[รีวิว] WRC 9 เกมแข่งรถแรลลี่ภาคต่อที่ยกระดับให้สนุกกว่าเก่า

หากให้พูดถึงเกมแข่งรถในปัจจุบันเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะได้มีโอกาสลองกันมาหลากหลายเกม บ้างก็ประสบความสำเร็จ บ้างก็ไปไม่ถึงฝัน อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงเกมที่มีประวัติมาอย่างยาวนานไม่แพ้เกมอื่น ๆ ก็ต้องยกให้เกมอย่าง WRC หรือในชื่อเต็ม World Rally Championship โดยมีอายุรวมก็ปาไป 19 ปีแล้ว และกับภาคล่าสุดที่พึ่งจะเปิดให้เล่นไปไม่นานอย่าง WRC 9 ก็มาพร้อมกับความสดใหม่ที่น่าสนใจไม่น้อย

เกมเพลย์ที่ยังคงไว้ซึ่งความเร้าใจในการเล่น

สิ่งที่เราต้องพูดถึงเป็นอย่างแรกสำหรับตัวเกม WRC 9 คือมันได้รับการต่อยอดจากภาคก่อนมาเป็นอย่างดี สิ่งใดที่ขัดต่อการเล่นของผู้เล่นได้รับการแก้ไขไปเรียบร้อยแล้วในภาคนี้ แน่นอนว่าเกมแข่งรถเกมเพลย์ที่เราจะได้รับย่อมเป็นการควบคุมอยู่หลังพวงมาลัยที่จะช่วยเติมเต็มจิตวิญญาณนักแข่งของเรา

อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่ว่าเราเลือกรถที่โดนใจแล้วลงไปขับอย่างเดียว โอเคถึงมันจะสามารถทำได้และเราน่าจะได้รับความสนุกไปเต็ม ๆ แต่ถ้าอยากได้รับอรรถรสอย่างเต็มรูปแบบ เราจำเป็นที่จะต้องรู้สภาพแวดล้อมของสนามที่เราจะเล่นด้วย เพราะหากเราเลือกรถที่เหมาะกับทางเรียบแต่สนามดันเป็นทางวิบากมันก็คงจะไม่ถูกต้อง

ด้วยความที่ WRC 9 เป็นเกมแข่งรถที่ค่อนข้างมาพร้อมกับความสมจริงฉะนั้นหากเราจะเล่นโดยที่ไม่สนใจอะไร ครั้งแรกที่ได้เล่นอาจจะพบว่าทำไมมันเข้าโค้งยากจังเลย หรือพอไปสะกิดโดนอะไรนิดหน่อยก็เสียศูนย์คุมรถไม่ได้แล้ว แต่นี่แหละที่เป็นเสน่ห์ของตัวเกมที่ยังคงถูกนำมาใช้กับเกมในภาคนี้ เรียกได้ว่าหากใครอยากได้ความสมจริงของชีวิตนักแข้งตัวเกมจะตอบโจทย์คุณได้อย่างแน่นอน

โหมดการเล่นอันหลากหลายจุดขายคือโหมด Career

ภายในตัวเกมของ WRC 9 ยังคงไว้ซึ่งโหมดการเล่นจากภาคก่อนมาให้ได้สนุกกันพร้อมกับปรับปรุงให้สามารถเพลิดเพลินได้มากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม และจุดขายของตัวเกมที่ส่วนตัวยังคงชอบอย่างมากคงหนีไม่พ้นโหมด Career ที่จะทำให้เราได้รับประสบการณ์การเป็นผู้จัดภายในทีมแข่งที่ต้องดูแลทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทีมงาน สรรหาวันแข่ง จัดวันซ้อม ทำให้เราไม่รู้สึกเบื่อที่ได้เล่นมัน

อีกทั้งตัวเกมยังได้มีการเพิ่มโหมดอย่าง Co-Driver ที่จะให้เรากับเพื่อนได้สวมบทบาทเป็นคนขับและผู้ช่วยในการบอกเส้นทาง ทำให้เราได้รับประสบการณ์ในการแข่งขัน Rally จริง ๆ และอีกโหมดอย่างโหมด League ที่จะช่วยทำให้เราสามารถที่จะสร้างการแข่งขันในแต่ละสนามขึ้นมาได้เพื่อสนุกและท้าทายเพื่อนของเรา

นอกจากนี้ก็จะมีโหมดอย่างการเล่นทั่ว ๆ ไปในแต่ละสนาม โหมดการฝึกซ้อมเพื่อที่จะช่วยให้เราเข้าใจตัวเกมได้มากยิ่งขึ้น โหมดท้าทายที่จะทำให้เราได้สนุกไปกับเป้าหมายที่ตัวเกมกำหนดขึ้นมา ถือว่าภายในเกมมีโหมดให้เราได้เล่นกันค่อนข้างที่จะมากพอสมควร

รถและทีมแข่งขันที่มาจากโลกแห่งความเป็นจริง

เรื่องของรถภายในเกม WRC 9 ถือว่าเป็นอะไรที่น่าสนใจอย่างมาก เพราะทุก ๆ คันที่มีให้เราได้เล่นกันจะเป็นรถที่มีการใช้งานในการแข่งขันจริง และยังได้มีการนำรถพิเศษที่หาไม่ได้แล้วกลับมาให้เราได้เล่นกันอีกครั้งกว่า 15 คันอย่างเช่น Proton Iriz R5 หรือ Toyota Corolla 1999 มาพร้อมกับทีมแข่งกว่า 52 ทีม และสนามแข่งขันกว่า 100 สนามจาก 15 ประเทศทั่วโลกได้สนุกไปกับการแข่งอย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ยังได้เพิ่มการแข่งเข้าไปในอีก 3 ประเทศไม่ว่าจะเป็น Kenya, Japan และ New Zealand ถือว่าเต็มอิ่มภายในเกมเดียวอย่างแน่นอน

กราฟิกสมจริงราวกับได้ไปแข่งที่สนาม

ต้องบอกก่อนว่าตัวเกมที่เราได้ทำการรีวิวในครั้งนี้จะเป็นตัวเกมสำหรับเวอร์ชั่นพีซีทำให้สามารถที่จะปรับแต่งภาพกราฟิกภายในเกมได้จัดเต็มเหนือกว่าคอนโซลอย่างแน่นอน การปรับภาพกราฟิกสูงสุดด้วยความละเอียด 1080p ก็ทำให้เราเต็มอิ่มกับคุณภาพของสิ่งภายในเกมได้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศภายในคอนโซลรถ สนามแข่ง หรือจะเป็นพวกเอฟเฟกต์อย่างรอยยาง ฝน ควันต่าง ๆ และที่น่าประทับใจคือเรื่องของแสงและเงาที่มีการตกกระทบ ทำให้บางครั้งเวลาที่เล่นอยู่ราวกับว่าได้หลุดไปอยู่ในการแข่งขันจริง ๆ

เสียงบรรยายในเกมที่เปรียบเสมือนผู้ช่วยของเรา

ระหว่างที่เราทำการแข่งขันหากสังเกตและฟังให้ดี นอกเหนือจากเสียงเครื่องยนต์ที่สมจริงและให้อารมณ์ของรถแข่งแล้ว ยังมีเสียงการอธิบายสถานการณ์และเส้นทางที่จะเกิดขึ้นภายหน้าของเราให้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำให้ลดความเร็วเพื่อเข้าโค้ง หรือจะเป็นการแนะนำเส้นทางข้างหน้าว่าจะต้องเจออะไรบ้าง เรียกได้ว่าหากใครที่ฟังภาษาอังกฤษได้จะรู้เลยว่ามันมีประโยชน์อย่างมาก

บทสรุปของ WRC 9 ถือว่าเป็นภาคต่อที่ได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นในทุก ๆ ด้าน มาพร้อมกับจำนวนรถและสนามแข่งขันใหม่ ๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีการยกระดับภาพกราฟิกภายในเกมและบรรยากาศรอบ ๆ ให้ดูดียิ่งขึ้น ส่งผลให้มันกลายเป็นตัวเกมแข่งรถที่ครบเครื่องในหมวดหมู่ที่ต้องการจะนำเสนออย่างมาก

จุดเด่น

– โหมดการเล่นที่เพิ่มเข้ามาช่วยให้ได้รับประสบการณ์นักแข่งในรายการนี้อย่างมาก

– โหมด Career ที่ได้รับการปรับปรุงให้สมจริงและสนุกไม่น่าเบื่ออีกต่อไป

– มาพร้อมกับสนามการแข่งมากมายจากหลากหลายประเทศ

– รายการแข่งที่อิงมาจากการแข่งในโลกความเป็นจริง

– รถให้เลือกใช้งานมากมาย

– กราฟิกภายในเกมที่มีการยกเครื่องให้ดูสดใหม่กว่าเดิม

จุดสังเกต

– สนามแข่งบางส่วนที่ดูจะเป็นแนวเดียวกันไปเสียหน่อย

– เสียงประกอบที่อาจจะขาดรสชาติไปบ้าง

สุดท้ายนี้ ทีมงาน This is Game Thailand ต้องขอขอบคุณทาง Ripples ที่เอื้อเฟื้อเกมดีๆ เกมมันส์ๆ มาให้พวกเราได้รีวิวกันในครั้งนี้ด้วยนะครับ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…

สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและสั่งซื้อเกมได้ที่ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ