The Last of Us Part II เคยเกือบเป็นเกมแนว Open-world แล้ว
ทีมงานเคยลองทำเดโมมาเล่นดูประมาณเกือบครึ่งปีก่อนยกเลิก
นับเป็นเกมยอดนิยมที่ได้รางวัลสุดยอดเกมแห่งปีกันแบบไม่ค้านสายตาเลยสำหรับ The Last of Us Part II ที่เปี่ยมล้นด้วยคุณภาพทั้งในแง่เกมเพลย์ คอนเทนต์ และงานกราฟิกอันสมจริง และในช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็ยังได้รับการรีมาสเตอร์ใหม่เพื่อเพิ่มความสนุกและความอิ่มเอมของงานภาพได้อย่างเต็มตามากขึ้น อย่างไรก็ตามล่าสุดมีรายงานใหม่ออกมาด้วยว่ากว่าจะเป็นผลงานที่เราได้เล่นกันนั้น เกมเคยเกือบมาพร้อมฟีเจอร์ที่เราคาดไม่ถึง
ภายในสารคดี Grounded 2 ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการพัฒนาเกม The Last of Us Part II ได้มีการเปิดเผยโดยคุณ Anthony Newman ผู้กำกับร่วมของเกมนี้ด้วยว่าที่จริงแล้ว เกมเคยเกือบจะกลายเป็นรูปแบบ Open-world แล้วเพราะตอนแรกทีมงานตั้งใจให้เกมมอบประสบการณ์ที่แตกต่างจากภาคที่หนึ่งโดยสิ้นเชิง ซึ่งลักษณะก็จะเป็นเหมือนกับเกม Bloodborne และเน้นให้ตัวละครได้ต่อสู้กับศัตรูในสภาพแวดล้อมขนาดใหญ่ด้วยอาวุธระยะประชิด
ทั้งนี้ทั้งนั้นในเวลาต่อมาเมื่อทดลองไปได้ราว 4-5 เดือนพวกเขาก็ตัดสินใจยกเลิกแผนงานและปรับแนวเกมกลับมาเป็นแบบที่เราได้เห็นกัน แต่กระนั้นก็สังเกตได้ว่าฉากของ The Last of Us Part II ได้รับการถ่ายทอดออกมาเป็นพื้นที่เปิดที่ให้เรามีโอกาสเดินสำรวจในจุดต่างๆ อย่างอิสระมากขึ้นกว่าภาคแรกที่ค่อนข้างเป็นเส้นตรง แล้วสำหรับเพื่อนๆ ล่ะครับอยากเห็นเกมออกมาในรูปแบบไหน ว่าแล้วมาแลกเปลี่ยนกันดูนะครับ
ปัจจุบันเกมเวอร์ชันรีมาสเตอร์ได้เปิดให้เล่นแล้วบน PlayStation 5 เช่นการแสดงผลแบบ Native 4K และโหมด Performance เพื่อให้ภาพไหลลื่นระดับ 60FPS อีกทั้งยังปลดล็อกเฟรมเรตสำหรับจอที่รองรับได้ด้วย นอกจากนี้ก็จะพัฒนารายละเอียดขององค์ประกอบฉากให้มีความสมจริง การเรนเดอร์เงาคุณภาพสูง และการแสดงผลอนิเมชันให้การผจญภัยของ Ellie และ Abby ยิ่งใหญ่มากขึ้นไปอีก
