การเปิดตัว Meta Quest หรือแว่นตาเดิมในชื่อ Oculus Quest ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่สำหรับการใช้งานแว่นตา VR แบบไม่ต้องพึ่งพาสายเชื่อมต่อได้อย่างน่าสนใจด้วยสเปคที่แรงจนสามารถรันเกมที่มีคุณภาพสูงได้แบบไม่เห็นฝุ่นเมื่อเทียบกับรุ่น Touch ที่หลายคนมองว่าไม่ค่อยแตกต่างจาก Paperboard VR และยิ่งตอกย้ำความสำเร็จมากขึ้นไปอีกกับรุ่นที่สองซึ่งอัปเกรดสเปคแบบก้าวกระโดดแถมยังได้รับการสนับสนุนจนถึงปัจจุบัน ควบคู่กับรุ่นใหญ่อย่าง Pro
แน่นอนว่าด้วยสเปคที่ยิ่งใหญ่ย่อมตามมาด้วยวิสัยทัศน์อันใหญ่ยิ่งเพราะค่ายเกมต่างๆ ก็เริ่มนำเสนอประสบการณ์ระดับ AAA มากขึ้น ทั้ง Resident Evil 4 ที่ยกเอาแคมเปญใหญ่ทั้งหมดมาถ่ายทอดรูปแบบใหม่ให้เราได้สวมบทบาทเป็น Leon ตะลุยดงปรสิตสุดโหด รวมไปถึง Hitman 3 ที่เตรียมจำหน่ายในอีกไม่ช้า กระนั้นแล้วยังคงมีอีกหนึ่งโปรเจ็กต์ที่หลายคนให้การรอคอยเพราะเปิดตัวกันมาถึงสามปีแล้วนั่นคือ Grand Theft Auto หรือ GTA: San Andreas เกมโอเพนเวิลด์ภาคดังที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดอีกหนึ่งภาค
ล่าสุดดูเหมือนว่าจะต้องตบยุงรอคอยกันไปอีกยาว เพราะ IGN ได้รายงานว่าทางตัวแทนของ Meta ได้ยอมรับเรียบร้อยแล้วว่า ณ ปัจจุบัน โปรเจ็กต์เกมดังกล่าวได้ถูกหยุดพัฒนาโดยไม่มีกำหนดเพื่อที่จะโฟกัสในโครงการอื่นๆ แต่กระนั้นแล้วพวกเขาก็ยังคงคาดหวังที่จะได้ร่วมงานกับเจ้าของแฟรนไชส์อย่าง Rockstar ในอนาคต ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อได้ยินดังนี้หลายคนก็คงกังวลไม่น้อยกับสถานะของเกมนี้ว่าเราจะได้มีโอกาสสวมวิญญาณของ CJ ไปตะลุยในดินแดนอบายมุขแสนฉาวโฉ่นี้หรือไม่
อย่างไรเสีย อีกมุมหนึ่งปฏิเสธได้ยากทีเดียวว่าการถ่ายทอดประสบการณ์ของเกมนี้ต้องเป็นเรื่องที่ท้าทายมากเมื่อเทียบกับสเปคของอุปกรณ์ Meta Quest 2 ที่จะต้องประมวลผลสถานการณ์ของเกม, AI ของตัวละครในโลกของเกม เช่นเดียวกับการตอบโต้ต่อการกระทำของผู้เล่นตลอดเวลา และยังต้องเป็นการใช้งานด้วยแว่นตา VR ที่สามารถรับคำสั่งทั้งการเคลื่อนไหว การจับคำสั่งทิศทางศีรษะ หรืออาวุธในมือ และในเมื่อเกมนี้มีรายละเอียดยิบย่อยจำนวนมากที่แม้จะไม่เกี่ยวกับเกมเพลย์โดยตรง ทว่ามันก็ส่งผลต่อความรู้สึกในการเล่นเกมที่ผู้เล่นจะต้องได้รับ จุดนี้เพื่อนๆ คิดเห็นอย่างไรมาแบ่งปันกับ ThisIsGame Thailand ดูนะ
อีกด้านหนึ่ง Grand Theft Auto: San Andreas วางจำหน่ายครั้งแรกบน PlayStation 2 ในปี 2004 ก่อนจะเริ่มให้บริการบนแพลตฟอร์มอื่นๆ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็น PC, Xbox หรือแม้กระทั่งสมาร์ทโฟนมาจนถึงปัจจุบัน โดยมีเรื่องราวเกี่ยวกับ CJ อดีตอันธพาลชายแอฟริกันอเมริกันคนหนึ่งที่เดินทางมายังงานศพของแม่ตัวเองก่อนจะพบว่าตนเองต้องเจอกับเรื่องที่ทำให้เขาต้องวนเวียนกลับมาสู่วงจรอาชญากรรมอีกครั้งในมหานครแห่งนี้
