลี่ยนแปลงการใช้งาน iPad ไปทั้งหมด แต่ก็เพิ่มความสะดวกขึ้น ยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับแอป Photos เวอร์ชันใหม่ที่มีการจัดเรียงต่างไปจากเดิม ซึ่งบางครั้งก็ทำให้หาอะไรยากขึ้น แต่การเพิ่มการค้นหาด้วย AI ก็ช่วยให้ค้นหารูปได้ง่ายขึ้น
ได้ทดสอบฟีเจอร์ Apple Intelligence บน iPad mini ผ่าน iPadOS 18.1 ซึ่งถือว่าน่าประทับใจ คล้ายกับการใช้งานบน iPad Air, iPad Pro, Mac, หรือ iPhone โดยสามารถสรุปการแจ้งเตือนอัตโนมัติ ทำให้การจัดการแจ้งเตือนหลังจากที่อุปกรณ์อยู่ในโหมด Sleep หรือตอนใช้โหมดห้ามรบกวนสะดวกขึ้น เช่น การสนุปอีเมลที่เข้ามา
ยังมีฟีเจอร์ Apple Intelligence ที่หลายคนรอคอย เช่น Siri ที่ปรับการใช้งานตามแต่ละผู้ใช้งาน Genmoji, Image Playground, และการเชื่อมต่อ ChatGPT เมื่อฟีเจอร์เหล่านี้เปิดตัว iPad mini ฃ จะรองรับทั้งหมด และเป็นตัวเลือกที่ประหยัดที่สุดในการใช้งานฟีเจอร์เหล่านี้ในอนาคต
Performance
แม้จะน่าแปลกใจที่ iPad mini 7 ไม่ได้ใช้ชิป Apple Silicon M ตัวล่าสุด แต่การมาพร้อมกับ A17 Pro ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าผิดหวัง เพราะนี่เป็นชิประดับ A ตัวแรกที่สามารถรองรับ Apple Intelligence ได้
การนำชิประดับโปรใส่ใน iPad mini เหมือนเป็นการยอมรับในบทบาทของ iPad mini ในโลกของการใช้งานระดับสูง นอกจากนี้ iPad mini ยังเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในการวาดภาพและตัดต่อรูปด้วยแอประดับโปรอย่าง Adobe Lightroom ที่ใช้งานได้ดีไม่มีปัญหา รวมถึงการตัดต่อวิดีโอ 4K แบบหลายสตรีมพร้อมกันใน Adobe Premiere Rush
ในการใช้งานเพื่อความบันเทิง iPad mini รุ่นนี้ยังรองรับการเล่นเกมกราฟิกสูงได้ดี เช่น Asphalt Legends Unite, Genshin Impact หรือแม้กระทั่งเกม AAA อย่าง Resident Evil ที่ถูกพอร์ตมาให้กับอุปกรณ์ของทาง Apple ในใช้งานก็สามารถที่จะเข้าเล่นได้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามด้วยข้อจำกัดของหน้าจอทำให้ภายในเกมจะถูกจำกัดเอาไว้ที่ 60FPS เท่านั้น
การเพิ่มประสิทธิภาพที่ชัดเจนนี้สะท้อนให้เห็นผ่านคะแนน Geekbench 6 ที่สูงขึ้น รวมถึงการเพิ่ม RAM จาก 4GB เป็น 8GB ซึ่งคาดว่าจำเป็นสำหรับการรองรับ Apple Intelligence ที่ต้องการหน่วยความจำจำนวนมากในการประมวลผลงานด้าน AI บางอย่างภายในเครื่อง ส่วนงานบางอย่างยังต้องใช้งานผ่านระบบ Private Cloud Compute ที่มีการเข้ารหัสของ Apple
โดยสรุปการใช้งาน iPad mini 7 ใหม่กับการใช้งานด้านความบันเทิงโดยเน้นย้ำที่การเล่นเกม ต้องยอมรับว่านี่เป็นโอกาสอันดีในการเปลี่ยนแปลงมาใช้งานรุ่นใหม่ โดยส่วนตัวแล้วใช้งาน iPad 9 เป็นหลักมาตลอดตั้งแต่เปิดตัว และการมาถึงของเจ้า mini รุ่นนี้เพียงพอแล้วสำหรับการอัปเกรดมาใช้งานโดยไม่ต้องรู้สึกเสียดายอะไร
Camera
iPad mini 7 มีขนาดเล็กพอให้พกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก แถมยังเหมาะสำหรับใช้ถ่ายภาพในทุกที่ที่ไป ตัวกล้องหลังความละเอียด 12MP มุมกว้างเพียงพอสำหรับการถ่ายภาพทั่วไป ภาพที่ได้มีรายละเอียดและสีสันที่สวยงาม แต่หากเปรียบเทียบกับกล้องหลัก 48MP ของ iPhone 16 Pro Max ภาพจาก iPad mini จะยังไม่คมชัดในระดับเดียวกันเมื่อซูมดูรายละเอียดใกล้ ๆ
สำหรับกล้องหน้า iPad mini ถ่ายเซลฟี่ได้ดี แต่ยังไม่รองรับโหมด Portrait ทั้งนี้ การใช้เป็นกล้อง FaceTime นับว่าทำได้อย่างที่คาดหวัง โดยเมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์ Centerstage กล้องมุมกว้างพิเศษจะครอบเฟรมอัตโนมัติเพื่อตามการเคลื่อนไหวของผู้ใช้ ฟีเจอร์นี้เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบเดินคุยขณะโทรผ่าน FaceTime
Battery
Apple ระบุว่า iPad mini 7 สามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้นานประมาณ 10 ชั่วโมง ซึ่งจากการทดสอบใช้งานจริงก็ได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกัน แม้ว่าจะถือว่าเพียงพอ แต่หาก Apple ใช้ชิป M2 ที่มีประสิทธิภาพในการจัดการพลังงานมากขึ้น แบตเตอรี่อาจจะใช้งานได้ยาวนานกว่านี้
น่าเสียดายที่ iPad mini รุ่นนี้ไม่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย ทั้งที่ขนาดของ iPad mini เหมาะกับการวางชาร์จบนแท่นชาร์จไร้สาย MagSafe อย่างมาก อย่างไรก็ตาม ในกล่องมีสาย USB-C พร้อมอะแดปเตอร์ 20W มาให้
Conclusion
บทสรุปสำหรับ iPad mini 7 บอกได้เพียงว่า หากใครที่ชื่นชอบการใช้งานแท็บเล็ตขนาดกำลังดีอยู่แล้ว การมาถึงของรุ่นนี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าน่าผิดหวังแต่อย่างใด ประสิทธิภาพที่ถูกยกระดับขึ้นมาตอบโจทย์การใช้งานอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มเกมเมอร์นี่ถือว่าเป็นรุ่นที่ออกแบบมาให้สามารถพกพาไปไหนก็ได้สะดวก ชิปเซ็ตที่แรงยิ่งขึ้น รองรับการใช้งานเล่นเกมระดับ AAA รวมถึงการสตรีมเกม หากใช้งานคู่กับจอยก็พอจะบอกได้ว่าเป็นคอนโซลเคลื่อนที่ ด้วยราคาเริ่มต้น 17,900 บาท ถือว่าเป็นราคาที่น่าจะถูกใจใครหลาย ๆ คน
ข้อดี
- ขนาดเล็กและน้ำหนักเบาง่ายต่อการใช้งาน
- อัปเกรดชิปจาก A15 Bionic มาเป็น A17 Pro แรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- รองรับ Apple Intelligence ในราคาที่ถูกที่สุด ณ ปัจจุบัน
- หน้าจอขนาด 8.3 นิ้ว Liquid Retina ยังคงแสดงผลได้ดี
- ลำโพงค่อนข้างดังและเก็บเกือบครบทุกรายละเอียด
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน
ข้อสังเกต
- ความสว่างหน้าจอที่ค่อนข้างน้อยไปเสียหน่อย
- การเปลี่ยนแปลงภายนอกที่น้อยเกินไป
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง Apple ประเทศไทย ที่ได้ทำการส่ง iPad mini 7 มาให้เราทำการทดสอบกัน ใครที่สนใจสามารถหาซื้อได้แล้วตามร้านค้าชั้นนำหรือผ่านช่องทางออนไลน์ [คลิก]