[รีวิว] Stellar Blade – ออกผจญภัยในโลกล่มสลายกับสาวสวย และมอนสเตอร์สุดสยอง

Stellar Blade เป็นเกมที่จะนำเสนอการต่อสู้แบบแอ็กชั่นที่เน้นการจับจังหวะ และการหลบหลีกผสมผสานกับการปลดปล่อยคอมโบและทักษะเฉพาะตัวของ Eve ให้ผู้เล่นได้สนุกกัน เตรียมตัวเผชิญหน้ากับเหล่าศัตรูที่โหดร้าย ผู้เล่นจะต้องใช้กลยุทธ์ในการต่อสู้เพื่อเอาชนะศัตรูที่ท้าทายให้ได้

ล่าสุดผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าผจญภัยไปกับ Eve เผชิญหน้ากับเหล่าเนติบามากมายมาแล้ว และผู้เขียนก็ไม่พลาดที่จะนำรีวิวมาฝากทุก ๆ คนครับ

อนึ่ง… การรีวิวนี้เกิดขึ้นบน PS5 และถ้าหากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้า ข้อสังเกตบางข้ออาจมีการแก้ไขเรียบร้อยหลังจากที่รีวิวเผยแพร่ไปแล้วก็เป็นได้ครับ

มีภาษาไทยพร้อมให้ใช้งาน

เกมนี้เป็นอีกหนึ่งเกมที่มีการแปลภาษาไทยออกมาให้ผู้เล่นได้ใช้งานกันแบบเต็มที่ ทำให้ผู้เล่นไม่ต้องกังวลใจเรื่องกำแพงภาษาเลยแม้แต่น้อย โดยการแปลภาษาไทยภายในเกมนี้ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคำอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ที่แปลออกมาได้ค่อนข้างชัดเจนจากเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตามในบทสนทนาบางบทเราอาจจะได้เห็นการแปลที่รู้สึกแปลกเล็กน้อย เนื่องจากว่ารูปแบบประโยคนั้นไม่ใช่รูปแบบปกติที่คนไทยใช้พูดกันสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเนื้อเรื่องของเกมจะดรอปลงไปเนื่องจากการแปลภาษาไทยในจุดนี้

กราฟิกที่สวยงาม พร้อมโหมดให้เลือกใช้ 3 แบบ

ประเด็นที่ต้องพูดถึงต่อมาก็คือกราฟิกภายในเกมนี้ก็ต้องบอกว่าถูกทำออกมาได้ดีงามโดนใจพอสมควร เพราะถึงแม้ว่าภาพรวมของเกมนี้จะเป็นเมืองที่ล่มสลายและดูหม่นหมอง มองไปทางไหนไหนก็เจอแต่ซากปรักหักพัง แต่ทางผู้พัฒนาก็เก็บรายละเอียดของเมืองออกมาได้ดีเป็นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นซากตึก หรือแม้กระทั่งรายละเอียดของซากต่าง ๆ ที่อยู่ภายในใต้น้ำ ก็ยังมีการใส่รายละเอียดไม่ใช่ถูกทำออกมาแบบโหวง ๆ ไม่มีอะไรให้ดู

สำหรับโหมดของกราฟิกที่มีให้เลือกใช้งานถึง 3 แบบนั้นผู้เขียนก็มองว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งผู้เขียนรู้สึกประทับใจกับโหมดสมดุลเป็นพิเศษ เพราะในโหมดนี้แม้ว่าผู้เล่นจะไม่ได้เห็นกราฟิกคมชัดเท่าโหมดคุณภาพ แต่ก็ถือว่ายังดูดีใกล้เคียงกับโหมดคุณภาพอยู่พอสมควร แม้ว่าจะมีจุดเบลออยู่บ้างก็ตามแต่สิ่งที่ได้มาก็คือความลื่นไหลในระดับประมาณ 60 FPS เกือบจะตลอดทั้งการเล่นเกมนี้ (อาจจะมีบางช่วงที่ FPS ดรอปลงไปบ้าง) ซึ่งความลื่นไหลถือว่าเป็นสิ่งที่ผู้เขียนให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเนื่องจากเกมนี้เน้นการปัดป้องหรือการหลบหลีกแบบสมบูรณ์ การกดผิดจังหวะเพียงนิดเดียวอาจจะหมายถึงชีวิตของ Eve ก็เป็นได้

โหมดการเล่นที่ครอบคลุมผู้เล่นทั้งมือใหม่และเก่า

โหมดการเล่นเบื้องต้นภายในเกมนี้ก็มีมาให้เราเลือกเล่นทั้งหมด 2 โหมดเป็นหลักด้วยกันนั่นก็คือโหมดเนื้อเรื่อง (ง่าย) และโหมดปกติ โดยจากที่ผู้เขียนได้ทดลองเล่นทั้ง 2 โหมดแล้วต้องบอกเลยว่าหากใครที่อยากจะเล่นเพราะว่าสนใจในตัวละครหรืออยากติดตามเนื้อเรื่องแต่ไม่เคยเล่นเกมแนว Souls มาก่อน โหมดเนื้อเรื่องถือว่าเป็นโหมดที่เหมาะสมที่สุดเพราะภายในโหมดนี้ผู้เล่นจะโดนโจมตีเบาลง ทำให้ผู้เล่นมีโอกาสแสดงความผิดพลาดระหว่างการต่อสู้มากกว่าโหมดปกติ แต่ไม่ได้แปลว่าโหมดเนื้อเรื่องนี้จะทำให้ความสนุกของการเล่นเกมนี้น้อยลงแต่อย่างใด เพราะความโหดของการจับจังหวะเพื่อการโจมตีป้องกันหรือหลบหลีกก็ยังคงมาตรฐานความฮาร์ดคอร์ไว้เช่นเคย

แต่ถ้าผู้เล่นคนใดต้องการตัวช่วยมากกว่านั้น ผู้เล่นก็สามารถเปิดโหมดสนับสนุนเพื่อให้เกมบอกจังหวะในการกดปัดป้องหรือหลบหลีกได้ด้วย เพราะเมื่อเราเปิดโหมดตัวช่วยนี้ เกมจะเพิ่มจังหวะหน่วงเวลาให้ผู้เล่นสักแปป พร้อมกับมีปุ่มแนะนำปรากฎขึ้นกลางจอให้ผู้เล่นได้กดตามทำให้ผู้เล่นสนุกไปกับการปัดป้องหรือหลบหลีกแบบสมบูรณ์ได้โดยที่ไม่เครียดจนเกินไป แต่ถ้าใครกลัวว่าเปิดโหมดนี้เพื่อเล่นเกมดังกล่าวแล้วกลัวว่าเกมจะง่ายเกินไปถึงขั้นไม่มีความท้าทายเลยก็ไม่ต้องซีเรียสเกินไปครับ  เพราะเท่าที่ผู้เขียนลองเล่นดูระบบตัวช่วยนี้จะปรากฏเมื่อผู้เล่นกดพลาดบ่อย ๆ เท่านั้น แต่ถ้าผู้เล่นสามารถกดปัดป้องได้หรือหลบหลีกได้เรื่อย ๆ ระบบตัวช่วยนี้จะปรากฏออกมาน้อยลงไปตามความสามารถของผู้เล่นด้วยเช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ

ในขณะเดียวกันโหมดความยากปกติก็ยังคงเป็นสิ่งที่ท้าทายผู้เล่นอยู่ไม่น้อยซึ่งผู้เขียนขอแนะนำว่าหากใครอยากเล่นโหมดความยากปกตินั้นคงจะต้องเคยผ่านเกมแนว Souls มาในระดับหนึ่ง เพราะ Eve สามารถตายได้จากการโดนโจมตีเพียงไม่กี่ครั้ง ซึ่งแน่นอนอาจจะนำพาสู่การปาจอยก็เป็นได้ (ฮา…)

โดยรวมแล้วผู้เขียนรู้สึกประทับใจกับตัวเลือกโหมดการเล่นภายในเกมนี้เป็นอย่างมากเพราะมันแสดงให้เห็นว่าผู้พัฒนาเกมสนใจผู้เล่นทั้งหน้าใหม่ที่อยากจะเข้ามาทดลองเล่นเกมแนวนี้ หรือกระทั่งผู้เล่นสายฮาร์ดคอร์ที่ต้องการความยากแบบจัดเต็ม อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ปรับแต่งรายละเอียดในการเล่นได้อีกเล็กน้อย ทำให้เกมนี้เข้าถึงผู้เล่นได้มากกว่าที่ผู้เขียนคิดไว้

ความยากที่เข้าถึงได้ ท้าทายผู้เล่นทุกกลุ่ม

ในส่วนของความท้าทายในการต่อสู้ภายในเกมนี้ก็ต้องขอบอกก่อนเลยว่าเริ่มต้น ”มันยากมาก“ แต่พอ ผู้เล่นได้เล่นเกมนี้ไปเรื่อย ๆ จากความยากจะกลายเป็น ”มันมันส์มาก“ โดยสาเหตุที่ทำให้การเล่นเกมนี้มันส์ขึ้นก็เพราะว่าผู้เล่นจะได้รับค่าประสบการณ์มาอัปเกรดสกิลของอีฟ ซึ่งสกิลเหล่านี้จะช่วยให้ผู้เล่นต่อสู้ได้หลากหลายวิธีมากยิ่งขึ้น ซึ่งจากรายละเอียดนี้แปลว่ายิ่งผู้เล่นใช้เวลาเล่นเกมนี้มากเท่าไหร่ สังหารศัตรูได้เยอะขนาดไหน ก็จะทำให้ตัวละครของผู้เล่นแข็งแกร่งตามขึ้นไปด้วย ผู้เขียนขอแอบกระซิบว่าหากใครได้เล่น Demo แล้วรู้สึกว่าโหมดท้าทายบอสเป็นอะไรที่ยากเกินไป ก็ขอให้สบายใจได้เพราะในเกมตัวเต็มนี้ผู้เล่นจะได้สู้กับบอสตัวนี้อย่างเสมอภาคด้วยสกิลที่มีมากขึ้น และเป็นสกิลที่ผู้เล่นเลือกอัปเกรดเองซึ่งจะทำให้ตัวละครของผู้เล่นมีสไตล์การเล่นในแบบของผู้เล่นเองไม่ใช่แบบที่ทางผู้พัฒนาเกมเตรียมมาให้ ทำให้การต่อสู้กับบอสตัวนี้สนุกขึ้นอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามไม่ได้แปลว่าเกมนี้จะหมดความท้าทายไปเลยเพราะว่าบอสในแต่ละตัวที่ผู้เล่นจะได้เจอนั้นก็จะพัฒนาความโหดตามผู้เล่นขึ้นด้วย ยิ่งบอสในด่านหลัง ๆ บอกได้เลยว่านอกเหนือจากค่าสถานะของบอสที่จะสูงขึ้นแล้ว รูปแบบการโจมตีของพวกมันก็เรียกได้ว่าน่าปวดหัวมากยิ่งขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ทำให้ผู้เล่นจะต้องศึกษารูปแบบการต่อสู้ของพวกมันให้ดี โดยเฉพาะผู้เขียนขอแนะนำว่าให้ผู้เล่นใจเย็นให้มากที่สุด มิฉะนั้นต่อให้เล่นโหมดเนื้อเรื่องก็มีสิทธิ์ที่จอยจะลอยไปปักหน้าทีวีได้เช่นกัน (ฮา…)

ดีไซน์ของมอนสเตอร์ที่มีเอกลักษณ์ชวนตะลึง

แม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ผู้เขียนอยากจะพูดถึงเป็นอย่างมากก็คือดีไซน์ของมอนสเตอร์ภายในเกมนี้ที่ผู้เขียนยอมรับว่ามันหลอนเสียเหลือเกิน ซึ่งผู้เขียนเข้าใจถึงมุมมองของทีมผู้พัฒนาเป็นอย่างมาก เพราะตัวละครฝั่งมนุษย์นั้นถูกออกแบบมาเป็นผู้ชายหล่อรวมไปถึงผู้หญิงก็มีทรวดทรงองเอวและหน้าตาสวยงามน่ารัก ในขณะที่มอนสเตอร์ภายในเกมนี้ที่ถูกสร้างออกมาเป็นเหมือนขั้วตรงข้ามอย่างถึงที่สุด มอนสเตอร์บางตัวมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับแมลงสาบ มอนสเตอร์บางตัวเหมือนกับสิ่งที่ไม่น่าถูกสร้างสรรค์ได้จากจินตนาการโดยปกติของมนุษย์ทั่วไป ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าทีมออกแบบมอนสเตอร์ภายในเกมนี้ได้ทำบางสิ่งบางอย่างที่อยู่นอกเหนือขอบเขตจินตนาการโดยปกติไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ผู้เขียนมองว่าความหลอนของมอนสเตอร์ภายในเกมนี้คือความประทับใจที่ควรจะปรบมือให้กับทีมดีไซเนอร์ของมอนสเตอร์เป็นอย่างมาก

โลกที่ล่มสลาย รอให้ผู้เล่นได้สำรวจทุกซอกทุกมุม

อย่างที่ผู้เขียนได้เกริ่นไปในช่วงต้นแล้วว่าเกมนี้จะนำพาผู้เล่นเข้าสู่โลกที่ล่มสลายด้วยฝีมือของเนติบาไปแล้ว ทำให้การสำรวจโลกภายในเกมนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอยู่ไม่น้อยเพราะว่าจะมีไอเทมรวมไปถึงวัสดุต่าง ๆ ที่ใช้ในการคราฟชุดเกราะแอบซ่อนอยู่ตามฉากมากมาย ซึ่งถ้าหากเราไม่ทำการสำรวจเลยเราก็จะข้ามวัตถุดิบเหล่านั้นไปอย่างน่าเสียดาย อีกทั้งการสำรวจเมืองภายในเกมนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะถนนหนทาง รวมไปถึงตึกรามบ้างช่องนั้นอยู่ในสภาพที่พังทลายไปแล้ว การกระโดดข้ามตึกที่ถล่ม หรือการมุดประตูที่พัง หรือการหาโค้ดมาเปิดประตูที่ปิดกั้นแน่นหนาจึงกลายเป็นสิ่งที่เห็นได้ปกติภายในเกมนี้ ฉะนั้นสิ่งที่ผู้เล่นควรจะทำก็คือการกดสแกนพื้นที่บ่อย ๆ เพื่อดูว่าศัตรูอยู่ตรงไหน วัสดุสำคัญ ร่างของมนุษย์ รวมไปถึงหีบสมบัติซ่อนอยู่ตรงไหนบ้าง เพื่อที่จะทำให้เราได้วัสดุที่จำเป็นมาใช้ในการคราฟอุปกรณ์ หรือเปิดพื้นที่ต่อ ๆ ไปเพื่อเข้าสู่การผจญภัยต่อไป

สรุปรีวิว Stellar Blade

เกมนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเกมที่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ผู้เขียนได้ไม่น้อย เพราะองค์ประกอบโดยรวมของเกมถือว่าทำออกมาได้ดีมาก ๆ แม้ว่าโทนของเกม รวมไปถึงดีไซน์ของมอนสเตอร์จะดาร์กพอสมควร แต่ดีไซน์ตัวละครมนุษย์รวมไปถึงเนื้อเรื่องก็ถือว่าทำออกมาได้น่าติดตามในระดับที่น่าพึงพอใจ

ส่วนตัวผู้เขียนขออนุญาตให้คะแนนเกมนี้ที่ 9 เต็ม 10 ครับ ผู้เขียนขอย้ำว่า รีวิวนี้ รวมถึงคะแนนนี้เป็นมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น แฟนเกมคนอื่น ๆ อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันก็ได้ครับ

จุดเด่น

– มีภาษาไทยให้ใช้งาน

– กราฟิกสวยงาม เอฟเฟกต์ทำออกมาได้ดี

– ดีไซน์เมือง ตัวละคร รวมไปถึงมอนสเตอร์ทำออกมาได้ดีมาก ๆ

– เกมเพลย์ที่ท้าทาย แต่มาพร้อมตัวเลือกช่วยเหลือที่กำลังพอดี

จุดสังเกต

– ยังไม่มีโหมดถ่ายภาพ

– มอนสเตอร์บางตัวจับจังหวะยากพอสมควร ทำให้ผู้เล่นต้องใช้การฝึกฝนมาก

---

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Sony Interactive Entertainment ที่เอื้อเฟื้อและสนับสนุนเกมมาให้เราได้รีวิวกันในครั้งนี้ครับ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…

สำหรับใครที่สนใจก็สามารถสั่งซื้อเกมได้ที่ :  [คลิก]