World of Final Fantasy หรือ “โลกแห่งไฟนอลแฟนตาซี” เป็นเกมที่นำเอาไฟนอลแฟนตาซีหลายๆภาคมารวมกันและทำเป็นเนื้อเรื่องใหม่ขึ้นมา ซึ่งในภาคนี้จะเรียกโลกแห่งใหม่นี้ว่า “กริมัวร์” (Grimoire) ในเกมนี้จะมีตัวละครหลัก 2 คน กับอีก 1 ตัว คือคู่พี่น้อง Reynn (หญิง) และ Lann (ชาย) ที่สูญเสียความทรงจำบางอย่างของตัวเองไปและได้ตัดสินใจเข้าสู่โลกกริมัวร์โดยมี Tama (มอนสเตอร์ที่เหมือนสุนัขจิ้งจอกสีขาว) เป็นเพื่อนร่วมทางในการผจญภัยครั้งนี้ด้วยนี้ด้วย
เรน (Reynn) ลาน (Lann) และ ทามะ (Tama) การจัดทีมสู้ร่วมกับมิราจที่กลายเป็นเพื่อนกันแล้ว
เกมนี้เป็นเกมที่คงรูปแบบการเล่นอย่างไฟนอลแฟนตาซีไว้ คือมีการนำระบบ ATB (Ative Time Battle) มาใช้ในเกม ซึ่งสำหรับแฟนๆไฟนอลแฟนตาซีเล่นได้ไม่ยากเลยครับ อีกทั้งยังผสมผสานกับการจับมอนสเตอร์ให้มาเป็นเพื่อนร่วมเดินทาง ซึ่งน่าจะเรียกได้ว่าการจับมอนสเตอร์นั้นเป็นหัวใจหลักของเกมนี้เลยก็ว่าได้ครับ ในส่วนของบทความนี้ผมจะขออธิบายตรงส่วนที่เป็นระบบหลักๆ ที่ใช้ในการเล่นนะครับ
มิราจ (Mirage)
มิราจ คือ คำที่ใช้เรียกมอนสเตอร์ในโลกของกริมัวร์ครับ โดยที่ผู้เล่นนั้นสามารถจับมิราจได้แทบทุกตัวที่อยู่ในเกมเลยทีเดียว จากนั้นก็นำมาฝึกฝนเพิ่มเลเวล เรียนรู้อลิบิตี้และสกิลที่มิราจบอร์ด รวมไปถึงการเปลี่ยนร่างก็ต้องผ่านเงื่อนไขที่มิราจบอร์ดเช่นกันครับ (แต่ถ้าจะทำการเปลี่ยนร่าง ต้องไปเปลี่ยนที่เมนูเก็บมิราจของ NPC ฝากมิราจ “เซราฟี่” ครับ) โดยเงื่อนไขในการจับนั้นมีอยู่ 2 อย่างด้วยกัน นั่นคือ
– ต้องมีเจ็ม (Gem) / ปริซึม (Prism) ของมิราจชนิดนั้น ถึงจะมีสิทธิ์ในการจับมิราจตัวนั้นได้ แต่ในกรณีที่เจอมิราจชนิดใหม่เป็นครั้งแรก จะสามารถจับได้เลยโดยทำเงื่อนไขเฉพาะของมิราจ (จะมีมิราจบางตัวที่ไม่สามารถจับได้ก่อนด้วยครับ เพราะต้องผ่านเงื่อนไขบางอย่างก่อน เช่น สู้ให้ชนะครั้งแรกก่อนถึงจะได้เจ็มมา) ส่วนเจ็มหรือปริซึมนั้นสามารถหาเพิ่มได้จากการอัพมิราจบอร์ดด้วยครับ
– ทำเงื่อนไขเฉพาะในการจับมิราจตัวนั้น ในการจับมิราจไม่ใช่แค่ตีให้เลือดลดเหลือน้อยๆ แล้วถึงจะจับได้อย่างเดียวครับ จะมีเงื่อนไขในการจับอยู่ ซึ่งถ้าเราทำเงื่อนไขถูกต้องก็จะมีแสงสว่างขึ้นที่รอบตัวของมิราจ แสดงให้เห็นว่าเรามีสิทธิ์และโอกาสจับมิราจตัวนั้นได้แล้ว ยิ่งแสงสว่างมากขึ้นแค่ไหนเราก็จะจับมิราจได้ง่ายมากขึ้นด้วยครับ โดยเงื่อนไขนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละตัว เช่น ตีให้เลือดเหลือน้อย ใช้เวทมนตร์ในการโจมตีใส่มิราจ ทำให้มิราจมีอาการผิดปกติ เป็นต้นครับ
* Gem เป็นคำที่ใช้ในเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น / Prism เป็นคำที่ใช้ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ
** สามารถตรวจสอบเงื่อนไขการจับมิราจเป็นเพื่อนได้โดยใช้เวทมนตร์ Libra ตรวจสอบมิราจตัวนั้นๆครับ
Chocochick เป็นมิราจที่เราสามารถโจมตีธรรมดาๆ ก็สามารถจับมาเป็นเพื่อนได้อย่างง่ายดาย
ขนาดตัว (Size)
ในเกมนี้ผู้เล่นจะสามารถเปลี่ยนร่างของเรนและลานให้อยู่ในร่างปกติ (โอบิโตะ) หรือร่างเล็กขนาด SD (พริเมโล่) ได้ตามต้องการเลยครับ ซึ่งในแต่ละร่างเราก็จะสามารถจัดทีมร่วมกับมิราจเพื่อการต่อสู้ได้ครับ โดยขนาดตัวนั้นจะมีขนาดทั้งหมด 4 ขนาดด้วยกัน นั่นคือ ไซส์ S M L และ EX ครับ ในการจัดทีมจะต้องมีตัวละครทั้งหมด 3 ขนาด คือ S M L ในการต่อสู้ โดยตัวละครหลักอย่างเรนและลานจะต้องอยู่ในทีมตลอด และผู้เล่นต้องหามิราจมาเสริมทีมให้เรนกับลานแข็งแกร่งขึ้นครับ
– Size S จะเป็นร่างที่เล็กที่สุด เช่น ทามะ ลูกโจโคโบะ โมกุริ เป็นต้นครับ เป็นร่างที่ค่อนข้างจะมีพลังน้อย แต่ก็มีอลิบิตี้ที่สามารถสนับสนุนผู้เล่นได้ดีเมื่ออยู่ในตอนรวมทีมกันครับ
– Size M เป็นร่างขนาดกลาง เรนและลานในร่างพริเมโล่ก็คือขนาดไซส์ M ครับ ในส่วนของมิราจก็เป็นร่างที่ค่อนข้างสมดุล มีทั้งสกิลและอลิบิตี้เยอะพอสมควรเลยทีเดียวครับ ยกตัวอย่างของมิราจไซส์นี้ก็เช่น ก็อบลิน โจโคโบะ ลูกเบฮีมอธ เป็นต้นครับ
– Size L เป็นร่างขนาดใหญ่ เรนและลานในร่างโอบิโตะคือขนาดไซส์ L ครับ มิราจในไซส์นี้เป็นร่างที่แข็งแกร่งและมีสเตตัสค่อนข้างสูง รวมถึงมีอลิบิตี้และสกิลระดับสูงอยู่ในตัวด้วย ส่วนมากถ้าพัฒนามิราจสูงๆแล้วก็จะอยู่ในร่างขนาด L กันซะส่วนใหญ่ เช่น เมก้าโจโคโบะ อิฟริท ชิวา ลามู เป็นต้นครับ
เหล่ามิราจร่างแรกของ อิฟริท ลามู และชิวา
– Size EX หรือเรียกอีกอย่างว่า Mega Mirage จะสามารถพัฒนาได้จากมิราจบางตัวเท่านั้น เช่น คลอว์เบฮีมอธ เซอร์เบอรัส แต่บางตัวก็เป็นตัวลับที่หาไม่ได้จากการพัฒนาครับ เมก้ามิราจนั้น HP จะเยอะมากและพลังในส่วนต่างๆก็มากตามเช่นกัน แต่ก็มีความสามารถบางส่วนที่ค่อนข้างลำบากในการใช้งาน เช่น การโจมตีธรรมดาก็ยังต้องเสีย AP ในการโจมตี ในส่วนของการเรียกใช้มิราจไซส์นี้จำเป็นต้องกดคำสั่งเรียกออกมาเท่านั้นครับ มิราจตัวอื่นๆจะหายไปหมดเหลือเพียงแค่เรนกับลานในร่างพริเมโล่และมิราจไซส์ EX เท่านั้น
เซอร์เบอรัสหนึ่งในเมก้ามิราจของเกม WoFF
* Oobito กับ Primelo เป็นคำที่ใช้ในเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น / Jiant กับ Lilikin เป็นคำที่ใช้ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ
จัดทีมสร้างกองกำลัง (Nose Nose Plan / Stack Setup)
สิ่งสำคัญอีกอย่างในเกมก็คือการจัดทีมครับ คำสั่งนี้มีไว้สำหรับจัดทีมในการต่อสู้ทั้งในร่างปกติและร่างตัวเล็ก โดยสเตตัสต่างๆจะเกิดผลรวมจากการจัดทีมร่วมกันกับมิราจครับ รวมทั้งส่งผลในเรื่องของความต้านทานเวทมนตร์ และความต้านทานอาการผิดปกติต่างๆด้วยครับ นอกจากนี้ก็ยังมีผลต่อเวทมนตร์ที่เราสามารถใช้อีกด้วยครับ เพราะบางอย่างจะเกิดจากการรวมกันของเวทมนตร์จากตัวมิราจและตัวของเรนกับลานครับ เช่น เรนติดตั้งมิร่าสโตน “ไฟร์” หนึ่งชิ้น และมีมิราจบอมไซส์ M ที่เรียนรู้เวทมนตร์ไฟร์แล้วอยู่ในทีม ตอนต่อสู้ เรนจะสามารถใช้เวทมนตร์ “ไฟร่า” ได้ครับ ให้คิดง่ายๆก็คือการบวกธาตุเพิ่มพลังเข้าไปครับ ยกตัวอย่างอีกอย่างหนึ่ง เช่น เรนติดตั้งมิร่าสโตน “โฮลี่” และมีมิราจที่สามารถใช้เวทมนตร์ “ดาร์ค” ได้อยู่ในทีม เรนก็จะสามารถใช้สกิล “ดาร์คโฮลี่” ได้ครับ
* Nose Nose Plan (อ่านว่าโนเสะโนเสะแพลน) เป็นคำที่ใช้ในเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น / Stack Setup เป็นคำที่ใช้ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ
มิราจบอร์ด (Mirage Board)
มิราจบอร์ด คือ แผนผังในการเพิ่มความสามารถให้แก่มิราจครับ ซึ่งจะเป็นเส้นโยงไปโยงมา ผู้เล่นสามารถใช้ SP ที่ได้จากการเพิ่มเลเวลมาเรียนรู้ครับ แบ่งความสามารถที่พัฒนาให้กับมิราจได้ดังนี้ครับ
– อลิบิตี้เสริมสเตตัสให้กับมิราจ เช่น เพิ่ม HP พลังโจมตี พลังเวทมนตร์
– สกิลใช้ในการต่อสู้ เช่น เวทมนตร์โจมตีธาตุต่างๆ สกิลความสามารถเฉพาะตัว
– ความสามารถพิเศษ เป็นความสามารถที่ใช้ช่วยในการผ่านด่านต่างๆ หรือแก้ไขปริศนา เช่น จุดไฟ แช่แข็ง ช๊อตไฟฟ้า บิน เป็นต้นครับ และยังมีมิราจบางตัวที่สามารถนำมาใช้ขี่เล่นในฉากได้ด้วยครับ
– เจ็ม / ปริซึม คือจุดที่เรากดเรียนรู้จะได้เจ็มหรือปริซึมของมิราจตัวนั้นมาใช้ครับ
– มิร่าสโตน / มิร่าเจเวล ขออธิบายในหัวข้อต่อไปครับผม
– แปลงร่าง! คือจุดที่เราสามารถให้มิราจเปลี่ยนเป็นร่างอื่นไปได้ครับ
รูปร่างของตารางมิราจบอร์ด
หินเวทมนตร์ (Mira Stone / Mirajewels)
เรนกับลานนั้นเป็นตัวละครที่ถ้าอยู่เดี่ยวๆแล้วแทบจะไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากการโจมตีธรรมดาครับ อีกทั้งใน WoFF ไม่มีการใส่อาวุธและชุดเกราะให้ตัวละคร ดังนั้นสิ่งเดียวที่พอจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเรนและลานได้ก็คือ Mira Stone ครับ ซึ่งมิร่าสโตนก็คือเวทมนตร์ที่ไว้ใช้สำหรับติดตั้งให้กับเรนและลานโดยเฉพาะ มิร่าสโตนสามารถหาได้หลักๆจากการอัพมิราจบอร์ดครับ ซึ่งมิราจแต่ละตัวจะมีมิร่าสโตนแตกต่างกันออกไปตามลักษณะของประเภทกับธาตุครับ นอกจากนี้ก็ยังมีมิร่าสโตนที่ช่วยเสริมสเตตัสให้กับเรนและลานได้ด้วยครับ
* Mira Stone เป็นคำที่ใช้ในเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น / Mirajewels เป็นคำที่ใช้ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ
เหล่าผู้กล้าจากตำนานไฟนอลแฟนตาซี (Saviors / Champions)
ใน WoFF นั้นมีเหล่าตัวเอกจาก Final Fantasy หลายๆภาคมารวมกัน และพวกเขาเหล่านั้นก็เป็นผู้ช่วยชั้นเลิศที่เราสามารถเรียกมาช่วยยามคับขันได้อีกด้วยครับ (แต่ไม่ใช่ว่าจะเรียกได้ทุกคนนะ) ถ้าเปรียบเทียบก็จะเหมือนกับการเรียกมนตร์อสูรออกมาโจมตีของ FF ในภาคต่างๆนั่นเองครับ โดยเงื่อนไขการได้มานั้นมีอยู่ 2 อย่างด้วยกัน นั่นคือ
– ผ่านเนื้อเรื่องที่ได้เจอกับตัวละครที่สามารถเรียกมาร่วมสู้ได้ เช่น Warrior of Light, Lightning, Cloud เป็นต้น ให้จบบทที่ได้เจอตัวละครนั้นไปก็จะผ่านเงื่อนไขแรกครับ ซึ่งจะทำให้มีเหรียญโผล่ออกมาให้เราแลกได้ครับ (แต่ก็มีบางตัวที่ถูกยกเว้นให้ไปเจอในเนื้อเรื่องช่วงหลังๆเช่นกันครับ)
– เงื่อนไขที่สอง ซึ่งทำให้สามารถเรียกใช้ได้คือต้องไปแลกเหรียญมาจากเด็กผู้หญิงปริศนาที่อยู่ในห้องน้ำชา (จุดที่ทำ Kokoro Quest / Heart Quest) โดยที่ Savior Medal หรือ Champion Medal นั้นสามารถแลกมาได้โดยการแลกเปลี่ยนกับไอเทมพิเศษชนิดหนึ่ง นั่นคือ Alma Gem ครับ
เมื่อทำเสร็จครบ 2 เงื่อนไขนี้แล้ว ผู้เล่นก็จะสามารถติดตั้งเหรียญนี้ไว้ในช่องเรียกตัวละครได้ครับ ซึ่งสามารถใส่ได้สูงสุดถึง 3 เหรียญ แต่ละเหรียญตัวละครจะต้องใช้ Savior Guage / Champion Gauge ในการเรียกออกมา ซึ่งเกจที่ว่านี้จะได้จากการต่อสู้กับมิราจและสะสมเพิ่มได้เรื่อยๆตลอดทั้งเกม แต่จะสามารถเก็บสะสมได้สูงสุดเพียง 3 เกจเท่านั้น และตัวละครแต่ละตัวจะใช้เกจไม่เท่ากันครับ เช่น ยูน่า ใช้ 1 เกจ ส่วน คลาวด์ ใช้ 2 เกจ เป็นต้นครับ รายละเอียดของการใช้กี่เกจนั้นสามารถดูได้จากตอนกดติดตั้งเหรียญของตัวละครครับ
* Savior เป็นคำที่ใช้ในเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น / Champion เป็นคำที่ใช้ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ
** Kokoro เป็นคำที่ใช้ในเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น / Heart เป็นคำที่ใช้ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ
เรียกพี่คลาวด์สุดมุ้งมิ้งออกมาช่วยเหลือ
สำหรับการที่ผู้เล่นจะเก่งขึ้นนั้นขึ้นอยู่กับการฝึกฝนมิราจและผนึกกำลังกับตัวละครหลักอย่างเรนและลานครับ เพราะจะทำให้สเตตัสต่างๆเปลี่ยนไปตามการจัดทีมด้วย จึงต้องเลือกทีมที่มีความสามารถเหมาะสมต่อการต่อสู้ในแต่ละสถานการณ์จึงจะสามารถต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย และการจัดทีมของมิราจนั้นก็ยังมีผลต่อสกิลและอลิบิตี้ที่อยู่ในฉากต่อสู้ด้วยครับ
สำหรับใครที่ชอบเกมอย่างไฟนอลแฟนตาซีกับการฝึกฝนมอนสเตอร์อย่างโปเกมอนหรือดิจิมอนก็ไม่ควรพลาดเกมนี้เลยครับ แม้จะมีบางจุดที่ยังสงสัยอยู่ว่าผู้พัฒนาเกมทำมาทำไม? (อย่างเช่น ปุ่ม x ที่มีไว้แค่กดกระโดดดึ๋งๆ เพื่อความน่ารักเท่านั้น) แต่ก็ไม่ใช่จุดที่น่าใส่ใจมากนักเท่าไหร่ครับ ต่อให้เป็นคนที่ไม่เคยเล่นเกมตระกูล FF มาก่อนก็สามารถสนุกกับเกมนี้ได้อย่างแน่นอนครับ อีกทั้งยังมีเนื้อเรื่องสนุกๆ ผลัดกับการฉายอนิเมชันเป็นระยะ ทำให้เพลิดเพลินกับเนื้อเรื่องได้ดีเลยครับ เป็นเกมที่เล่นแล้วคุ้มค่ากับราคาที่ซื้อมาเลยล่ะครับ
World of Final Fantasy Opening
Official Website
worldoffinalfantasy.square-enix.com
