รีวิวรีวิว / พรีวิวเกม

[รีวิว] Visions of Mana – ออกผจญภัยไปในโลกแห่งพลังธาตุ

เกมแอ็กชั่น JRPG ที่นำเสนอการต่อสู้และการสำรวจโลกได้อย่างน่าสนใจ

Visions of Mana คือเกมภาคใหม่ล่าสุดในซีรีส์แฟนตาซีสุดคลาสสิค ที่มีเรื่องราวการผจญภัยไปยังต้นไม้แห่งมานาโดยมีดาบศักดิ์สิทธิ์และพลังมานาเป็นหัวใจสำคัญ สำหรับผู้กล้าในภาคนี้คือ Val เขาออกเดินทางร่วมกับ Hinna เพื่อนสมัยเด็กที่ได้รับแต่งตั้งเป็น อัลมแห่งไฟ (Alm of Fire) ทั้งคู่จะได้เผชิญกับเหล่ามอนสเตอร์น่ารักแต่แสนดุร้ายในทุ่งกว้างอันกว้างใหญ่กึ่งโลกเปิด โดยตลอดการผจญภัยพวกเขาจะได้พบเพื่อนใหม่มากมาย และค้นพบความจริงของโลกใบนี้… ชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้ เราจะยอมรับมันหรือไม่? หรือเราจะสร้างมันขึ้นมาใหม่ด้วยตัวของเราเอง!

และในวันนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสออกเดินทางไปกับ Val และผองเพื่อนมาแล้ว และผู้เขียนก็ไม่พลาดที่จะนำรีวิวมาให้ทุกคนได้ติดตามกันครับ

อนึ่ง… การรีวิวนี้เกิดขึ้นบน PS5 และถ้าหากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้า ข้อสังเกตบางข้ออาจมีการแก้ไขเรียบร้อยหลังจากที่รีวิวเผยแพร่ไปแล้วก็เป็นได้ครับ

กราฟิกสุดอลังการ แต่ยังมีจุดพลาดอยู่บ้าง

Review Visions of Mana

กราฟิกภาพรวมของเกมนี้สวยงามจับตาไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นพื้นผิวของชุดเกราะ ตัวละคร หรือสิ่งแวดล้อมรอบตัวละครของผู้เล่น นอกจากนี้โลกของเกมดังกล่าวยังถูกออกแบบมาได้สวยงาม มีมิติเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามความซับซ้อนของการออกแบบ รวมไปถึงรายละเอียดที่มีอยู่เยอะพอสมควรอาจจะทำให้พื้นผิวกราฟิกบางจุดนั้นดูเบลอขัดตาไปบ้าง แต่สามารถมองข้ามไปได้ในระดับหนึ่ง

Review Visions of Mana

นอกจากนี้เกมดังกล่าวยังมาพร้อมกับ 2 โหมดกราฟิกให้เลือก นั่นก็คือโหมดความคมชัดสูงสุด และโหมดประสิทธิภาพ โดยไม่ว่าจะเลือกโหมดไหนคุณภาพกราฟิกก็ไม่ได้ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดสักเท่าไหร่ แถมจุดนี้เป็นจุดที่ผู้เขียนรู้สึกประทับใจก็คือ การเล่นเกมในขณะที่ปรับโหมดภาพอยู่ที่ความคมชัดสูงสุด แต่ก็ยังสามารถเล่นเกมได้ลื่นไหลระดับ 60 FPS เกือบตลอดเวลา (มีเฟรมเรตตกลงมาน้อยกว่า 60FPS บ้างเล็กน้อยเมื่อเจอโลกที่กว้าง หรือเอฟเฟกต์จากการต่อสู้) ทำให้การผจญภัยในโลกแฟนตาซีของเกมนี้เป็นไปอย่างเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก

การต่อสู้แอ็กชั่นคอมโบกายภาพผสมผสานพลังเวทย์

Review Visions of Mana

ตอนแรกผู้เขียนแอบเซ็งเล็กน้อยกับระบบการต่อสู้ของเกมนี้ โดยเฉพาะแอ็กชั่นของตัวละครในการฟาดฟันกับศัตรู เพราะความรู้สึกส่วนตัวของผู้เขียนมองว่าการโจมตีแต่ละครั้งดูไม่มีน้ำหนัก เบาหวิวเหมือนกับการฟันกระดาษเฉย ๆ มีดีก็เพียงแต่การโจมตีที่ลื่นไหล แต่เมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ พร้อมปลดล็อคสกิลต่าง ๆ ก็ทำให้รู้ว่าการโจมตีนี้มีจุดประสงค์หลักก็เพื่อทำให้เกิดความคล่องตัวในการปลดปล่อยคอมโบระหว่างการโจมตีให้ดูเนียนตามากที่สุด โดยจากที่ได้เล่นไปเรื่อย ๆ จนได้สกิลมาหลากหลายก็พบว่าการเคลื่อนไหวของตัวละครในการใช้ท่วงท่าต่าง ๆ นั้นมีการเชื่อมต่อกันทำให้ดูเนียนตาน่าเล่นมากขึ้น ซึ่งก็ถือว่าทำออกมาได้น่าประทับใจไม่น้อยเลยทีเดียว

Review Visions of Mana

นอกจากนี้ตัวเกมยังมาพร้อมกับระบบ Ring ที่จะทำให้ผู้เล่นสามารถเลือกใช้ไอเทมหรือสกิลได้ผ่านการกดปุ่มทิศทาง และก็ใช้แกนอนาล็อกในการเลือกไอเทม/สกิลที่ต้องการใช้ แต่ถ้าใครไม่ถนัด หรืออยากได้สิ่งที่สะดวกกว่านั้น เกมนี้ก็เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ติดตั้งไอเทม/สกิลผ่านระบบ Shortcut ทำให้ผู้เล่นเพียงแค่กดปุ่ม R1 หรือ L1 จากนั้นก็เพียงแค่กดปุ่มทิศทางหรือปุ่มสัญลักษณ์ เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งานไอเทม/สกิลได้แล้ว ซึ่งการควบคุม 2 ระบบนี้ก็มีความแตกต่างกันเล็กน้อยที่การกดปุ่มไอเทม/สกิลผ่าระบบ Ring จะทำให้ตัวเกมมีความเป็น Tactical มากกว่า เพราะผู้เล่นสามารถเลือกสลับไปยังตัวละครอื่น ๆ เพื่อให้ใช้ไอเทม/สกิลได้พร้อมกันในเวลาเดียวกัน แต่ในระบบ Shortcut จะให้ความรู้สึกเป็นแอ็กชั่นมากกว่า เพราะเราสามารถทำคอมโบต่อเนื่องได้เลย

Review Visions of Mana

นอกจากนี้เกมดังกล่าวไม่ได้บังคับผู้เล่นควบคุมตัวละครใดตัวละครหนึ่งเป็นหลัก ทำให้ผู้เล่นสามารถสลับตัวละครในการควบคุมได้อีกด้วย ซึ่งจุดนี้เองก็เพิ่มมิติของการเล่นเกมให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันตัวละครที่ผู้เล่นไม่ได้ควบคุม ผู้เล่นสามารถตั้งค่า AI ให้พวกมันเคลื่อนไหวด้วยตนเองได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย ซึ่งการตั้งค่าก็ถือว่าทำออกมาได้เยอะในระดับหนึ่งไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการต่อสู้ที่มุ่งเน้นโจมตีแบบล้างผลาญ หรือเล่นเพลย์เซฟ, การใช้มานาที่เลือกได้ว่าให้ใช้แบบไม่ต้องกั๊ก ใช้แบบสมดุลย์ หรือว่าห้ามใช้เลย อีกทั้งยังมีการกำหนดได้ด้วยว่าจะให้โจมตีเป้าหมายเดียวกับตัวละครที่ผู้เล่นควบคุม หรือว่าโจมตีตัวอื่น ๆ ทำให้ AI ภายในเกมนี้มีประโยชน์เป็นอย่างมากครับ

ระบบการเปลี่ยนคลาสผ่าน Elemental Vessel

Review Visions of Mana

อีกหนึ่งระบบที่ผู้เขียนประทับใจเป็นอย่างมากก็คือ ระบบการเปลี่ยนคลาสของตัวละครภายในเกมที่เรียกได้ว่ามีเยอะแบบสุด ๆ ซึ่งคลาสเหล่านี้จะปลดล็อคผ่านการดำเนินเนื้อเรื่องไปเรื่อย ๆ โดยแต่ละคลาสที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นจะส่งผลให้ผู้เล่นสามารถอัปเกรดสกิลของตัวละครได้เพิ่มขึ้นด้วย ทำให้ผู้เล่นสามารถสร้างสรรค์เซ็ตสกิลในแบบของตนเองได้แบบจัดเต็มเลยทีเดียว นอกจากนี้ จากที่ผู้เขียนดูแล้ว 1 ตัวละครมีคลาสให้เปลี่ยนมากถึง 8 คลาส ทำให้ผู้เล่นสามารถผสมผสานทีมของผู้เล่นได้มากกว่า 100 รูปแบบเลยทีเดียว (ไม่นับสกิลอีกจำนวนมากที่บอกได้เลยว่าจัดเซ็ตได้ก็น่าจะถึง 1,000 รูปแบบเลยทีเดียว)

Review Visions of Mana

นอกจากนี้สิ่งที่ผู้เขียนรู้สึกประทับใจไม่แพ้กันก็คือ ดีไซน์ของตัวละครแต่ละคลาสที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดี โดยชุดของแต่ละคลาสจะมีความโดดเด่นที่แตกต่างกันออกไปมาก แต่ก็ยังคงเอกลักษณ์ของตัวละครดังกล่าวเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ทำให้ผู้เล่นจะสนุกกับการค้นหาคลาสใหม่ ๆ เพื่อลุ้นชมดีไซน์ของตัวละครแต่ละตัวอย่างแน่นอน

การสำรวจโลกกว้างที่ทำได้ละเอียด

Review Visions of Mana

องค์ประกอบต่อมาที่ผู้เขียนรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมากก็คือการสำรวจโลกกว้างภายในเกมนี้ โดยในแต่ละพื้นที่ถูกออกแบบให้มีพื้นที่ที่ผู้เล่นจะได้ออกสำรวจค้นหาไอเทมที่ซ่อนอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ ที่ผู้เขียนประทับใจมากที่สุดก็คือมีการบอกชัดเจนว่าหีบสมบัติซ่อนอยู่ตรงไหนบ้าง แต่เราต้องใช้ความพยายามในการค้นหาพอสมควร ประกอบกับรูปแบบการเคลื่อนไหวที่ผู้เล่นสามารถกระโดดสองชั้นได้รวมไปถึงให้ผู้เล่นไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้การเข้าถึงพื้นที่ต่าง ๆ ได้ค่อนข้างเยอะ ส่งผลให้การสำรวจโลกภายในเกมนี้ค่อนข้างละเอียด ทำให้ต้องใช้เวลาเยอะพอสมควรเลยทีเดียว แต่บอกได้เลยว่าเป็นการเสียเวลาที่คุ้มค่าและเพลิดเพลินถูกใจสายสำรวจโลกแน่นอน

สิ่งที่ผู้เขียนรู้สึกประทับใจอีกอย่างหนึ่งก็คือระบบฟรีรันนิ่งของเกมนี้ที่เมื่อไรก็ตามที่ตัวละครวิ่งไปข้างหน้าแล้วเจอกับสิ่งกีดขวางที่ไม่สูงมากนัก ตัวละครจะทำการปีนหรือกระโดดข้ามอัตโนมัติ ไม่ต้องกดปุ่มใด ๆ ให้วุ่นวาย ทำให้การควบคุมเกมนี้ทำได้ลื่นไหลมาก

Review Visions of Mana

และเมื่อพูดถึงความลื่นไหลผู้เขียนมองว่าการเชื่อมต่อระหว่างช่วงสำรวจและการต่อสู้นั้นทำออกมาได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ เพราะตัวเกมไม่มีการตัดฉากเข้าสู่ฉากการต่อสู้แต่อย่างใด แต่อยู่ในรูปแบบการวิ่งเข้าหาศัตรูและเมื่อศัตรูพบเห็นเราจะเข้าสู่การต่อสู้ทันทีโดยมีเขตพื้นที่ปรากฏขึ้นมาให้เราได้เห็นว่าการต่อสู้จะเกิดขึ้นในพื้นที่บริเวณดังกล่าวเท่านั้น ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่เราวิ่งออกนอกเหนือจากเขตพื้นที่จะกลายเป็นการหลบหนีทันที โดยผู้เขียนมองว่ารูปแบบการนำเสนอการเปลี่ยนผ่านตรงนี้ค่อนข้างลื่นไหล ไม่ขัดจังหวะอารมณ์ในการเล่นเกมเลย

การนำเสนอธีมของเกมในสไตล์ JRPG ที่ลงตัว

Review Visions of Mana

อีกจุดหนึ่งที่ผู้เขียนรู้สึกประทับใจก็คือการนำเสนอเกมที่ยังคงบรรยากาศแบบ JRPG เอาไว้ได้เป็นอย่างดีผ่านมุกตลกต่าง ๆ ที่ถูกสอดแทรกเข้ามาได้อย่างลงตัว ทำให้ตลอดการผจญภัยของเราจะได้หัวเราะไปกับบทสนทนาสุดป่วนของตัวละคร ไม่ซีเรียสจนเกินไป ฉะนั้นใครที่กำลังหาเกมที่เล่นแล้วผ่อนคลาย เกมนี้ถือว่าเป็นอีกเกมที่ไม่ควรพลาด

Review Visions of Mana

นอกจากนี้เนื่องจากเกมมุ่งเน้นการนำเสนอระบบ Elemental Vessel หรือพลังธาตุที่มีอยู่ภายในโลกของเกมนี้ ทำให้ตัวเกมไม่ได้นำเสนอพลังธาตุในแง่ของการต่อสู้เท่านั้น แต่เราจะได้เห็นการออกสำรวจโลก รวมไปถึงไขปริศนาในฉากต่าง ๆ ด้วยการใช้พลังธาตุ เช่นการใช้พลังธาตุลมเพื่อส่งให้เราพุ่งสูงขึ้นไปกลางอากาศให้เราเดินทางไปยังอีกฝั่งหนึ่งได้ง่ายขึ้น เป็นต้น

โดยรวมแล้วเกมนี้ถือว่านำเสนอธีมของเกมออกมาได้ดีแถมยังผสมผสานกับความเป็นเกม JRPG ออกออกมาได้อย่างลงตัวซึ่งผู้เขียนขอบอกได้เลยว่าหากใครไม่เคยเล่นเกมของซีรีส์นี้มาก่อน เกมนี้จะเป็นเกมที่ทำให้คุณรู้จักซีรีส์นี้ได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน

สรุปรีวิว Visions of Mana

Review Visions of Mana

สำหรับเกมนี้ผู้เขียนเองก็ยอมยกนิ้วให้อีกหนึ่งเกมครับ โดยเฉพาะในประเด็นของการสำรวจโลก และความลื่นไหลในการต่อสู้ รวมไปถึงการนำเสนอที่ทำออกมาได้ดีมาก ๆ แม้จะมีจุดที่น่าเสียดายนิดหน่อยที่เนื้อเรื่องอาจจะเป็นอะไรที่คาดเดาได้อยู่แล้วตามแบบฉบับเกม JRPG รวมไปถึงยังมีปัญหาเรื่องกราฟิกไม่คมชัดในบางจุด

ส่วนตัวผู้เขียนขออนุญาตให้คะแนนเกมนี้ที่ 9 เต็ม 10 ครับ ผู้เขียนขอย้ำว่า รีวิวนี้ รวมถึงคะแนนนี้เป็นมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น แฟนเกมคนอื่น ๆ อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันก็ได้ครับ

จุดเด่น

– กราฟิกที่สวยงาม เอฟเฟกต์อลังการ แถมเล่นได้ลื่นไหล

– เกมเพลย์แอ็กชั่นที่ลื่นไหล ผสมผสานคอมโบการโจมตีกายภาพและเวทมนตร์ได้ลงตัว

– ระบบการเปลี่ยนคลาสที่ทำได้เยอะมาก ๆ

– การสำรวจโลกกว้างที่ละเอียดและลื่นไหล

– การนำเสนอระบบธาตุเข้ากับระบบการสำรวจที่ลงตัว

– ความสนุกของเกมสไตล์ JRPG ที่เพลิดเพลิน

– การใช้เสียงจากจอย DualSense ที่คุ้มค่าจัดเต็ม

ข้อสังเกต

– มีพื้นผิวกราฟิกไม่ชัดบ้างในบางจุด

– ปิดเสียงบนจอย DualSense ไม่ได้

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ SQUARE ENIX และ Bandai Namco Entertainment ที่เอื้อเฟื้อและสนับสนุนเกมมาให้เราได้รีวิวในครั้งนี้ด้วยครับ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…

ใครที่สนใจก็สามารถสั่งซื้อเกมได้ที่ :  [คลิก] 

ผู้อ่านคนใดต้องการติดตามรีวิว / พรีวิวเกมอื่น ๆ ของ This Is Game Thailand ก็สามารถมาได้ที่นี่ครับ >>>คลิก<<<

Youryu

นักผจญเกมที่ไม่จำกัดประเภทและแพล็ตฟอร์ม
Back to top button