[รีวิว] Darksiders: Genesis เกม Hack & Slash Action RPG ที่จะพาคุณกลับสู่จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ที่มีมา

หากจะให้พูดถึงเกมแนวเดินหน้าลุยไม่ยั้งเราอาจจะนึกถึงเกมแนวตระกูล Musou กันอย่างไรก็ตามมีอีกหนึ่งเกมที่ออกมาแล้วหลากหลายภาค และที่เรากำลังพูดถึงอยู่คือ Darksiders หนึ่งในตระกูลเกมที่ได้ออกมาโลดแล่นในโลกของวิดีโอเกมมาได้พักใหญ่ ๆ และกับภาคล่าสุดอย่าง Genesis ได้มีการยกเครื่องระบบการเล่นที่เคยเป็นมา พร้อมกับย้อนเรื่องราวกลับไปในจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดที่มีมา ฉะนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าตัวเกมมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง

ย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่จะกลายเป็นตำนาน

เรื่องราวของ Darksider ในทุก ๆ ภาคจะเล่าเรื่องราวจากตัวของ 4 จตุรอาชา (4 Horsemen) ที่เราจะได้สวมบทบาทในการเดินหน้าเพื่อหยุดยั้งแผนการต่าง ๆ และปรับสมดุลให้กับโลก อย่างไรก็ตามเนื้อเรื่องใน Darksiders: Genesis จะมาพร้อมกับการพูดถึงจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด ไล่ตั้งแต่การที่ราชาแห่งโลกใต้พิภพนามว่า Lucifer ที่มีแผนครั้งใหญ่ในการทำลายสมดุลความเป็นไปของโลกลง จึงได้มีการให้พลังแก่เหล่าปีศาจเพื่อที่จะให้มาเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ ทำให้ทาง 4 จตุรอาชาต้องมาขัดขวางสิ่งที่ Lucifer พยายามจะทำ โดยในภาคนี้เราจะได้เล่นเป็น Strife ที่เป็นจตุรอาชาคนใหม่และ War ตัวละครหลักจากภาคแรก

มุมมองการเล่นแบบใหม่แต่ไม่ลดทอนอารมณ์การเล่น

หากใครที่ได้เล่นเกมตระกูล Darksiders มาคงจะยึดติดกับภาพการเล่นในมุมมองบุคคลที่ 3 แต่ในภาพใหม่จะมีการปรับเปลี่ยนมุมมองของภาพใหม่จากเดิมให้กลายมาเป็นมุมกล้องจากเดินบนแทน ซึ่งการที่ปรับเปลี่ยนมุมมองมาเป็นแบบนี้แทนช่วยให้เราสามารถที่จะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้กว้างขึ้น และช่วยให้เราสามารถที่จะสนุกกับการเดินหน้าแบบหยุดยั้งได้เช่นเดิม 

ระบบการเล่นแบบใหม่ที่ช่วยเสริมความสนุก

อย่างที่ได้บอกไปก่อนหน้าว่าตัวเกมมีการปรับเปลี่ยนมุมมองมาใช้แบบด้านบนแทน ทำให้การที่เราจะเดินหน้าฆ่าไม่เลี้ยงอาจจะไม่ใช่ทางเลือกหลัก เพราะในเกมเราต้องพึงระวังการโจมตีตากศัตรูและฉากอยู่ตลอดเวลา หากพลาดรับรองว่ามีเจ็บหนักแน่ ๆ กับลูกน้องทั่ว ๆ ไปคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่หากไปเจอกับบอสหากไม่หลบมีตายแน่นอน นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบใหม่อย่างการสลับตัวละครเพื่อที่จะใช้งานเสริมความสนุกและการเล่นที่หลากหลายไม่จำเจ จะสอยระยะไกลหรือเข้าไปบวกระยะใกล้ได้ไม่มีปัญหา

ครั้งแรกกับโหมด Co-op

ด้วยความที่เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเล่นจากเดิมที่เอื้อให้กับการเล่นคนเดียวเสียมากกว่า แต่เมื่อมีการเปลี่ยนมุมมองภาพมาเป็นแบบมองจากด้านบนแทน ทำให้เราสามารถที่จะได้รับประโยชน์จากการปรับเปลี่ยนในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน เพราะทางผู้พัฒนาเพิ่มโหมด Co-op เข้ามาเสริมให้การเล่นของเราและเพื่อนสนุกยิ่งขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาลุยเดี่ยวอีกต่อไป

การอัปเกรดสิ่งต่าง ๆ เข้าใจง่าย

ใครที่คิดว่าการเปลี่ยนมุมมองมาเป็นด้านบนแล้วจะทำให้ระบบในเกมจะยุ่งยาก เพราะติดภาพลักษณ์ของเกมที่ใช้งานมุมมองแบบนี้ขอให้คิดเสียใหม่ เพราะภายในเกม Darksiders: Genesis มาพร้อมกับระบบการอัปเกรดที่ไม่ยุ่งยาก สามารถหาสิ่งสำหรับการอัปเกรดได้จากศัตรูในฉากและบอสได้เลย รวมไปถึงการหาเงินต่าง ๆ ก็สามารถหาได้จากการผ่านการบุกตะลุยไปเรื่อย ๆ

ยังคงไว้ซึ่งงานภาพที่งดงาม

สำหรับการเล่าเรื่องและงานภาพภายใน Darksiders: Genesis ยังคงไว้ซึ่งการใช้งานภาพแบบเดิมที่เคยเป็นมา แน่นอนด้วยความที่มีการปรับเปลี่ยนมุมมองของตัวเกมทำให้โมเดลของสิ่งต่าง ๆ ภายในฉากอาจจะไม่ได้คมชัดเท่ากับแบบมุมมองเดิม แต่ก็ยังคงมีรายละเอียดที่เก็บได้ครบไม่ต่างกันมากนัก ซึ่งในจุดนี้น่าจะขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนว่าชอบสไตล์แบบใดมากกว่ากัน

สรุป

เรียกได้ว่าใครที่เป็นแฟนเกม Darksiders: Genesis ต้องห้ามพลาดเพราะมันแทบจะบอกได้ว่านี้เป็นการเล่าเรื่องราวที่ขาดหายไป และไม่เคยทราบมาก่อน ส่วนผู้เล่นใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสเกมตระกูลนี้มาก่อนก็สามารถที่จะเล่นได้เช่นกัน ด้วยระบบการเล่นที่เข้าใจง่ายและเล่นได้ทุกคน ใครที่สนใจก็สามารถที่จะหาซื้อได้แล้ววันนี้บน Steam ในราคาที่ไม่แพงเลย

จุดเด่น

– การปรับเปลี่ยนมุมมองการเล่นใหม่ที่ทำให้เห็นรายละเอียดได้มากขึ้น

– ระบบการเล่นเข้าใจง่าย ไม่ต้องทำความเข้าใจนาน

– โหมด Co-op ที่จะทำให้เราไม่ต้องเล่นเกมแบบเดียวดายอีกต่อไป

– เนื้อเรื่องที่เป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ทั้งหมด

– งานภาพที่ยังคงไว้ซึ่งความเป็น Darksiders

จุดสังเกต

– แฟนเกมบางส่วนอาจจะไม่ชินกับการปรับเปลี่ยนมุมมองในช่วงแรกของการเล่น

สุดท้ายนี้ ทีมงาน This is Game Thailand ต้องขอขอบคุณทาง Ripples ที่เอื้อเฟื้อเกมดีๆ เกมมันส์ๆ มาให้พวกเราได้รีวิวกันในครั้งนี้ด้วยนะครับ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…