10 ฟีเจอร์ที่ผู้เล่นอยากเห็นใน Nintendo Switch 2

เห็นทีจะเหลือแค่การเปิดตัวแล้วสำหรับเครื่องเล่นที่จะรับไม้ต่อจาก Nintendo Switch สู่ตลาดเน็กซ์เจ็น ที่บางทีอาจจะชื่อว่า Switch 2 แบบที่เราลุ้นกัน ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีการกระโดดขึ้นสู่ยุคใหม่ เราก็คาดหวังและให้ความสนใจไม่น้อยว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร วันนี้เอง ThisIsGame Thailand ก็ได้รวบรวมความหวังเล็กๆ น้อยๆ หรือคำทำนายฟีเจอร์ใหม่ที่แฟนเกมอยากได้ในรุ่นนี้มาแบ่งปันกัน และจะมีอะไรบ้างจะช้าอยู่ใยเชิญรับชมข้างล่างนี้ดีกว่า

1. อัปเกรดเกมเวอร์ชันเดิมในตลาด

ถ้าการเล่นเกมแบบ Backward Compatiblity จะกลับมาให้ใช้งานแล้วแบบนี้ก็ขอให้เกมหลายๆ เกมที่เคยมีปัญหาเรื่องเพอร์ฟอร์แมนซ์ได้รับการอัปเกรดที่เหมาะสมสักหน่อย ยกตัวอย่างเช่น Pokémon Scarlet & Violet หรือ The Legend of Zelda: Tears of the Kingdom ที่เฟรมตกกันยับเยิน เช่นเดียวกับเกมมัลติแพลตฟอร์มอาทิ Fortnite, The Witcher 3 และหลายๆ เกมที่ความละเอียดภาพวิ่งกันไม่สุด 1080p ในรุ่นปัจจุบัน

2. ลองจับมือกับบริษัทสตรีมมิงปล่อยแอปดูหนังบ้างไหม

นับตั้งแต่การเปลี่ยนมือสู่ Nintendo Switch ในปี 2017 ปู่นินของเราก็แทบจะไม่จับมือร่วมกับใครในการทำแอปสำหรับการสตรีมภาพยนตร์อีกเลย ทั้ง Netflix และ Hulu ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ยุค Wii และ 3DS ก็เป็นอันม้วนสื่อกลับบ้านกันหมดเหลือเพียง YouTube เท่านั้น บางทีหากเพิ่มความเป็นอรรถประโยชน์ในการชมสื่อบันเทิงบ้างก็อาจจะดีก็ได้ เผื่อผู้เล่นอยากเปลี่ยนบรรยากาศได้ไม่ต้องสลับสาย HDMI ไปมาเนอะ

3. คลังเกมเรโทรระดับ GameCube – Wii

ปัจจุบันเกมเรโทรในแอปพลิเคชันเล่นเกมเก่ายังคงรองรับเพียงเกมยุค 90 และถึงจะมีเกมจากยุค 2000s บ้างแต่ก็เป็นเพียง GameBoy Advance เท่านั้น มั่นใจได้ว่าเกมเมอร์หลายคนก็อาจจะอยากเล่น Mario Kart Double Dash หรือไม่ก็ Wii Sports เพื่อรำลึกความหลังกันบ้างเพราะถึงอย่างไรจอยเกมรุ่นใหม่เองก็น่าจะสามารถรองรับระบบโมชันกันสบายๆ แต่ถ้าทำไม่ได้จริงๆ ก็พอเข้าใจเพราะการเปิดตัวแอปเรโทรของ Switch รุ่นหลักก็มีต้องเล่นเกมผ่านแอปเดียว หากจะรวมไลน์อัปเกมใหญ่ๆ ไว้ในแอปคล้ายๆ กันคงมีทะลุ 30 – 40GB

4. ระบบออนไลน์ของแอปเรโทร Nintendo Switch Online ที่ปรับปรุงใหม่

ถ้าเกิดไม่ได้เกมใหญ่ๆ ข้างต้น อย่างน้อย Nintendo ก็อาจจะต้องลองพิจารณาการสนับสนุนระบบออนไลน์ของแอปเกมเรโทร Nintendo Switch Online ให้ดีขึ้น หรือว่าสังคายนาใหม่กันไปเลยก็ดีเพราะของเดิมที่ใช้ระบบ Peer-to-peer นั้นค่อนข้างที่จะตกยุคและไม่เสถียรเอาเสียเลย แม้ว่าผู้เล่นจะอยู่ในพื้นที่ประเทศเดียวกันเช่น ไทย – ไทย และ อเมริกา – อเมริกา ก็ไม่สามารถใช้งานได้ราบรื่นนัก

5. เอา Friend Code ทิ้งไป แล้วนำ MiiVerse โซเชียลล้ำยุค (เกินไป) กลับมาอีกครั้ง

เกมเมอร์ยุคใหม่ๆ อาจจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่า MiiVerse คืออะไร แต่ขอแนะนำว่านี่คือครั้งแรกที่ผู้พัฒนาเกมคอนโซลนำเสนอแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียส่วนตัวติดกับตัวเครื่อง โดยมีให้ใช้งานเพียง Wii U กับ Nintendo 3DS เท่านั้นก่อนจะยุติการสนับสนุน ซึ่งถ้ากลับมาตอนนี้ก็น่าจะปังไม่น้อยเพราะตอนนั้นทุกเกมล้วนมีฟอรัมเป็นของตัวเอง และเพื่อนๆ เองก็สามารถเพิ่มรายชื่อเพื่อนกันสะดวกมากเพราะไม่ต้องใช้ Friend Code อีก

6. หน่วยความจำที่มีคุณภาพมากขึ้น

แม้เวลาจะผ่านมานานหลายปีแต่ Nintendo ยังคงเกาะรูปแบบหน่วยความจำเดิมแบบ Flash Memory (eMMC) กันไว้แน่น ซึ่งแม้จะสามารถอ่านค่าได้รวดเร็ว แต่ก็มีจุดด้อยที่เรื่องของปริมาณเนื้อที่ที่จะน้อยกว่าเครื่องเล่นเกมรุ่นอื่น ทั้งนี้นี่ก็เป็นข้อดีที่ทำให้ทุกวันนี้เครื่องเล่น Switch ยังสามารถใช้รูปแบบการอ่านสื่อจากตลับพร้อมเล่นเกมได้เลยโดยไม่ต้องติดตั้งไฟล์ใดๆ กระนั้นในระยะยาวมันจะใช้ได้อีกนานแค่ไหนแบบเต็มประสิทธิภาพ…

7. อยากเก็บ Achievement กับเขาบ้าง

เช่นเดียวกับเรื่องหน่วยความจำที่กล่าวข้างต้น จนถึงตอนนี้ข้ามมาถึงสามเจ็นเนอเรชันเต็มๆ แล้ว แต่ Nintendo ยังคงไม่มีระบบ Achievement เป็นของตัวเองแต่อย่างใด มีเพียงบางเกมที่สามารถเก็บความคืบหน้าต่างๆ เอาไว้ได้ ทว่ามันกลับไม่โชว์บนโปรไฟล์เนื่องจากเป็นเพียงระบบเก็บถ้วยที่อยู่ในตัวเกมนั้นๆ อยู่แล้วนั่นเอง แบบนี้ต้องรอดูกันไปว่าเปิดตัวรุ่นใหม่แล้วจะได้ใช้กันสักทีไหม

8. ไลฟ์สตรีมง่ายๆ และการสนับสนุน Discord

ดูจะเป็นเรื่องที่ยากที่สุดแล้วกับการที่ Nintendo จะอนุญาตให้สื่อของตัวเองได้รับการเผยแพร่ในรูปแบบไลฟ์สตรีมทางบริการต่างๆ เช่น Twitch หรือแม้กระทั่งผูกบัญชีของตนเองเข้าสู่ Discord เพื่อเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์พูดคุย แต่ท่ามกลางกระแสการสร้างคอนเทนต์บนโลกออนไลน์ที่มีมากขึ้น และการลองชิมลางด้วยปุ่มแคปเจอร์ตั้งแต่รุ่นหลัก แถมยังเคยอนุญาตให้แชร์ภาพโดยตรงสู่ X กับ Facebook แล้ว จะลองลุ้นอีกทีก็ไม่เสียหาย

9. จอยเกมที่ไม่ดริฟต์

ปัญหาคาราคาซังที่ถูกพูดถึงแล้วหลายต่อหลายรอบจนมีข่าวลือออกมาเกี่ยวกับเรื่องจอยเกมรุ่นใหม่ ระยะเวลา 7 ปีแห่งความปวดหัวจากทั้งเสียงบ่นและการโดนผู้เล่นร้องเรียนน่าจะพอให้ปู่นินของเราสามารถคิดค้นเทคโนโลยีใดๆ ที่จะแก้ไขปัญหาดริฟต์ให้ดีขึ้น แม้จะไม่ลุ้นให้หายขาด แต่ก็ควรทำให้อายุการใช้งานแบบเพอร์เฟกต์เต็มร้อยมันยืนยาวมากที่สุดก็คงเป็นพอ

10. สเปคที่แรงขึ้นแบบเห็นได้ชัด สักทีเถ๊อะ เผื่อมันจะรองรับธีมได้!

ปกติแล้ว Nintendo มักจะไม่ยืนอยู่กับสเปคในระดับเดิมเกินสองรุ่น และถ้าเทียบกันกับ GameCube – Wii กับ Wii U – Switch ในตอนนี้เครื่องเล่นรุ่นใหม่ไม่ว่าจะชื่อ Switch 2 หรือชื่อใหม่ก็ตาม มันควรถึงคิวที่จะนำเสนอสเปคที่รองรับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมสักที ทั้งภาพความละเอียด 4K เอย หรือการรันเกมเรือธงที่ 60FPS ในความคมชัด จุดนี้แม้กระทั่งคนไม่เล่น Switch ก็คงจะจับตามองด้วยเหมือนกัน ยังไม่รวมเรื่องธีมอีกนะ โอ้โหปล่อยเอาไว้ได้ไงเจ็ดปีมีอยู่สองอันคือ Basic White กับ Basic Black

สำหรับ Nintendo Switch รุ่นใหม่นั้น จากรายงานที่ผ่านมามีเบาะแสว่าจะถือเป็นเครื่องเล่นเกมที่แบ่งออกมาเป็นเจ็นเนอเรชันใหม่ และคาดว่าจะมีสเปคการประมวลผลในระดับที่ใกล้เคียงกับ PlayStation 4 และ Xbox One รองรับการแสดงผลบนโทรทัศน์ระดับ 4K และเล่นเกมเก่าได้ พร้อมแพตช์อัปเกรดกราฟิก โดยยังคงรองรับการใช้งานบัญชีร่วมกันกับ Switch รุ่นปัจจุบัน โอกาสหน้า ThisIsGame Thailand จะมีอะไรมาอัปเดตอีกนั้น อย่าลืมติดตามที่นี่เช่นเคย